จากกรณีที่ทางตำรวจกองปราบปรามได้จับกุม นางกมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร หรือแม่ตุ่ม (ชื่อเดิม นางกิมเอ็ง แซ่เตียว) อายุ 62 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1563/2559 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2559 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม”
(ขอบคุณภาพบางส่วนจากเว็บไซต์คมชัดลึก)
หลังมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ว่าผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรม ในลักษณะแอบอ้างเบื้องสูงคล้ายนางไก่ มณตา หยกรัตนกาญ โดยได้แอบอ้างผ่านรายการสถานีโทรทัศน์ แห่งหนึ่งได้เผยแพร่วีดีทัศน์สารคดีเฉลิมพระเกียรติ โดย นางกมนทรรศน์ โดยให้สัมภาษณ์เชิงกล่าวอ้างว่า เคยตามเสด็จฯ และ อ้างว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดกับบุคคลชั้นสูง อีกทั้งเป็นผู้ปรุงอาหารถวายในสำนักพระราชวัง มีการสร้างภาพทาง สังคมหรือสาธารณะเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นเชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับคนชั้นสูง จากนั้นจะชักชวนให้ร่วมทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสต่างๆ โดยมีผู้เสียหายจำนวนหลายคนหลงเชื่อ มอบเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีนางกมนทรรศน์ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี รวมมูลค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 2,979,300 บาท และหลังจากที่ได้รับเงินแล้วนางกมนทรรศน์ ได้นำหนังสือทรงขอบใจ
โดยอ้างว่าเป็นหนังสือที่ออกโดย สำนักพระราชวัง อีกทั้งพบว่า นางกมนทรรศน์ เป็นบุคคลเดียวกับนางกิมเอ็ง อดีตผู้ต้องหา คดีหลอกลวงผู้อื่นให้บริจาคเงิน โดยอ้างว่าสามารถขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และ ถูกศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพากษาจำคุก6 ปี ต่อมาพ้นโทษจึงเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล หลายครั้งจนปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ดร.กมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร หรือแม่ตุ่ม” ซึ่งเป็นพี่สาวคนละแม่กับ”หญิงไก่ โดยจับกุมได้ที่ ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ภายหลังตำรวจกองปราบได้แจ้งข้อหาหมื่นสถาบันตามประมวลกฏหมายอาญา ม.112 ก่อนนำตัวฝากขังเป็นเวลา เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 ส.ค. พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รองผบช.ก. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นนางกิมเอ็ง แซ่เตียว และ นางมณตรา หยกรัตนกาญจน์ หรือ หญิงไก่ แม้ความสัมพันธ์จะเป็นพี่น้อง แต่จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และในทางคดีไม่พบว่าการกระทำผิดของบุคคลทั้งสองเกี่ยวข้องกัน แต่เป็นลักษณะต่างคนต่างกระทำผิด อย่างไรก็ตามขณะนี้มีเจ้าทุกข์เข้ามาแจ้งความกล่าวโทษ นางกมนทรรศน์ หรือ นางกิมเอ็ง จำนวน 3 ราย ซึ่งได้ให้คณะพนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่าจะมีผู้เสียหายอีกหลายรายเข้ามาแจ้งความเพิ่ม ซึ่งในส่วนที่ปรากฏภาพข่าวว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับพลตรี และพันเอก รวมถึงบริษัทเอกชนอยู่ในงานกิจกรรมต่างๆนั้น
เบื้องต้นพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่ามีเจตนาร่วมกระทำผิดหรือไม่ หรืออาจจะถูกนางกมนทรรศน์ หลอกให้เชื่อ โดยต้องเรียกเจ้าของ หจก.ภักดีชนก จำกัด รวมทั้งบุคคลที่ปรากฏในภาพมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งผบช.ก.เน้นย้ำให้ทำสำนวนคดีให้รอบคอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบผู้ใดกระทำผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดในส่วนของนายทหารระดับสูงนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ
เชิญตัวมาสอบปากคำ และยังไม่ได้รับการประสานเข้าให้ปากคำแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดตรวจสอบอยู่แล้ว
ทั้งนี้มีรายงานว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่ได้ระบุพฤติการณ์ของนางกิมเอ็งว่า มักมีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันอ้างว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดกับบุคคลชั้นสูง รวมทั้งมีการสร้างภาพทาง สังคมหรือสาธารณะเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นเชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับคนชั้นสูง จากนั้นจะชักชวนให้ร่วมทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสต่างๆ โดยมีผู้เสียหายจำนวนหลายคนหลงเชื่อ มอบเงินสดให้ โดยผู้เสียหายรายหนึ่งได้ให้การว่า รู้จักกับนางกิมเอ็งขณะไปทำบุญที่สำนักสงฆ์โพธิสัตว์ บรรพตนิมิตร ตำบลและอำเภอเมืองกาญจนบุรี จากนั้นได้ถูกนางกิมเอ็งชักชวนไปทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสต่างๆ
ทั้งนี้ยังปรากฏข้อมูลอีกว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา นางกิมเอ็งได้จัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียติถวายเป็นพระราชกุศล โดยมีการปลูกต้นไม้ 1 พันต้น ที่สำนักสงฆ์ห้วยน้ำหนัก ตำบลตะนาวศรี, อำเภอสวนผึ้ง ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และหากพบว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
มีรายงานว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลการกระทำความผิดของนางกิมเอ็ง แซ่เตียว หรือนางกมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร เบื้องต้นพบว่ามีพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูงในการเรียกรับผลประโยชน์ โดยตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจน อยู่ระหว่างการพิจารณาประมวลเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก่อนเสนอต่อไปยัง ตร.
โดยขณะนี้พบว่านางกิมเอ็ง กระทำผิดเพียงคนเดียว ในส่วนหนังสือทรงขอบใจ ที่นางกิมเอ็งอ้างว่าเป็นหนังสือที่ออกโดย สำนักพระราชวัง นั้นจากการตรวจสอบกับทางสำนักพระราชวังพบว่าเป็นหนังสือที่ปลอมขึ้น อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าในวันพรุ่งนี้(30 ส.ค.) เวลา 13.00 น. ทางพล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รองผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อวางแนวทางการทำงาน พร้อมติดตามความคืบหน้าคดี ที่กองบังคับการปราบปราม
