วันที่29ต.ค.67 ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., , พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ตม.5 ช่วยราชการ บก.ตม.1,
พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดํารงค์ชัย ผกก.สส. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1บก.ตม.3, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3
พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.ท.อิธิธร ประเสริฐศักดิ์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญดังนี้
1. ตม.จว.ชลบุรี รวบโอปป้าทรงเอ แก๊งค้ายาข้ามชาติ แอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ มากบดานพัทยา
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า MR.HUN (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.2560 ได้ถูกทางการไทยส่งกลับประเทศเนื่องจากถูกดําเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จึงตกเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาใน ประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
แต่ได้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย มาพักในเมืองพัทยา ประมาณ 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนหาข่าวเพิ่มเติมเพื่อวางแผนจับกุม ได้ที่อพาร์ตเแห่งมนต์หนึ่งบริเวณ ถนนพัทยาสาย 3 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี
ตรวจสอบไม่พบ รอยตราประทับการตรวจอนุญาตให้เข้ามาในประเทศ (รอยตราประทับขาเข้า) และตรวจสอบจากระบบสารสนเทศ ตม. ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศ
สอบสวนรับว่าลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติ ชายแดนจังหวัดสระแก้ว เมื่อตรวจค้นในห้องพักพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจํานวนหนึ่ง MR.HUN ให้การว่าเป็นของหญิงไทยที่เคยมาพักด้วย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ชลบุรี ยังพบข้อมูลว่า MR.HUN มีพฤติการณ์ส่งยาเสพติดไปยังประเทศเกาหลี โดยจะเป็นผู้จัดหายาเสพติดที่ประเทศไทย เพื่อให้คนเกาหลีมารับยาเสพติด และซุกซ่อนกลับไปที่ประเทศเกาหลี ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับคดีลักลอบนํายาเสพติดเข้าประเทศเกาหลี ได้ให้การซัดทอดว่า รับยาเสพติดมาจาก MR.HUN จากนั้น นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดําเนินคดี ฃ
2. ทลายเครือข่ายต่างด้าวแสบ รวบเรียงตัว 5 ผู้ต้องหา หลอกลงทุน Crypto Currency ซื้ออสังหาฯหวังฟอกเงิน
สืบเนื่องจากเมื่อฃปลายปี 2566 มีกลุ่มแก๊งคนต่างด้าวร่วมกับชาวไทยกลุ่มหนึ่ง หลอกลวง นางสาวมัลลิกา (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ให้ลงทุนเทรดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี โดยได้เปิดเพจเฟสบุ๊ก (Facebook) ใช้ชื่อ ห้องคุยนักลงทุน และถูกหลอกล่อจนกระทั่งผู้เสียหายยอมโอนเงินไปให้หลายครั้ง หลายบัญชี รวมยอดความเสียหายที่ผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น เป็นจํานวนเงิน 21 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก
สอบสวนพบว่าผู้ต้องหาแก๊งนี้แบ่งหน้าที่กันทํางานตั้งแต่ระดับ สั่งการจนถึงบัญชีม้า ดังนี้
นายมูน ชาวกัมพูชา (ผู้ต้องหาที่ 1) และ นายโก ชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 2) ทําหน้าที่เป็นบัญชีม้า รับโอน เงินต่อกัน โดยได้รับการชักชวนจากนายหน้าชาวเมียนมาอีกทอดหนึ่ง ก่อนจะมีการโอนเงินไปยัง นายวิน นักธุรกิจ ชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 3) ซึ่งเปิดบริษัททําธุรกิจบังหน้าในประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง
ก่อนที่จะมีการโอนเงินไปให้ นางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 4) ที่ทําหน้าที่รับยอดเงินรวม นําไปรวมกับบัญชีของ นางสาวถ่วย หญิงชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 5) เพื่อนําไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบคอนโดมิเนียมหรูย่านพระราม 9 มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเงินสด และขายต่อให้บุคคลที่สามชาวเมียนมาทันที
พนักงานสอบสวนได้รวบรวม พยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนําข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน
กระทั่งกุม นายโก ชาวเมียนมา ได้ที่บ้านส่วนตัว จว.ปทุมธานี จับกุมนายมูน ชาวกัมพูชา ได้ที่โรงงานแห่งหนงึ่ ใน จว.สระบุรี หลังสืบทราบว่าได้มีการหลบหนีไปสมัครงานที่โรงงานดังกล่าว
จับกุมนางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา ทีคอนโดมิเนียมหรูริม ถ.รัชดาภิเษก จับกุมนางสาวถ่วย ชาวเมียนมา ขณะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อจะมาจัดการทรัพย์สิน และจับกุมนายวิน นักธุรกิจชาวเมียนมา ขณะเดินอยู่ที่บริเวณริม ถ.ราชดําริ นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ดําเนินคดี
สอบปากคํานายโก นายมูน และ นางสาวซาน ยังนําไปสู่การออกหมายจับบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาอีกหนึ่งรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างสืบสวนจับกุม และจะได้ขยายผล สืบสวนจับกุมต่อไป
3. สืบ ตม.3 รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตาน้ําข้าว หนีคดีข้ามชาติ ก่อความเสียหายกว่า 50 ล้าน บาท กบดานพัทยา OVER STAY
กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติสวีเดน ซึ่งกระทําผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะ แก็งคอลเซ็นเตอร์มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทยกว่า50,000,000บาทได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและหลบ ซ่อนตัวอยู่ในอ.บางละ มุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนหาข่าว
ขณะที่ชุดจับกุมตรวจสอบที่หน้าอาคารชุดในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ได้พบคนต่างด้าวลักษณะมีพิรุธอยู่บริเวณ หน้าอาคารชุด ได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตํารวจตรวจคนเข้าเมือง และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการ
ตรวจสอบพบ MR.JOHN (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาวสวีเดน การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักMR.JOHN พบ MR. VLADIS (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ชาวสวีเดน เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด(OVERSTAY)เช่นเดียวกันจึงได้จับกุม ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่ง สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดําเนินคดีตามกฎหมาย
อนึ่ง จากการประสานงานตรวจสอบกับทางการสวีเดน รับแจ้งว่า ทั้ง MR.JOHN และ MR.VLADIS มีประวัติ กระทําความผิดอาญาในประเทศสวีเดน ในความผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย กว่า 50,000,000 บาท
4. สตม. รวบอดีตทหารรับจ้างรัสเซียส่งข้อความขู่ฆ่าคู่อริ ยึดแม็กกาซีนและกระสุนปืนหลายขนาดนับร้อยนัด
กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม MR. MILO YANOVICH (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ชาวรัสเซีย พร้อมด้วยของกลาง ซองกระสุนปืนพกขนาด .380 จํานวน 1 ซอง พร้อมกระสุนบรรจุ 2 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ยี่ห้อบุลเล็ต มาสเตอร์ 50 นัด, กระสุนปืน 9 มม. 42 นัด, กระสุนปืน.45 มม. 16 นัด
กล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นําตัวส่ง สน.ดินแดง ดําเนินคดีตามกฎหมาย จับกุมได้คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
หลังได้รับการร้องเรียนถูกชายชาวรัสเซีย พักที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ใช้ภาพอาวุธปืนและส่งข้อความข่มขู่ว่าจะยิง ทีละคนจนกว่าเขาจะตาย และจะสาดเลือดหมูใส่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตํารวจสืบสวนจับกุมได้ดังกล่าว
สอบสวนให้การว่า อดีตเคยเป็นทหารรับจ้างประเทศ รัสเซีย ซองกระสุนและเครื่องกระสุนของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง เป็นของเพื่อนคนไทยจําชื่อไม่ได้ ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีในข้อหาดังกล่าว