เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 17 ม.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.6 บก.ป. พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล สว.กก.6 บก.ป.นำกำลัง พร้อมหมายศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 30-33/2560 ลงวันที่ 16 มกราคม 2560 เข้าตรวจค้นจับกุม นายธนินพัฒน์ จันทร์เรือง อายุ 31 ปี , น.ส.พนิดา มหรรฆตระกูล อายุ 36 ปี และ นายวัฒนา เพ็ชรปัญญา อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2042-44/2560 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมนายธนินพัฒน์ ได้ที่บ้านเลขที่ 9/32 ซอยสถิตยุทธการ 4 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี ส่วน น.ส.พนิดา จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 39/294 หมู่บ้านสิริกานต์ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ขณะที่ นายวัฒนา จับกุมตัวที่บ้านเลขที่ 71/391 หมู่ 4 หมู่บ้านพฤกษา ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.ยุวดี ศรีโคตร พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด รวม 5 คน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เสาวนีย์ สุนทร อายุ 24 ปี กับพวก รวม 9 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ภายหลังทั้งหมดอ้างว่ามีโควต้าสามารถช่วยเหลือบุคคลที่ต้องการเข้ารับราชการทหารได้ โดยไม่ต้องสอบบรรจุ มีการพาผู้เสียหายเข้าไปฝึกที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จ.นครนายก และจัดพิธีประดับยศให้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ซึ่งกลุ่มของ น.ส.เสาวนีย์ จะแต่งเครื่องแบบทหาร มาร่วมพิธีการดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเข้าใจว่าได้เข้ารับราชการทหารแล้ว
ต่อมาผู้เสียหายได้จ่ายเงินค่าดำเนินการให้กับ น.ส.เสาวนีย์ รวมเป็นเงิน 1.43 ล้านบาท เหตุเกิดในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จ.นนทบุรี จ.นครนายก และ จ.ปทุมธานี นับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2559 ต่อเนื่องกัน แต่ผู้เสียหายทั้งหมดมาทราบภายหลังว่าถูก น.ส.เสาวนีย์ กับพวก ร่วมกันหลอกลวงและไม่ได้เข้าเป็นทหารแต่อย่างใด จึงรวมกันเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดย พ.ต.อ.สมพงษ์ มอบหมายให้ พ.ต.ท.ธราดล ประสานกับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ กระทั่งได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาไว้แล้ว 9 ราย ขณะนี้คงเหลือ น.ส.เสาวนีย์ สุนทร อายุ 24 ปี นายธณรัสย์ นภิศสิริปภัสร์ อายุ 35 ปี นายกฤตานนท์ หรือสุภัทร์ มั่งคล้าย อายุ 35 ปี และผู้ต้องหาที่ยังไม่ทราบชื่ออีก 3 ราย ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีคดี
สอบสวน น.ส.พนิดา ให้การปฏิเสธ อ้างว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูก น.ส.เสาวนีย์ หลอกลวงว่าสามารถช่วยเหลือให้เข้ารับราชการทหาร สังกัดกรมยุทธศึกษาทหารบก ในตำแหน่ง ร.ต.หญิง เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ได้มอบเงินค่าดำเนินการไป 3 แสนบาท ต่อมาเดือนมีนาคม น.ส.เสาวนีย์ ได้นัดหมายให้ตนไปพบที่หน้าที่ทำการภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก โดย น.ส.เสาวนีย์ แต่งกายคล้ายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารมีเสื้อคลุมสีดำกระโปรงสีขี้ม้า ออกมารับ แล้วจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร พร้อมกับพาไปตัดเครื่องแบบทหาร ทำให้ตนยิ่งเกิดความเชื่อถือ หลังจากเวลาผ่านไปนานกว่า 6 เดือนแล้ว ยังไมได้เข้ารับราชการแต่อย่างใดแต่กลับได้เลื่อนยศเป็นร้อยโท ตนจึงเอะใจพยายามสอบถามไปยัง น.ส.เสาวนีย์ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง สุดท้ายตนไม่สนใจที่จะเข้าเป็นทหารแล้วจึงขอเงินค่าดำเนินการคืน ซึ่ง น.ส.เสาวนีย์ ยอมคืนเงินให้เพียง 6 หมื่นบาท
น.ส.พนิดา ให้การอีกว่า นอกจากนี้ในช่วงระหว่าง 6 เดือนที่ตนเข้าใจว่าได้เข้ารับราชการทหารในยศ ร.ต.หญิง แล้ว ยังถูก น.ส.เสาวนีย์ หลอกลวงให้แต่งเครื่องทหารไปที่บ้านพักของ น.ส.เสาวนีย์ เพื่อไปให้โอวาทกับบุคคลที่จะเข้ารับราชการเป็นนายสิบทหารบก อีกด้วย ตนจึงขอยืนยันว่าเป็นผู้ที่ถูกหลอกลวงจาก น.ส.เสาวนีย์ เช่นกัน ทั้งนี้ ชุดจับกุมยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีและขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการแต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังกองบัญชาการกองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อพิจารณาดำเนินคดีในข้อหา แต่งกายเครื่องแบบทหารที่ยังใช้ในราชการโดยไม่มีสิทธิ ตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบทหาร มาตรา 6 ต่อไป