กลายเป็น “คดีอาชญากรรมคลาสสิค”
กรณีการจับกุม “เจมส์ คลาร์ค” พ่อเฒ่าชาวเมืองรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา จากข้อกล่าวหาลักทรัพย์เงินตู้หยอดเหรียญโทรศัพท์มาอย่างโชกโชนยาวนานและถูกติดตามจับกุมตัวมาตั้งแต่ช่วงยุคทศวรรษ 1980 หรือกว่า 40 ปีก่อน
“เอฟบีไอ” หน่วยสืบสวนสอบสวนรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพิ่งเปิดเผยรายงานการจับกุมพ่อเฒ่าคลาร์ค จนมุมคาบ้านพักในรัฐโอไฮโอเมื่อช่วงปี 1988
ตอนนั้น การใช้โทรศัพท์ตู้หยอดเหรียญในอเมริกาเริ่มล้าสมัยลงแล้วอย่างรวดเร็ว ผู้คนเริ่มหันมาใช้ “โทรศัพท์มือถือ” กันมากขึ้นเรื่อยๆ
ย้อนรอยกลับไปที่ความผิดของพ่อเฒ่าคลาร์ค อดีตช่างกล ติดคุกอยู่หลายปีก่อนช่วงทศวรรษ 1980 กระทั่งไปได้วิชาความรู้ออกมาจากเรือนจำ คิดประดิษฐ์อุปกรณ์ “กุญแจผี” สามารถเปิดกล่องเก็บเงินตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญได้แทบทุกตู้
เขาใช้ “กุญแจผี” ไขเปิดกล่องเก็บเงินตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญทั่วพื้นที่โดยทรัพย์ไม่เสียหาย แม้ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญแต่ละตู้สามารถบรรจุเหรียญเต็มได้แค่ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญยุคต้นทศวรรษ 1980 มีอยู่ดาษดื่นทั่วเมืองในสหรัฐฯ
ทำให้ฉายา “โจรขโมยเงินเหรียญหยอดตู้โทรศัพท์” –Telephone Bandit ถูกตั้งค่าหัวรางวัลนำจับ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะ “บุคคลถูกต้องการตัวมากที่สุดของสหรัฐฯ” ในยุคนั้น
ประเมินว่า ยอดเงินที่หัวขโมย “เจมส์ คลาร์ค” ลักเอาไปได้จากตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญทั้งหมดรวมมากถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ถ้าคิดเป็นเงินไทยยุคนั้นน่ามีหลายสิบล้านบาท…..
ไฟเขียว12/8/67