Thursday, April 25, 2024
More
    HomeCan i showเปิดปูม..หนุ่มอิสานรับจ้างไถนา สู่บทบาท "รองหัวหน้าข่าวเนชั่น"

    เปิดปูม..หนุ่มอิสานรับจ้างไถนา สู่บทบาท "รองหัวหน้าข่าวเนชั่น"

     

    IMG_1923
    สนับสนุนเรื่องราวดีดี
    IMG_1924
    สนับสนุนเรื่องราวดีดี

    เปิดชีวิตคอลัมน์นิสต์สุดฮอต จากนิตยสาร Cop’s Magazine  หนุ่มอิสานบ้านนา พ่อ – แม่ ประกอบอาชีพเกษตรกร ใฝ่ฝันอยากให้ลูกชายเรียนจบเป็นวิศวะกร…  “มณเฑียร อินทะเกตุ” จบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีจากจังหวัดมหาสารคาม  สื่อมวลชนคนเก่งสังกัด สำนักข่าวเนชั่น หนังสือพิมพ์คมชัดลึก…

    เปิดอกคุย เล่าปูมหลังความเป็นมากว่าจะมีวันนี้ กับความคิด ความตั้งใจแน่วแน่ฝันจะทำงานเป็นผู้สื่อข่าวสายตำรวจ – อาชญากรรม ไต่เต้าจากตำแหน่งพนักงานห้องวิทยุ สู่เก้าอี้รองหัวหน้าข่าวโต๊ะอาชญากรรม บริษัทเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด(มหาชน)  ควบคู่ไปกับการ เป็นจิตอาสาเขียนคอลัมน์กุหลาบไร้หนาม และคอลัมน์  Hobby Time ให้กับ   Cop’s Magazine นิตยสารตำรวจที่ดีที่สุดในประเทศไทย 

    จากเด็กชนบททำไร่ไถนา รับจ้างได้เงินวันละ 150 บาท  แต่มีไฟฝัน มุ่งมั่นตั้งใจเรียนจนจบระดับ ป.ตรี เพราะอยากจะเป็น “นักข่าวสายตำรวจ -อาชญากรรม” 

    ถึงวันนี้สานวันสำเร็จ ก้าวเข้ามาเดินอยู่ในแวดวงตำรวจยาวนานนับ 10 ปี  มณเฑียร อินทะเกตุ พร้อมเปิดหน้าพูดคุยกับทีมงาน Police News  Varieties เผยทุกที่มาที่ไป ฝึกฝน – ค้นคว้า เรียนรู้ที่จะปรับตัวเองให้ก้าวทันโลกของสีกากี …. ชีวิตของเค้า กว่าจะผ่านไปแต่ละวันล้วนแล้วแต่ต้องใช้ความพยายาม …

    5521173098497.LINE
    ยินดีที่ได้รู้จักครับ

     

    5521900206323.LINE
    หล่อเวอร์วัง

    P:: เล่าประวัติส่วนตัว ชื่อนามสกุล ความเป็นมาในวงการข่าวตั้งแต่เริ่มจนถึงวันนี้ให้ฟังหน่อยคะ

    M :: มณเฑียร อินทะเกตุ ชื่อเล่นไม่มี แต่ผู้คนส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมเองจะตัดชื่อจริงเหลือพยางค์เดียวให้จำง่ายว่า “เฑียร”  ปัจจุบันอายุก็ 30++  เป็นคนบ้านนอกคอกนา จากดินแดนที่ราบสูงเมืองขอนแก่น อยู่ในอำเภอเมืองแต่ห่างความเจริญพอสมควร พื้นเพอาชีพของครอบครัวเป็นเกษตรกรรม รับจ้างทั่วไป ทำนาตามฤดูกาล (ทำไว้กิน เหลือค่อยขายเป็นทุนไว้ซื้อปุ๋ย) พ่อแม่จบการศึกษาแค่ชั้น ป.4 แต่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอยากให้ผมเรียนสูงๆ หวังให้เป็นเจ้าคนนายคน

    โดยเฉพาะผู้เป็นพ่ออยากให้เรียนวิศวะ เพราะท่านคลั่งใคล้อาชีพนี้เหลือเกิน แต่ด้วยสติปัญญาไม่ชอบการคำนวณตั้งแต่ต้น จึงเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษา (เลี่ยงการคำนวณแบบเต็มรูปแบบ) แม้พ่อจะคาดหวังอยากให้เรียนสายวิทย์เพื่อปูทางเอ็นทรานซ์เข้าคณะวิศวะ แต่ก็ปล่อยให้ผมเป็นคนตัดสินใจเอง โดยที่ไม่เคยบังคับ และจำกัดเส้นทางในการเรียน

    ระหว่างเรียนเวลาว่างผมจะไม่ได้ไปวิ่งเล่นที่ลานวัด หรือสนามของโรงเรียนเหมือนเพื่อนๆ เพราะถูกผู้เป็นพ่อปลูกฝังการสู้ชีวิตเอาไว้ตั้งแต่เด็ก ช่วยพ่อแม่ทำงาน ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอก ต้องตื่นแต่เช้ามืดไปตักน้ำบ่อบาดาลมาไว้อาบ เข็นน้ำจากบ่อสาธารณะมาไว้รดต้นมะม่วง เลิกเรียนต้องเตรียมจอบรอพ่อไปถากถางหญ้าที่คันนาเตรียมการเพาะปลูก โตมาระดับมัธยมก็ทำไร่ไถนา แม้กระทั่งช่วงปิดเทอมก็ไปช่วยพ่อรับจ้างไถนาไร่ละ 150 บาท กิจวัตรเป็นแบบนี้ตั้งแต่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัย

    ย้อนเวลาก่อนเรียนจบอุดมศึกษา ด้วยความที่เรียนระดับปานกลาง ช่วง ม.ปลาย แม้จะมีครูแนะแนว มีรุ่นพี่ที่เอ็นทรานซ์ติดมาแนะนำ ผมเองยังไม่รู้จักตัวเองว่าจะเรียนสาขาไหน พอถึงตอนเอ็นทรานซ์ก็เลือกคณะมนุษยศาสตร์ โดยเลือกสาจาวิชาทั้ง 4 อันดับในคณะนี้ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เหตุผลเดียวคือต้องการอยู่ใกล้บ้าน ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งปวง

    ผลสรุปคะแนนที่สอบได้ไม่ผ่านสักอันดับ ผมเคว้งกับชีวิตว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี จะเบนเขมสายอาชีพ หรือจะเสี่ยงดวงเข้ากรุงเพื่อเรียนรามคำแหง ช่วงรอยต่อของความคิดก็มีเพื่อนชวนสมัครระบบพิเศษที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(มมส.) โดยนำคะแนนจากการเอ็นทรานซ์ไปสมัคร และยังคงถามตัวเองว่าจะเรียนคณะไหน สาขาอะไร ก่อนที่จะเหลือบเห็นสาขาวิชาการสื่อสารมวลชน คณะวิทยาการสารสนเทศ ผมไม่คิดอะไรมากจำจดคำที่ว่าสื่อสารมวลชน เรียนจบมาต้องมีงานทำแน่ เพียงเพราะสาขาวิชานี้มันมีคำว่า”มวลชน”

    5521172986855.LINE
    รับกระเช้าจากแหล่งข่าว

     

    5521900194382.LINE
    ผมเองคับ

    P :: ทำไมถึงเลือกมาทำงานเป็นนักข่าวที่นี่ เจาะจงมั้ยค่ะว่าต้องมาทำสาตำรวจ

    M :: ผมเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามจนถึงปี 4 ยังจับจุดไม่ได้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดแบบไหน เพราะสาขาวิการการสื่อสารมวลชนที่ผมตัดสินใจเรียนคือการเรียนทุกสิ่งอย่างของนิเทศศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่ผมสนุกและมีความสุขตอนเรียน คือเกรดที่ปรากฏจากวิชาเรียน ผมมักจะได้เกรดดีๆในวิชาการถ่ายภาพ การเขียนบทบรรณาธิการ การทำหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติ กระทั่งการถ่ายภาพกับการเขียนข่าวเป็นสิ่งที่ผมต้องเลือกตอนฝึกงาน การถ่ายภาพก็ชอบ

    แต่ด้วยอุปกรณ์กล้อง เลนส์ แฟลซ ฯ ดูเหมือนจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ผมจึงเลือกที่จะฝึกมาเป็นนักข่าวเพราะเข้าใจว่า ความจำ ช่างสังเกต เก็บรายละเอียด จดๆลงกระดาษแล้วพิมพ์ส่ง หรือโทรส่งข่าว น่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ทุนการเงินน้อยที่สุด นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการมาเป็นนักข่าวจวบจนปัจจุบันจากความคิดตื้นๆของผม

    ผมเจาะจงเลือกส่งจดหมายมาขอฝึกงานกับหนังสือพิมพ์”คม ชัดลึก”  ทั้งที่เปิดตัวหากจำไม่ผิดไม่น่าจะเกิน 3 ปี โดยเลือกเฉพาะเจาะจงว่าเป็นโต๊ะข่าวอาชญากรรม

    เหตุผลที่เลือกโต๊ะข่าวนี้ไม่ใช่ว่าผมกระหายกลิ่นคาวเลือด หรืออยากเห็นศพเกลื่อน แต่คิดว่าโต๊ะข่าวนี้มีความท้าทาย มีหลายสิ่งให้ค้นหา ไม่ใช่เพียงแค่การฆ่ากันตาย หรืออุบัติเหตุรุนแรง ทันทีที่ทางบริษัทเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่ผมเจาะจงตอบรับ ผมก็เตรียมพร้อมด้วยการซื้อหนังสือพิมพ์คมชัดลึกอ่านทุกวัน เน้นข่าวอาชญากรรม สกู๊ปข่าวต่างๆที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำรวจ ศึกษาคำย่อยศ ตำแหน่งของตำรวจ เพื่อเวลามาสัมผัสประสบการณ์จริงจะได้เรียกถูกใครสารวัตร ใครหมวด ใครผู้กอง ฯลฯ และพร้อมจะเก็บเกี่ยวเรียนรู้จากการทำงานจริงบนสังเวียนข่าวให้เต็มที่ ถึงขั้นฝืนกฏนักศึกษาฝึกงานที่จำกัดให้ทำแค่ 8 ชั่วโมง แต่ได้รุ่นพี่ดีเปิดทางเรียนรู้งานจึงอาศัยความถึกเรียนรู้งานทั้งในออฟฟิศ(โต๊ะข่าว) และงานภาคสนาม รวมแล้ววันหนึ่งๆผมฝึกงานอย่างน้อย 16 ชั่วโมง

    ด้วยความมุ่งมั่นขยันหมั่นเพียร และพัฒนาตนเองทำให้เขาตาม บก.ข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ซึ่งขณะนั้นคือพี่ ปรีชา สอาดสอน ทอดสะพานเชื้อเชิญให้มาร่วมงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่เจอพิษเศรษกิจ บริษัทไม่มีนโยบายรับคนเพิ่ม ต้องทนทำงานเป็นพนักงานห้องวิทยุ ฟังเหตุด่วนเหตุร้ายแล้วแจ้งทีมข่าวไปทำ กินเงินเดือนเทียบเท่าคนจบ ม.3 ทั้งที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี

    อดทนรออยู่ปีกว่าโอกาสบรจุเป็นนักข่าวก็เปิดทางให้ แม้มีการสกัดดาวรุ่งแต่ก็ผ่านมาได้ ด้วยความไว้วางใจของรุ่นพี่นักข่าวที่โต๊ะอาชญากรรมออกเสียงเชียร์เหนือคู่แข่งแคนดิเดต สิ่งหนึ่งที่ยึดถือปฏิบัติคือความขยัน ตรงต่อเวลา พัฒนาหาประเด็นเพื่อให้ข่าวแต่ละชิ้นสมบูรณ์ที่สุด

    จนทำให้ปัจจุบันจากเด็กบ้านนอกเข้ากรุงมาเป็นนักข่าวไร้เดียงสาหน้าตามหาโจร ขยับขึ้นมาให้ทำหน้าที่หัวหน้าข่าวอาชญากรรม สำนักข่าวเนชั่น และยังได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเพื่อน พี่ๆ น้องๆในทีมงาน

    155200_1447840767744_395463_n
    ถ่ายโปรโมท รายการระวังภัย24 ชม.

    5521173053605.LINE

    P:: ทัศนะคติที่มีต่อวงการสื่อสารมวลชนไทยในยุคปัจจุบัน

    M :: หากจะให้เอาทัศนะคติส่วนตัวมองวงการสื่อสารมวลชนไทยในปัจจุบัน ผมมองว่าทุกวันนี้การนำเสนอข่าวมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะการนำเสนอบนโซเชียลมีเดีย ที่สังคมในยุคปัจจุบันยึดติด บางครั้งหรือหลายๆครั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารขาดการไตร่ตรอง ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วนก่อนนำเสนอ หรือแม้แต่สื่อหลักอิงโซเชียลมีเดียเสนอข่าวที่ปราศจากการตรวจสอบ ทำให้การนำเสนอข่าวหลายๆข่าวขาดความถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบุคคลหรือองค์กรได้ อยากให้ช้าแต่ชัวร์ ดีกว่าเร็วแต่มั่ว เพราะจะทำให้คนเสพสื่อเกิดความเข้าใจผิด สร้างความเกลียดชัง

    ที่สำคัญทุกวันนี้สื่อต่างๆมักใช้ความดราม่าจะฉุดเรตติ้งให้กับองค์กรสื่อตัวเอง หรือนำเสนอเรื่องราวล่อแหลมสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบตามมา เพียงเพราะอยากเป็นเบอร์หนึ่ง ที่ว่ามานี้ไม่ใช่โลกสวย แต่ไม่อยากให้สื่อ หรือคนทำสื่อตกเป็นเครื่องมือของอีกฝ่ายโจมตีอีกฝ่ายเพราะอคติส่วนตน สื่อควรเป็นสื่อกลาง ไม่ตัดสินถูกผิด แต่ต้องนำเสนอข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อให้ผู้คนในสังคมอ่าน ดู หรือฟังแล้วคิด วิเคราะห์ แยกแยะเอง ว่า อะไรเป็นอะไร และสื่อมวลชนเองต้องพิสูจน์ทราบนำเสนอให้ความกระจ่างแจ้งต่อสาธารณะชนในทุกๆข่าวสารที่นำเสนอ

    P:: ขอบเขตของหน้าที่สื่อมวลชนในคำจำกัดความของคุณ

    M :: ส่วนตัวแล้วมองว่าทุกสาขาอาชีพต่างมีหน้าที่และขอบเขตของตัวเอง อย่างสื่อมวลชนเองเหมือนเป็นตัวกลางที่เสนอข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อาจเป็นตัวแทน เป็นกระบอกเสียงเรื่องการร้องเรียน ร้องทุกข์ เป็นตัวแทนตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ แล้วสะท้อนให้เกิดการรับรู้รับทราบ เพื่อให้เกิดการแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาให้ดีขึ้น หรือเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆซ้ำซ้อน แต่สื่อเองก็ไม่ควรก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น โดยที่อ้างว่าตัวเองเป็นนักข่าวจะตีแผ่ แคะข้อมูลส่วนตัว หรือละเมิดสิทธิ์คนอื่นจนก่อให้เกิดความเสียหาย อันหมายถึงการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลได้ ทุกอย่างควรเป็นเหตุเป็นผล และไม่ใช้อารมณ์หรืออคติส่วนตัวไปตัดสินคนอื่นในการนำเสนอเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณชน

    P  :: มีคนข่าวในดวงใจมั้ยค่ะ // ใครค่ะ

    M :: คนข่าวในดวงใจอันนี้ผมไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำใให้ผมหันเหมาสนใจข่าวและอยากเป็นนักข่าวคือคนเขียนหนังสือ”กรรมกรข่าว” นั่นก็คือ นายสรยุทธ สุทัศนจินดา แม้ปัจจุบันจะมีเรื่องราวมากมายเกืดขึ้นกับชายคนนี้ แต่ควรแยกแยะระหว่างการทำหน้าที่สื่อมวลชนกับธุรกิจ ผมชอบมุมมอง ชอบการขุดเจาะหาประเด็น ชอบคำถามหาข้อมูล ชอบการทำหน้าที่สื่อมวลชนของเขา

    สรุปง่ายๆคือผมมีเหตุและผล เรื่องดีผมจะเอาเยี่ยง แต่เรื่องไม่ดีผมจะไม่เอาอย่าง ทุกคนมีข้อดีข้อเสีย แต่อยู่ที่ว่าเราจะเอาข้อดีมาประยุกต์ใช้อย่างไร แล้วเอาข้อเสียเป็นสิ่งย้ำเตือนและหลีกเลี่ยงแบบไหน

    5521900048725.LINE
    กับพี่โต้งเจ้าของนิตยสารCop’s

    5521173143297.LINE

    5521925961243.LINE 

    P :: มีความสุขกับการทำงานสายนี้มั้ย คิดจะเปลี่ยนไปทำธุรกิจส่วนตัว หรือเปลี่ยนสายงานมั้ย

    M  :: ความสุขของการทำงานสายนี้สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าข่าวจะเป็นตัวหนังสือหรือเสียงบรรยาย แม้แต่ภาพหรือคลิปที่ปรากฏถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะชน มันเป็นความภาคภูมิใจ เพราะสิ่งที่เราทำไม่ได้เก็บเงียบอยู่ในกล่องเล็กๆไว้ให้เราเปิดอ่านระลึกความทรงจำ หรือย้ำเตือนเหตุการณ์เพียงคนเดียว แต่มันได้ถูกเผยแพร่ไปสู่ผู้คนหนึ่งคน สองคน ร้อยคน แสนคน หรือเป็นล้านคน ซึ่งเราได้ทำหน้าที่หรือเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลข่าวสารให้ผู้คนได้รับรู้ อันหมายถึงประโยชน์ความรู้ ประสบการณ์ชีวิต ข้อเตือนใจ หรืออุทาหรณ์ต่างๆที่เราต้องการถ่ายทอดออกไป ที่สำคัญจะพึงระลึกเสมอว่าหนึ่งคนชมมีค่ากว่าร้อยคนด่าจากข่าวที่เราทำ ตอนนี้ยังสนุกและมีความสุขกับงานข่าวที่ทำ ได้คิด ได้เขียน อนาคตหากไม่ได้เป็นนักข่าวคงต้องหันกลับไปทำเกษตรแบบพอเพียง

    P :: มาร่วมเป็นจิตอาสา เขียนคอลัมน์ในนิตยสารตำรวจได้อย่างไรคะ 

    M :: ผมได้รับโอกาสเขียนคอลัมน์ ในนิตยสาร”คอปแมกาซีน(Cop’s magazine) เริ่มจากคอลัมน์แนวไลฟ์สไตล์ กิจกรรมยามว่าง หรืองานอดิเรกหลังเวลาราชการของตำรวจ ชื่อคอลัมน์ “Hobby Time” โดยใช้นามปากกาว่า”เปลวเทียน” แรกๆก็หวั่นใจเป็นกังวลว่าจะเขียนออกมาได้ไม่ดี แต่เมื่อโอกาสพิสูจน์ความสามารถมาถึง ก็ต้องทดสอบท้าทายกับงานเขียนในหนังสือชั้นยอด ที่มีนักข่าว นักเขียนเยอะประสบการณ์มากฝีมือรวมตัวกันก่อตั้ง บรรเลงงานเขียนชั้นเลิศรวมในหนังสือเล่มนี้

    สิ่งหนึ่งที่ยึดมั่นของการทำงานคือเต็มที่ ทำสุดความสามารถ สุดท้ายก็ดีใจราวกับถูกหวยรางวัลใหญ่เมื่อเจ้าของหนังสือ (พี่โต้ง ชนาธิป กฤษณสุวรรณ) ผู้คร่ำหวอดในวงการข่าวอาชญากรรม โดยเฉพาะข่าวสืบสวนสอบสวน มีแหล่งข่าวเป็นตำรวจระดับพระกาฬครบครัน เอ่ยปากชมคอลัมน์ที่เขียน ว่า เขียนดี ชอบสไตล์แบบนี้ เพียงแต่นี้มันทำให้ผมมั่นใจและปราบปลื้มอย่างมากที่ได้รับโอกาสและร่วมงานเขียนในหนังสือเล่มนี้

    จากนั้นก็มีคอลัมน์ “กุหลาบไร้หนาม” ซึ่งเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับผู้หญิง คอนเซ็ปคือสวยและเก่ง ตีแผ่เผยแพร่แนวคิดการใช้ชีวิต หลักการทำงาน การแก้ไขปัญหา เอาชนะอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงจุดหมายแห่งความสำเร็จในชีวิต และตามด้วยคอลัมน์”ตุลาการชาวบ้าน” ที่นำเสนอผลงาน นโยบาย ทัศนคติ การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกันกับตำรวจของ กต.ตร. ในแต่ละท้องที่ สรุปตอนนี้ก็มีคอลัมน์ที่รับผิดชอบอยู่ 3 คอลัมน์ 3 สไตล์ ทำให้รู้สึกปลื้มใจที่ได้รับความไว้วางใจขนาดนี้

    ส่วนตัวแล้วทำงานข่าวอาชญากรรม ก็จะได้สัมผัสกับตำรวจมากพอสมควร และการเขียนคอลัมน์ Hobby Time ก็ทำให้รู้จักตำรวจหลายคนมากขึ้น ทำให้รู้และเข้าใจการทำงานของตำรวจ ที่มีต้นทุนทางสังคมค่อนข้างต่ำ ชาวบ้านไม่ชอบมากกว่าชื่นชม ผมยอมรับว่าทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ตำรวจเองก็เช่นกัน แต่มั่นใจว่าดีมีเยอะกว่าชั่ว สำหรับผมแล้วจะชื่นชมคนทำดียึดมั่นกติกา และจะประณามตำรวจที่ประพฤติชั่วทำผิดกฎหมายเสียเอง จะไม่เหมารวมด่าตำรวจทั้งองค์กร ซึ่งขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจส่วนใหญ่ที่เสียสละทุ่มเททำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน สร้างสังคมน่าอยู่สืบไป

    5521900077053.LINE
    เพื่อนต่างค่าย
    5521173388729.LINE
    ชิลๆในออฟฟิศ

    P :: มองสังคมเด็กนักข่าวยุคใหม่เป็นอย่างไร

    M :: หลายคนอาจมองว่านักข่าวยุคใหม่เก่งไม่เท่านักข่าวสมัยก่อน เพราะยุคก่อนต้องลุย เข้าถึง คลุกคลีแหล่งข่าว ชนิดที่แบบคลุกวงใน ไปไหนไปกัน พี่เลิฟน้องรัก แต่ด้วยสถานการณ์เปลี่ยน ค่านิยมเปลี่ยน เทคโนโลยีมีการพัฒนา การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทำได้ง่ายขึ้น ความรวดเร็วในการส่งข่าวง่ายเพียงแค่นิ้วสัมผัส อย่างที่บอกทุกวันนี้การแข่งขันสูงเอาเร็วเข้าว่า มีของดีต้องรีบตีแผ่นำเสนอเป็นเจ้าแรก ฉะนั้นคุณสมบัตินักข่าวยุคใหม่นอกจากเฉลียวฉลาด ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีล้ำเลิศไหนก็ไม่เท่าความจริงใจเวลาคุยต่อหน้าแหล่งข่าว

    และด้วยเหตุผลของความทันสมัยในเทคโนโลยีการสื่อสาร สืบค้นข้อมูล อาจทำให้นักข่าวรุ่นใหม่พลาดประเด็นสำคัญ คิดน้อย สงสัยน้อย จนทำให้ข่าวที่ปรากฏต่อหน้า ทั้งที่น่าเป็นเรื่องสำคัญแต่กลายเป็นสิ่งด้อยค่าไม่น่าเป็นข่าวอย่างที่พวกเขาคิด เพราะเพียงแค่เห็นภาพความเสียหาย และเรื่องราวสั้นๆในมือถือก็ตัดสินสาระสำคัญของต้นเหตุเสียแล้ว มองเรื่องเล็กของคนใหญ่ สำคัญกว่าเรื่องใหญ่ของคนเล็ก นั่นอาจทำให้เกิดข้อบกพร่องของนักสื่อสารมวลชนที่ดี มุ่งทำเรื่องดราม่า มากกว่าคุณค่าของความเป็นมนุษย์

    P :: ตำรวจที่เราเคารพรักและมองว่าเค้าทำงานดี มีคุณภาพ

    M  :: ส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบการทำงานของ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่มีความละเอียดรอบคอบในการทำคดี การหาวัตถุหลักฐาน พยานแวดล้อม พยานบุคคล อ้างอิงความน่าเชื่อถือจากนิติวิทยศาสตร์

    เรื่องการสอบสวนผมกลับชอบ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เพราะต้องข้อสังเกต ข้อสงสัย ไขข้อข้องใจ แม้หลายครั้งจะตอบคำถามสื่อแบบยียวนและสำนวนคดีที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ว่าทำรัดกุม ละเอียดถี่ถ้วน

    5521900114804.LINE
    ลงพื้นที่ทำข่าว
    5521173233226.LINE
    น้องกุ้งแฟนสาว

    P :: มีแฟนรียังค่ะ

      M  ::    มีแฟนหรือยังน่ะเหรอครับ อันนี้ไม่ได้โม้ ถึงรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย ก็พอมีสาวสวยคู่ใจอยู่ครับ ปัจจุบันนี้กับคบหาดูใจย่างเข้าสู่ปีที่ 7 ก็หวังว่าจะไม่ใช่เลขอาถรรพ์เหมือนที่ดารา เซเลป หลายๆคนเขาเป็นกัน เรื่องนี้ผมไม่กังวล ไม่ว่าปีที่ 7 หรือปีที่เท่าไหร่ใจก็ยังมั่นคง ท่องแค่สองประโยค ซื่อสัตย์ และ รักจริง เชื่อว่าคู่รักหลายคนคงครองคู่นิรันดร์ จะมีเพียงความตายที่แยกกายจากันครับ

    P ::   ฝากอะไรถึงพี่น้องตำรวจ แล้วก็เพื่อนๆนักข่าวหน่อยค่ะ

    M  ::  สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทั้งตำรวจและนักข่าว อยากให้รับรู้ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่ ถูกว่าตามถูก ผิดว่าตามผิด ทองแท้ไม่กลัวไฟ ตำรวจคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้สังคมมีความน่าอยู่ สงบสุข หากปฏิบัติหน้าที่อย่างดีไม่ต้องกลัวตกต่ำ แม้จะปิดทองหลังพระก็ยังมีคนเห็น นักข่าวเองก็เช่นกัน หากยึดมั่นในความถูกต้อง นำเสนอแต่ข้อเท็จจริง ไร้ผลประโยชน์แอบแฝงก็จะได้มิตรแท้และความน่าเชื่อถือเป็นผลตอบแทน

    155224_1447777326158_1368879_n-1
    พี่กอฟฟี่ เคยร่วมงานกันตอนอยู่เนชั่น ปัจจุบันเธออยู่ไทยรัฐ

     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments