แต่เป็นคนเดียวกับ พล.ต.ต.ภาสกร สถิตยุทธการ นายพลป้ายแดงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่งสมนาคุณให้ ก่อนเกษียณอายุราชการในเดือนต.ค.63 นี้
ผู้การอุ้ม เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธปืนอย่างหาตัวจับได้ยาก ผ่านการฝึกหลักสูตรสำคัญทางยุทธวิธีหลายอย่าง
คุณวุฒิคุณสมบัติน่าจะได้เป็นนายพลตั้งนานแล้ว แต่บุคลิกวาจาโผงผางแต่จริงใจ เลยไม่รู้ไปสะดุดอะไรใครบ้าง
วันนี้มาอ่านประวัติคร่าวๆเส้นทางสีกากีชีวิตก่อนเกษียณฯของพี่อุ้ม ที่ผมได้รับเกียรติได้นั่งคุยและบันทึกไว้เมื่อปลายปีที่แล้วกันครับ


“ผมเป็นคนกรุงเทพฯ เรียนโรงเรียนราชินีบน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ป.4 มีผู้ชายด้วยสมัยนั้น แล้วไปเรียนต่อที่ สาธิตประสานมิตร ทั้งประถมและมัธยมจบ มศ.5 ที่สาธิตประสานมิตรเข้าเตรียมทหาร 21เทียบเท่า นรต.37 แล้วขึ้นเหล่าพร้อมรุ่น 38 เตรียมทหาร 22
แรงบันดาลใจเป็นตำรวจเพราะพ่อ
แรงบันดาลใจเป็นตำรวจ ได้จากคุณพ่อ เห็นตั้งแต่เด็กๆ ผมอยากเป็น ตชด.ผมบอกกับพ่อตั้งแต่แรก ถ้าเข้าตำรวจได้ อยากเป็น ตชด.
ใช้ชีวิตตำรวจป่า6ปี5เดือน
จบปี 2529 ไปอยู่ ตชด.เขต 3 อุบลฯ พอเขาแบ่งส่วนราชการ ตชด. ลงมาอยู่สุรินทร์ อยู่ได้ไม่เท่าไหร่ ท่าน พล.ต.ต.ดิเรก สงคศิริ ผู้การ ตชด.สมัยนั้นนะ รุ่น 15 เอาผมมาเป็นนายเวร ก็อยู่กับท่านมา ผู้การ ตชด.ภาค 2 ภาค 1 แล้วท่านไปเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2

เข้าร.ร.นรต.ปรับหลักสูตรยิงปืน
ขึ้นเป็น สว.กิจกรรมนักเรียน มันไม่ตรงทาง ผมชอบบู๊ ชอบฝึก เลยขอท่านเหมราช ธารีไทย ขอย้ายมาอยู่ในส่วนการฝึกยิงปืน ผมถนัด ก็ได้ย้ายไปปรับหลักสูตรยิงปืนนักเรียน ปรับท่าทางการยิง เอาปืนอัตโนมัติเข้าไปสอนในโรงเรียน วิ่งไปขอสรรพาวุธ ไปขอเปลี่ยน

แล้วก็ไปดูงานที่อเมริกา ที่เยอรมัน บ้าง ที่ออสเตรีย บ้าง ตอนเป็น สว.แล้วกลับมานั่งเขียนหลักสูตร มานั่งปรับ แล้วท่านณรงค์ ทรัพย์เย็น กลับมาจากเอฟบีไอพอดี โยนตำราให้ผมปึ้งหนึ่ง
ตอนนั้นท่านเป็น ผกก.6 ฝ่ายปกครอง ดูแลเรื่องการฝึกอยู่ในโรงเรียนนายร้อย ผมก็มานั่งแปล มันตรงกับที่ผมคิด เลยเอามานั่งเขียนใหม่ เป็นหลักสูตรให้นักเรียนนายร้อยตำรวจตั้งแต่ปี 2536 น่าจะเป็น นรต.รุ่น 46-48 เป็นลูกศิษย์ คือตั้งแต่รุ่น 46 ไล่มาเลยจนถึง 54
ขึ้นรองผกก.อารักขาบุคคลสำคัญ
อยู่มา 5 ปี 9 เดือน ขึ้นเป็น รอง ผกก.อารักขาบุคคลสำคัญ และรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ บช.น. ดูเรื่องขบวนเสด็จฯ คือครั้งหนึ่งในชีวิตขอรับใช้พระองค์ท่านสักครั้ง อยู่ 12 ปีเลย มีเว้นนิดหนึ่ง ตอนปี 2549 หรือ 2550 มาเป็น รอง ผกก.สายตรวจ 191สักเกือบๆปี

เคี่ยวตำรวจโรงพักให้เป็นหัวกะทิ
หลักยุทธวิธี แบ่งด้วยกัน 2 ส่วน ส่วนหนึ่งจะเป็นของโลคัลโปลิศ หรือตำรวจโรงพัก อีกส่วนหนึ่งเป็นของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ผมจะเน้นว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ คนมาเยอะแล้ว หมายความว่าเขาต้องเคี้ยวจากตรงนี้มา


ส่วนตอนนี้ ยุทธวิธีตำรวจ งานยิงปืน อะไรต่างๆ ผมเป็น1คนในการช่วยกันพัฒนา ยิงปืนประจำปีของ ตร.เดิมยิงระบบ เอ็นไอเอ คือช้า เร่ง เร็ว หุ่น คือช้าก็จับปืนยกขึ้นไปยิงช้าๆ 10 นัด ใช้เวลา 5 นาที แล้ว 5 นัด 10 วิ 5 นัด 20 วิ แล้วก็เป้าหุ่นคน

ตร.จะมียิงปืน 3 ส่วน คือ 1.ยิงปืน ระบบ N.R.A. 2.ยิงปืนเล็กยาว 200 หลา 3.ก็ยิงระบบ I.P.T( instinctive pistols training)หลังสุดมาเนี่ยผม ก็ เพิ่มลูกซองเข้าไปในระบบยิงต่อสู้

ผมจะเอาเคสสตัดดี้ต่างๆ มาตั้งสถานการณ์ ให้ตำรวจได้ยิง ถ้าตราบใดที่คุณยังยิงแต่เป้ากระดาษที่ยังไม่เคลื่อนที่ หรือเป้าที่ไม่สามารถยิงต่อสู้เราได้ แล้วยังยิงไม่โดน เราก็เป็นตำรวจที่ดีไม่ได้ ในการต่อสู้ ต้องฝึกให้หนัก เพื่อที่จะไปช่วยเหลือประชาชน ผมคิดอย่างนั้น
ผบ.ตร.ใช้ไปอยู่ใน ส.ยิงปืน
ตอนนี้ท่าน ผบ.ตร.ให้ผมอยู่ในคณะทำงาน ดูแลเรื่องสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย แต่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสมาคมฯ ให้ ไปดูนักกีฬา โรดทูโตเกียว โรดทูปารีส เพื่อที่จะให้ไปให้ถึงจุดนั้น กกท.ท่านแต่งตั้งให้ท่าน ผบ.ตร.เข้ามาเป็นคณะทำงาน

ดูงานS.W.A.T.Challenge โลก
อย่างการฝึก แต่ละครั้งตามภาค ทั้งระบบสากล ทั้ง นปพ.ในส่วนของการแข่งS.W.A.T. Challengeเมื่อปีที่แล้ว ท่านให้ผมไปดูที่ดูไบ ที่เขาแข่ง มีทั้งหมด 23 ประเทศ

รับS.W.A.T. ไทยสู้ต่างชาติได้
ในส่วนที่แข่ง S.W.A.T. Challenge โคราช ที่หนองสาหร่าย ผมเป็นคณะกรรมการผู้สังเกตการณ์ ไปดูว่า มันโอเค.มั้ย ไปได้มั้ย เราก็พัฒนาขึ้นไปในระดับที่สู้ต่างชาติได้
ให้ทั่วประเทศได้แลกเปลี่ยนความรู้
มีทั้งท่านไพฑูรย์ มณีอินทร์ ผกก.ชาตรี และมีน้องเอ็ม(ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง)ช่วยกันทำ ทั้งนเรศวร ทั้งอรินทราช เอามารวมกันทั้งหมด พอแข่งแล้ว ก็ยังไม่ได้เอามารวมกัน แต่ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนความรู้กัน อย่างเช่น บางหน่วยไปเรียนจากประเทศต่างๆ บางหน่วยมีต่างชาติเข้ามาสอนให้


ขณะนี้ นเรศวร เป็นหนึ่งเดียว แล้วฝึกซ้อมตลอด เห็นได้จากตั้งแต่ปี 2526 ไล่มา การปฏิบัติงานของนเรศวร ก็ดี หรืออรินทราช ก็ดี ความผิดพลาดแทบจะเป็นศูนย์ การบาดเจ็บต้องมีบ้างในการต่อสู้ เพราะมันเป็นกระสุนจริง ระเบิดจริง

ผบ.จักรทิพย์ให้งบประมาณในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ค่อนข้างเยอะ ทั้งอาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ การฝึกทั้งหลาย เน้นย้ำมาก
สร้างนักเรียนตำรวจให้ต่อยอดได้
ตอนนี้ผมมองในการที่จะฝึกตำรวจว่าจะทำยังไง คนเกือบ 2 แสนคน ที่ทำงานอยู่ใน ตร.ขณะนี้ การฝึกหรือการพัฒนามีค่อนข้างจะน้อย เพราะ 1.งบประมาณ 2.คน สบายเกินไป


ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก
ถ้าผมเอาคนที่เป็นตำรวจมาแล้วมาฝึก ผมต้องสอนเขาหนักกว่าคนที่ยังไม่เปิดตัว คือพวกนี้ บางทีอาจจะมีคำพูดบางคำพูดที่แสลงใจคือ ไอ้ที่เรียนมาในโรงเรียนทิ้งไปเถอะ เชื่อกูแล้วตามกู อ้าว ผมสอนในลักษณะด้านยุทธวิธี หลักการและเหตุผล ทำไอ้นี่เพราะอะไร แล้วมันถึงไปถึงจุดหมายได้ แล้วเราปลอดภัย
ยูทูปได้แต่โชว์ไม่รับผิดชอบผู้ปฎิบัติ
เปิดยูทูป มันก็ไม่ 100% แต่ละคนไปสอนในยูทูป ไม่ได้รับผิดชอบในชีวิตของผู้ที่ไปปฏิบัติ เราก็ต้องเอายูทูปมากรอง เอาหลักต่างๆ มากรอง เหมือนที่เอฟบีไอ ที่มีหน่วยๆหนึ่ง มากรองเหตุการณ์ต่างๆ แล้วทำเป็นเคสสตัดดี้ ให้เขาฝึก


ถ้าผมอยู่ตรงนี้ ผมสามารถที่จะทำให้นักเรียนที่จบไปเป็นตำรวจที่ดี มีอุดมการณ์ในการทำงาน มีการฝึกที่ดี ใช้สมอง หลักการ และเหตุผลให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในตัวเขา
ห่วงตำรวจเก่ายิงแต่ปืนลูกโม่
ตอนนี้เท่าที่ดู ท่าน ผบ.มีความเป็นห่วงหรือดูในส่วนของตำรวจโรงพัก เวลาเผชิญเหตุ อย่างแรกเลยคือ

2.สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือเขาเอาความคิดของเขา ไม่ได้เดินตามหลักการ และเหตุผล เดินตามความคิด มันน่าจะเป็น มันน่าจะใช่ นี่คือสิ่งที่ผมเป็นห่วง รู้ไม่จริง ในการทำงาน กฎหมายต้องเป๊ะ กฎหมายต้องดี
ติดความคิด อุดมการณ์ และความรู้
คือนักเรียนนายสิบ ก่อนเข้ามาเป็นนาย พอเรียนๆ อยู่แล้วจบไปทำงานด้านกฎหมาย ต้องจับอาวุธ เราต้องติดอาวุธให้เขา แม้กระทั่งความคิด ยุทธวิธีผมติดให้แล้ว ความคิดในการทำงาน ติดให้แล้ว อุดมการณ์ติดให้แล้ว


แล้วอย่าหยุดนิ่ง เหยุดนิ่งเมื่อไหร่จะล้าหลัง ตามโลกไม่ทัน แล้ววินาทีนี้ ประชาชน เขามีความรู้ด้านกฎหมาย เขาจะรู้จริงหรือไม่ ก็ไม่รู้ แต่เราต้องรู้จริง รู้ให้แท้จริง เรียนให้รู้เป็นครูเขา ต้องชัดเจน เรียนให้จริง เรียนให้เกิดความแตกฉานตรงนี้ เป็นหลัก
เด็กอยากรู้อะไรต้องหาให้เขา
สมัยก่อน ตำรวจเราเวลาปิดล้อม จะชักปืนแล้ว แล้วก็ชี้บอกว่ามึงไปนั่น มึงไปนี่ แต่ลืมไปรึเปล่าว่าปืนมีกระสุน มันต้องมีการวางแผนในการปิดล้อมตรวจค้น อันนี้ผมไปสอนในด้านยุทธวิธีเพิ่มเติม หรือด้านอะไรต่างๆ พยายามทำให้เต็มที่

ที่ผมโพสต์นับถอยหลังกี่วันก่อนเกษียณฯ คือผมคิดว่ายังขาดอะไรที่ต้องเติมให้เขา ต้องเร่งความรู้วิชาอะไร เพื่อใส่ให้กับตำรวจให้มากที่สุด ในเวลาที่ผมเหลืออยู่ ที่ผมมีอำนาจหน้าที่ ผมจะต้องใส่ให้เขาอย่างเต็มที่ เพราะว่าถ้าผมเกษียณไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขายังเห็นค่าผมอยู่มั้ย ยังเห็นสิ่งที่ผมสอนอยู่มั้ย
เกษียณแล้วใครใช้ จะไปสอนต่อ
ถ้าเขาไม่เห็นผม ก็อยู่บ้าน เลี้ยงแมว ดูต้นไม้ไปเรื่อย ตามประสาคนแก่ แต่ก็ยิงปืนคงมีอยู่แค่นี้ แต่ถ้าเขาใช้ ผมจะไปสอน ไปฝึกให้



ผู้ทรงไม่ต่างจากดาบ53 ติดร.ต.ต.
ส่วนจะได้ติดนายพล มั้ย ผมได้ผู้ทรงฯ เม.ย.นี้ แต่ใจจริง ผมอยากติดนายพลในส่วนของโรงเรียน มันทำอะไรได้เยอะกว่าการติดเป็นผู้ทรงฯ
ทำให้ดูเป็นตัวอย่างดีกว่าคำสอน
ถามว่าน้อยใจมั้ย เสียใจมั้ย มันก็ธรรมดา แต่ถามว่าเราลืมได้มั้ย ลืมได้ เพราะเราเป็นครู หัวใจของความเป็นครู มันต้องมี ไม่งั้น ถ้าผมไม่ทำเป็นตัวอย่าง เด็กตามหลังมาจะมองยังไง อ๋อ เสียใจ น้อยใจ ทิ้งงาน ไม่ทำงาน เด็กรุ่นหลังจะมองว่าสอนให้มีอุดมการณ์ แล้วไม่เห็นทำ


สุดท้ายตามรอยพ่อเป็นครูสอนนรต.
ที่ได้เป็นครูบาอาจารย์ ก็รู้สึกมีความสุข ไม่ต้องไปทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับใคร หาความรู้เพิ่มเติม แล้วเราก็ได้ความรู้ไปด้วย แล้วก็ให้เขาได้ด้วย แล้วถ่ายทอดให้เขาได้ด้วย

เกษียณอายุราชการเมื่อ30ก.ย.63