Wednesday, October 30, 2024
More
    Homeท่องปทุมวัน“ตั๊น-จิตภัสร์”กับภารกิจประธานที่ปรึกษาคณะกมธ.ตำรวจ

    “ตั๊น-จิตภัสร์”กับภารกิจประธานที่ปรึกษาคณะกมธ.ตำรวจ

    วันนี้ policenewsvarieties.com จะพาไปคุยกับสาว สวย เก่ง แกร่ง  ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ในมุมที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ

    เพราะสาวตั๊นมีตำแหน่งเป็น ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ต้องมีเรื่องทำงานเกี่ยวพันกับตำรวจหลายเรื่อง แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของการกระโดดร่มกับตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวร ที่เจ้าตัวถึงขั้นบาดเจ็บตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้า

    วันนี้มาล้วงลึกหัวใจสาวตั๊นว่าเพราะอะไร ทำไม ถึงพิสมัยการเหินเวหากระโดดร่มแบบนี่

    “ตัวตนของตั๊น ที่จริงเป็นคนลุยๆชอบทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ คือตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อจะมีกิจกรรมให้ทำ ตั๊น และน้องๆ จะมีกิจกรรมเล่นกีฬาเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็กๆเล่นทุกอย่าง ขี่ม้า ว่ายน้ำ

    ที่อังกฤษเขาจะมีเล่นเนตบอล คล้ายๆบาสเกตบอล แต่เฉพาะผู้หญิงเล่น แล้วจะมีสควอช เป็นกีฬาหลักช่วงหน้าหนาวที่อังกฤษ ที่ผู้หญิงจะเล่น ส่วนหน้าร้อนจะมีเทนนิส วิ่งแทรค วิ่งวิบาก”

    สาวตั๊นเริ่ม

    ตชด.เชิญ500 สส.ดิ่งพสุธา

    แล้วพอมาอยู่จุดนี้ ได้ทำงานในกรรมาธิการตำรวจสนิทสนมกับตำรวจมากขึ้น แล้วทำงานร่วมกับ ตชด.เยอะ ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ทาง ตชด.ก็บอกว่า มีหลักสูตร“ดาวดำ”เป็นหลักสูตรกระโดดร่มขั้นสูงสุดของ ตร.สนใจไหม เลยบอกว่า ตั๊น สนใจนะ เขาเลยทำหนังสือถึงประธานสภาฯ แต่เชิญทั้ง 500 สส.นะ ทั้งสภาฯ ไม่ใช่เฉพาะเรา

    เทสต์ร่างกายตามกฏ              

    แล้วประธานฯ ชวน ท่านก็ส่งเรื่องไปให้กับทุกพรรค ว่ามี สส.ท่านใดสนใจที่อยากจะกระโดดไหม ตอนแรกก็มีอยู่ 3 ชื่อ ตอนหลังเหลือตั๊นคนเดียว เข้าตามระบบระเบียบของตำรวจหมด แล้วต้องไปเทสต์ร่างกายก่อน ถ้าเทสต์ไม่ผ่านจะไม่ได้กระโดด เทสต์ร่างกายจะมีว่ายน้ำ วิ่ง ดึงข้อ ไต่เชือก วิดพื้น ซิทอัพ ดันพื้น  ข้อเขียน

    ไม่อยากให้รู้สึกว่าเราอ่อนแอ

    ตั๊น นี่เป็นคนที่ว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก ว่ายน้ำนี่ ไม่ได้เป็นห่วงเลย เราออกกำลังกายทุกวันอยู่แล้ว ที่เพิ่มคือวิ่งให้มากขึ้น  ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเราอ่อนแอ  วิดพื้น ดึงข้อ ทำเองหมด ตอนเทสต์ร่างกาย  

    ตอนแรกเขาห่วงเรื่องว่ายน้ำ คือทุกคนจะมาตกด่านว่ายน้ำ ตั๊นก็คิดว่า จริงเหรอ เพราะว่ายน้ำสำหรับตั๊น นี่ถือว่าไล่แต้มคนอื่นเลยนะ  มาเป็นห่วงที่ดึงข้อ แต่เราก็ดึงได้ ผู้หญิงเขาดึงกี่ทีก็ดึง แล้วก็ไต่เชือกซึ่งไต่เชือกไม่เคยไต่มาก่อน ก็ต้องมาไต่ ก็ฟิตร่างกาย

    อบรม5อาทิตย์ปิดข่าวไม่บอกใคร

    คือไม่อยากจะให้เขารู้สึกว่าเรามาเป็นแบบวีไอพี หรือมาในฐานะพิเศษ ตอนที่ตั๊น ไปโดด แล้วตอนที่ตั๊น ติดปีก คืออบรมอยู่ 5 อาทิตย์ ช่วงนั้นช่วงโควิดด้วยนะ ตั๊น ปิดข่าวไม่บอกใคร ไม่ลงโซเชียล ไม่ได้บอกใครเลยจนวันประดับปีกก็ลงรูป คนในค่ายที่ไม่ได้อยู่ร้อยร่ม หรือ กก.4 ยังไม่เชื่อเลยว่าเรามาโดดจริง

    เปิดตัวดิ่งพสุธาวันเกษียณผบ.ปั๊ด            

    จนวันที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เกษียณ แล้วพลร่มสวนสนามให้เป็นเกียรติ แล้วมีกระโดดร่มลงมา ตั๊นก็โดดด้วย ยก ฮ.ขึ้นตรงนั้น แล้วโดดลงมาต่อหน้าทุกคน วันนั้น ทั้งหมดถึงรู้เลย ว่าเราโดด

    พูดถึงตรงนี้สาวตั๊นยิ้มหัวเราะก่อนเล่าต่อ

    เริ่มจากโดดร่มกลมก่อน 5ตุ้บ

    สำหรับจุดเริ่มเป็นนักเรียนโดดร่มสกาย รุ่นตั๊น รุ่น 1/64 มี 34 คน ด้วยความไม่ได้เป็นนักเรียนนายร้อย ยังไม่ได้โดดร่มกลมก็ต้องเริ่มจากโดดร่มกลมเหมือนกันก่อน 5 ตุ๊บ เสร็จปั๊บก็โดดร่มเหลี่ยมแบบกระตุกเอง จะกระตุกเองให้เหมือนร่มกลม แต่จะขึ้นไปสูงขึ้น ร่มกลมจะอยู่ที่ประมาณ 3,000  ร่มเหลี่ยม ก็ประมาณ 4-6 พัน แล้วกระโดดมาจัมพ์ที่ 2 ของร่มเหลี่ยม

    ถึงวันนี้เกือบ40 จัมพ์

    ความรู้สึกจัมพ์แรก ที่สนามตุงคะ มันเร็วมาก ความรู้สึกคือแทบจะไม่ทันจะรู้สึกอะไร รู้สึกอีกที ก็เฮ้ย เราอยู่ตรงไหนเนี่ย มองลงไป มันไกลจากสนามมากเลย คิดว่ามันจะลงถึงสนามรึเปล่า   คือเราแสตนเดอะดอร์เพราะคนแรกเลย ยังไม่ทันได้คิดอะไรเลย พอจัมพ์มาสเตอร์คือครู ก็เล็งอยู่นั่นแหละ จะเห็นมือครูตบพื้นเลย ปึ้ง เอ้า รู้แล้ว ไปแล้ว แค่พอยื่นหน้าก็ออกไปแล้ว แล้วพอมาดูคลิปก็เห็นมือครูดัน นั่นคือจัมพ์แรกลงตรงสนามเลย จากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบ 40 จัมพ์แล้ว

    ตัดสินใจผิด-เจ็บพัก8 เดือน

    ปีที่แล้ว ตั๊น หลังหัก เลยพักไป 8 เดือน โดดที่สนามตุงคะเตชะนี่แหละ เป็นการตัดสินใจผิดด้วยตัวตั๊นเอง ในการบังคับร่มลงผิดจุด คือสนามตุงคะฯ จะมีแอเรียที่เป็นต้นไม้แล้วก็อาคาร ตามหลักฟิสิกส์ ลมมันจะเปลี่ยนถ้ามีสิ่งกีดขวาง แล้วพอดี ตั๊น ตัดสินใจเลี้ยวผิด ลมแรงด้วย แล้วเราไปลงใกล้ต้นไม้ทำให้ลมหายไป ลมมันโดนต้นไม้บัง เลยลงแรงแล้วกระแทก แต่ที่คนเห็นคือไม่ได้มองดูว่าแรง

    กระดูกหักแต่ไม่ทับเส้นประสาท

    ลงไปแล้วแทบจะอยู่กับที่เลย จุกไม่เจ็บแต่ลุกไม่ขึ้น ทุกคนวิ่งมา ครูวิ่งมา มีรถพยาบาลแสตนบายอยู่แล้ว ครูถามว่า ตั๊น ลุกขึ้นได้ไหม ก็บอกว่า ตั๊นขอนอนตรงนี้สักพัก  แต่ความรู้สึกคือจุก ลุกไม่ขึ้น คือโชคดี ถ้าตั๊น ขยับตัวหรืออะไรอย่างนี้ อาจจะกระดูกแตกหนัก พอมันไม่ไปทับเส้นประสาท  ก็ยังดี แต่ข้อที่หักคือข้อที่ 12 แตกเป็นชิ้นเลย แต่ไม่ได้ทับเส้นประสาท

    คือสไลด์เลย เท้าลงก่อน แล้วก็ก้น แล้วก็หลังกระแทกที่เป้พอดี ไม่เจ็บ โชคดีว่าไม่โดนเส้นประสาทอะไรเลย

    หายเจ็บโดดใหม่-ชนะใจตัวเอง

    ไม่เข็ด ไปต่อ กลับมาเมื่อเดือนที่แล้ว กลับมาโดดใหม่ ความรู้สึกตั๊น คือพอหายแน่นอนแล้ว  คุยกับคุณหมอแล้ว มันไม่ยุบไปมากกว่านี้แล้ว คืออยู่ที่แล้วมันเชื่อมหมดแล้ว ก็โอเค.กลับมาโดดใหม่ เราก็บอกว่าตั๊น ไปโดดร่มได้ใช่ไหม แกก็บอกว่า ยังจะเอาอีกเหรอ ตั๊นก็บอกว่า

    มันเป็นตัวตนของเรา  ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องโดด มันเกี่ยวกับเราต้องชนะใจตัวเองอีกรอบหนึ่งว่าเราต้องทำได้

    จำได้ว่า จัมพ์แรก หลังจากที่กลับมาโดดใหม่อีกรอบ คือจัมพ์นั้นเป็นจัมพ์ที่ตั๊นนอยส์ที่สุด เพราะนี่จะเป็นจัมพ์ที่เราโดดหลังจากที่เราเจ็บ คือนั่งเรียนใหม่กับครูพลร่ม ที่ร้อยร่ม กก.4  3 วันเต็มเลย ภาคพื้นดิน เรียนเรื่องบังคับร่มอย่างเดียวเลยกับการลงสู่พื้น  

    :นอกจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว มีครั้งไหนที่เสียวๆระทึกๆกับการกระโดดร่มบ้าง  สาวตั๊นย้อนความทรงจำให้ฟังว่า

    มีร่มกางไม่สมบูรณ์ ต้องเปิดร่มรีเสิร์ฟหรือร่มสำรองที่ตุงคะฯ กระโดดออกมา จัมพ์2  สายร่มไปเกี่ยวอยู่หลังเป้ ร่มกางไม่สมบูรณ์ ตัวตั๊นก็เริ่มเหวี่ยง หมุนเลย ต้องคัตร่มจริงออก แล้วเปิดร่มรีเสิร์ฟ คนบางคนไม่เคยใช้ร่มรีเสิร์ฟเลยทั้งชีวิต

    ร้องไห้บนฟ้าจนเท้าถึงพื้น

    ร่มหลักกางไม่สมบูรณ์  มันไม่กินลมมันก็ควงร้องไห้มาตั้งแต่ 4,000ร้องไห้มาจนถึงพื้น คือกลัว งงไปหมด  คิดอะไรไม่ออก แต่ยังมีสติพอที่จะกลับมาลงที่สนามได้ แล้วก็ร้องไห้ ลงไปกับพื้นไถๆลงไปกับพื้น ดีใจมากที่แตะพื้นคือร่มสำรองมันเล็กกว่าร่มใหญ่ จะลงเร็วกว่าเดิม

     แต่โชคดีว่าวันนั้นสภาพอากาศ คือช่วงที่เป็นนักเรียนจะโดดช่วงเช้า จะเป็นช่วงที่อากาศเปิด แล้วอากาศดีที่สุดลมจะเบาที่สุด ช่วง 8 โมงเช้า

    :ตำรวจเด็กๆ ผู้หญิง เขารู้สึกยังไงที่มีนักการเมืองสาวคนดังมาร่วมเรียนกระโดดร่มด้วย

    เขาโอเค.เราอยู่กันเหมือนพี่ๆ น้องๆ รุ่น 1/64 เนี่ยเลี้ยงรุ่นกันทุกปี น้องๆจะขึ้นมา คนไหนที่อยู่ใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นชั้นประทวน คือยังมีเด็กๆกันอยู่ ถ้าอยู่ในพื้นที่ห่างไกลขึ้นมายาก ตั๊น ก็ช่วยเรื่องค่าเดินทางบอกว่า เฮ้ย ต้องมานะ ปีละหน ต้องมาเจอกัน เขาก็มากัน เป็นรุ่นเดียวที่เลี้ยงรุ่นเกือบทุกปี(หัวเราะ)

     

    เตรียมบินเกาะหมู่-60ปีค่ายนเรศวร

    คิดว่าจะโดดไปเรื่อยๆ นี่ล่าสุดมีภารกิจเพิ่ม  เดี๋ยวเดือนเมษายน ค่ายนเรศวร ครบ 60 ปี ท่าน ผบ.ตร.อยากจะกระโดดบิ๊กเวย์ 25 คน เกาะกันเป็นรูปดาว หนึ่งในนั้นจะเป็นตั๊น ได้เกาะหมู่คือเกาะหมู่มาตั้งนานแล้ว แต่บางทีก็เป็นหมู่เล็ก บางที 6 คน หรือ 8 คนบ้าง หรือว่า 4-6 คนบ้าง เคยมากสุด 8 คน

    ตอนนี้ก็ต้องซ้อม เพราะ 25 คน เยอะ แล้วการที่จะบินเข้ามารวมกัน ต้องฝึกซ้อม เนื่องจากว่าเวลาเราจะเปิดร่มจะได้ไม่ชนกับเพื่อนคนอื่น   25 คนเนี่ยมันเยอะมาก อันตรายมันก็มี ชนกันก็มี บางทีมีคนอยู่ข้างบนเรา ทับร่มอะไรอย่างนี้ มันเกิดขึ้นได้หมด

    ถามถึงงานในฐานะประธานที่ปรึกษากรรมาธิการการตำรวจ อย่างล่าสุดมีภาพบุกป่าไปตัดฝิ่น นี่ เป็นยังไงบ้าง ถึงตรงนี้ สาวตั๊นเล่าให้ฟังด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

    สไตล์ทำงานไม่เหมือนคนอื่น

    คือเราต้องการดูเรื่องของยาเสพติด ตชด.แจ้งมาว่า ปัญหาฝิ่นยังมีอยู่นะ เขาอยากให้ตั๊นได้เข้ามาสัมผัส  อาจเพราะเราทำงานไม่ค่อยเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ  ที่ผ่านมา กรรมาธิการตำรวจในอดีต ก่อนที่ตั๊น จะมา  ส่วนใหญ่จะเชิญตำรวจมาชี้แจงที่สภาฯ ไม่ได้ลงพื้นที่ หรือว่าถ้าได้งบประมาณมาก็จะไปอบรม จะไม่ค่อยได้ไปคลุกคลีไปใช้ชีวิตร่วมกับเขา

    เน้นเข้าถึงหัวใจชั้นผู้น้อย

    ตั๊น มองว่า การที่จะทำงานร่วมกับเขา ก่อนอื่นต้องเข้าใจชั้นผู้น้อยก่อน ถามว่าระดับ ผบช. หรือระดับผู้ใหญ่ใน ตร.เราคุยได้อยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นข้าราชการการเมือง เราต้องพูดคุย หรือทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่ตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ไม่มีปากมีเสียงหรือเข้าไม่ถึงชั้นผู้ใหญ่ ทำยังไงเราถึงเข้าใจเขา

    ลงพื้นที่ดูการทำงานของจริง

    เวลาลงพื้นที่เน้นที่จะไปดูวิถีชีวิตของผู้ที่ปฏิบัติงานจริง  การที่ลงไปตีฝิ่น 2 รอบนี่ ได้เห็นว่า ยังมีการลักลอบปลูกฝิ่นอยู่  ฝิ่นเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติดทุกอย่าง ถามว่าทุกวันนี้ลดน้อยลง เพราะว่า ตชด. ทำงานควบคู่กับ ปปส.ที่จะชี้เป้าให้ตชด.เข้าไปตัด แต่บางทีพื้นที่ก็หาช่องทางเข้าไปยาก บางทีเดิน 10-15 ชั่วโมง อย่างวันนั้นที่ไป เดินแล้วนั่ง ฮ.แล้วเดินต่ออีกเกือบ 2 ชั่วโมง เข้าพื้นที่ ลุยเข้าไป เหมือนไปเดินกับเขา  

    คือเราอยากรู้ ไม่อยากเหมือนให้เขามาชี้แจง เราลงไปดูด้วยตัวเอง ถามว่าให้เขามาชี้แจงก็ได้ ถ่ายภาพมาให้ดูก็ได้ ไม่ต้องไปเองก็ได้ แล้วไม่ใช่ว่าเขาต้องเหนื่อยกว่าเดิมเวลาเราไป  ไม่ใช่ คือเป็นหน้าที่ที่เขาต้องไปตัดฝิ่นอยู่แล้ว แล้วเราไปร่วมในการทำงาน

    บอกทีมงานอย่าเป็นภาระจนท.

    แล้วการลงพื้นที่ทุกครั้ง ตั๊น จะบอกทีมงานว่า อย่าได้ไปเป็นภาระให้เจ้าหน้าที่ เราไปร่วมกับเขา กินอยู่กับเขา ทานทุกอย่างเหมือนเขา ก็มีบางครั้งที่ ผกก.อยากจะเลี้ยง ตั๊นก็บอกว่า ถ้าจะเลี้ยงข้าวหรืออะไร คนของตำรวจต้องได้ทานด้วย ไม่ใช่ว่ามาที่ตั๊น คนเดียว แต่ที่ผ่านมาก็คือไม่ ส่วนใหญ่คือต้มไก่บ้าน  แต่ต้องยอมรับว่า พ่อครัว ตชด.มือใช้ได้ ทำอาหารเก่ง

    ยกเครดิต”ลุงป้อม”สอนสั่ง

    คือตั้งแต่ก่อนตั๊นเข้าการเมือง ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านสนิทสนม กับที่บ้านแล้วเป็นเสมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ตั๊นเคารพมาก ท่านสอนตั๊นตั้งแต่เด็ก การที่จะเป็นนายคนหรือเข้าใจคนหรืออยากจะมาเป็นนักการเมือง

    สิ่งแรกที่เราต้องเข้าใจก่อนคือ ความรู้สึกข้าราชการชั้นผู้น้อย ก่อนที่จะมาเป็นผู้บังคับบัญชาเขาได้

    คุณต้องเข้าใจความรู้สึกผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้ก่อน คุณต้องชนะใจเขาให้ได้ก่อน

    ทำให้องค์กรยอมรับ               

    อันนั้นก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ตั๊น ตัดสินใจเข้าอบรมหลักสูตรโดดร่มด้วย เพราะตั๊นมานั่งเป็นกรรมาธิการ ใครก็เป็นได้ เขาก็มองว่าเป็นนักการเมือง เดี๋ยวคุณมาคุณก็ไป แต่การที่เราจะได้ความยอมรับจากองค์กร ตั๊น มองว่ามันเป็นหลักสูตรที่สูงสุดของหน่วยแล้ว “ดาวดำ”สุดยอดแล้ว มันไม่มีกิตติมศักดิ์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น  ทุกอย่างเป็นประสบการณ์

    :ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ มองถึงปัญหาตำรวจตอนนี้เป็นยังไง ขาดแคลนช่วยเหลือ ดูแลยังไง

    ซัดตรงจุดปัญหาหลักตำรวจ

    ปัญหาหลักตำรวจ คือเรื่องงบประมาณและกำลังพลที่ไม่เพียงพอในการทำงาน ส่วนใหญ่ที่ตั๊น ไปเยี่ยม ตั๊น จะเน้นที่โรงพักขนาดเล็กกับขนาดกลางอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล โรงพักที่กระบี่ ที่แบบดั้งเดิมมากเลย เหมือนที่เขาถ่ายในละคร เป็นอาคารไม้ ห้องขังยังโบราณมาก น้ำไม่มี น้ำบาดาลไม่มี มันยังมีปัญหาเหล่านี้อยู่

     ตั๊นอยากจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร.หันมาดูความเป็นอยู่ และสวัสดิการข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ให้มากขึ้นด้วย

    ก็เป็นกำลังใจให้ คือ ไม่ว่าองค์กรไหน มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ถามว่าตำรวจในสายตาพี่น้องประชาชน บางทีก็มีภาพลักษณ์ที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตั๊น ก็เข้าใจได้ เพราะทุกองค์กรเป็นอย่างนั้น องค์กรทางการเมือง ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน แต่เราต้องเป็นกำลังใจให้กับคนที่ปฏิบัติงานจริง

    พร้อมช่วยเหลือ-เป็นกระบอกเสียง           

    สาวตั๊นเผยต่อด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นจริงจังต่อว่า

    แล้วส่วนไหนที่คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร สามารถจะช่วยเหลือ หรือผลักดัน หรือเป็นกระบอกเสียงให้ได้ก็ยินดีที่จะทำ เพราะเรามองว่าคุณก็คือข้าราชการของรัฐ เป็นหนึ่งในกลไกของภาครัฐ ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชน

     เราในฐานะนักการเมือง ก็ทำงานไม่แตกต่างไปจากตำรวจ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเหมือนกัน  มองว่า ถ้าร่วมมือกันทำงานได้ ส่วนไหนที่พอจะช่วยเหลือผลักดันได้ ก็ยินดี  

    ติงนายซื้อสิ่งที่ลูกน้องใช้ไม่ได้

    อย่างอุปกรณ์ที่เขาต้องใช้ เช่นบางพื้นที่ เขาไม่ต้องการมอเตอร์ไซค์วิบาก เขาต้องการแบบฮอนด้าวิงมอเตอร์ไซค์คันเดียว ไม่ต้องซ้อนท้ายกัน  เพราะพื้นที่มันลำบากมาก คือขอคนละคัน คันเล็กๆแบบผู้หญิงขี่ได้ ที่มันคล่องตัว หรือแบบสกู๊ปปี้ไอคันเล็กๆ เขาไม่ต้องการมอเตอร์ไซค์วิบาก มันใช้ไม่ได้

    บางอย่างผู้บังคับบัญชา ไม่ได้ลงมาสัมผัส หรือปฏิบัติงานร่วม จะไม่เข้าใจว่าต้องใช้รถแบบไหน กลายเป็นซื้อในสิ่งที่เขาไม่ได้ใช้

    อย่างเช่น ตอนที่ตั๊น ลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปที่บันนังสตา ไปเยี่ยมหน่วยที่ 3 จังหวัด เขาต้องการรถกระบะหุ้มเกราะแค่นั้น แล้วซ่อมง่าย  สงสารตำรวจที่นั่น

    คือบางสิ่งบางอย่าง เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ได้สิ่งของที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเขา ทางใต้ อยากได้รถกระบะหุ้มเกราะ ข้างบนอยากได้รถฮอนด้าวิง มันเบา นั่งขี่คนเดียว ไม่ต้องซ้อน คือเห็นแล้วเดี๋ยวร่วง แล้วก็ร่วงจริงๆ

    ครับทั้งหมดนี้คือเสี้ยวหนึ่งของการทำงานในฐานะประธานที่ปรึกษากรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ของ “ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร”

    เธอไม่ใช่สีสัน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทุกเรื่องที่เธอทำครับ

    เฮียเก๋17/3/67

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments