Friday, November 15, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน”ทนายวิฑูรย์“วิ่งรอกพบ“บอสดิไอคอน”แก้เกมพลิกคดี

    ”ทนายวิฑูรย์“วิ่งรอกพบ“บอสดิไอคอน”แก้เกมพลิกคดี

    “บอสปัน”เรียกพบ “ทนายวิฑูรย์“ด่วน

    เมื่อเวลา 13:30 น.วันที่15 พ.ย.67ทัณฑสถานหญิงกลาง นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เดินทางไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจากหรือ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอส ปัน หนึ่งใน 18 ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ประสงค์ที่จะต้องการพบด่วน

    ปม“เจ๊พัช-ฟิล์ม”รีด20ล.ออกโหนกระแส

    คาดว่าเป็นการหารือเกี่ยวกับการมอบอำนาจ เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดี น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือพัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ขายออนไลน์ และฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ศิลปินชื่อดัง จากกรณีคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท  แลกกับการออกรายการโหนกระแส

    ต่อด้วยพบ“บอสป๊อป”

    ต่อมาเวลา 13:56 นายวิฑูรย์ เดินออกมาจากทัณฑสถานหญิงกลาง  บอกสื่อมวลชนที่เฝ้าปักหลักรอทำข่าวว่า  จะข้ามไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเอกสารกับบอสป๊อป นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ ที่ฝั่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แล้วจะข้ามกลับมาฝั่งทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้ง

    ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีน.ส.กฤษอนงค์ และฟิล์ม รัฐภูมิ ใช่หรือไม่ นายวิฑูรย์บอกว่า “เรื่องเดียวกันครับ”  หลังจากนั้นเวลา 14:25 นายวิฑูรย์ได้กลับมาที่ฝั่งทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้ง

    แฉ“บอสพอล”ยัวะ“เจ๊พัช”จ่ายแต่ไม่จบ

    กระทั่งเวลา 15:30 นายวิฑูรย์ ออกมาเปิดเผยว่า ในส่วนคดี 20 ล้านบาทของ น.ส.กฤษอนงค์และฟิล์ม รัฐภูมิ ได้พูดคุยกับบอสปัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  บอสปันให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า  เมื่อเดือนมิ.ย.คาบเกี่ยว เดือนก.ค.ที่บอสพอลไปพบที่บ้าน น.ส.กฤษอนงค์ ในนามของบริษัทและจ่ายเงิน 750,000 บาท  อ้างว่าเป็นการจ่ายเงิน เพื่อกำจัดเพจผี แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่จบ บอสพอลเลยโกรธ น.ส.กฤษอนงค์

    ให้“บอสปัน”คุยแทนในนามบ.ก่อนถูกรีด20ล.

    พอมาถึงก็เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่บริษัท ดิ ไอ คอน กรุ๊ป กำลังเป็นประเด็นทางสังคม น.ส.กฤษอนงค์  ได้ชวนให้บอสพอลมาพูดคุยที่บ้านในนามบริษัท แต่บอสพอลยังคงโกรธ บอสปันจึงเข้าไปคุยแทนบอสพอล ในนามของบริษัท ไม่ใช่ไปในนามส่วนตัว ก่อนที่จะปรากฏคลิปเสียงดังกล่าว

    จ่อแจ้ง”นักร้อง-นักแสดง“อาทิตย์หน้า

    นั่นจึงทำให้แน่ชัดแล้วว่า เหตุการณ์คลิปเสียง 20 ล้านบาทนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในนามส่วนตัวของบอสปัน แต่เกิดขึ้นในนามของบริษัท ดิ ดอ คอน กรุ๊ป ดังนั้นในเรื่องนี้จะแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษณ์อนงค์และฟิล์ม รัฐภูมิ ในนามของบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป ซึ่งตอนนี้ทางบอสพอลได้รับทราบเรื่องแล้ว อยู่ในระหว่างการเซ็นเอกสารมอบอำนาจในนามนิติบุคคล เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองคน คาดว่าน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้า

    ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์

    สำหรับข้อหาความผิดนั้น จากพฤติการณ์ที่ส่อได้ชัดว่า ปรากฎข้อความที่มีลักษณะเป็นการข่มขู่ ไม่ใช่เป็นการหลอกลวงฉ้อโกง ดังนั้น จึงจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ในส่วนของข้อหาพยายามฉ้อโกงจะเข้าข่ายหรือไม่ เข้าข่ายเช่นเดียวกัน แต่จะแจ้งความในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ที่มีอัตราโทษสูงกว่า

    แต่ยังไงก็ตาม เนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ทั้งคู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แล้ว ศาลสามารถลงโทษในฐานความผิดเกี่ยวกับฉ้อโกงได้ โดยไม่แตกต่างกันในสาระสำคัญ

    “บอสปัน”ส่ายหน้าคำแก้ต่าง”ค่าแผนพีอาร์”

    นายวิฑูรย์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้เล่าคดีดังกล่าวให้บอสปันฟังว่า บุคคลทั้งสองคนได้ออกมาพูดแก้ต่างว่าเป็นการจ่ายเพื่อเป็นค่าแผนพีอาร์ บอสปันได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่ใช่เรื่องจริง  ยืนยันว่าทางบริษัทได้จ้างงานพีอาร์ กับบริษัทรับทำพีอาร์โฆษณายักษ์ใหญ่รายหนึ่ง ไม่เคยจ้างบุคคลทั้งสองคนและบุคคลทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้ทำธุรกิจพีอาร์

    บอสปันยินดีที่เรื่องดังกล่าวได้เปิดเผยขึ้นมาและยินดีที่จะให้ทางพนักงานสอบสวนเข้ามาสอบปากคำเรื่องดังกล่าว โดยได้หารือเบื้องต้นเกี่ยวกับคำให้การกับทนายความไว้แล้ว

    สงสัย89เหยื่อที่“เจ๊พัช”พามา

    ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบว่า ผู้เสียหาย 89 รายที่ น.ส.กฤษอนงค์เคยเปิดประเด็นมาเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทนั้น เป็นผู้ที่เสียหายจากการลงทุนเปิดบิลในระบบบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จริงหรือไม่

    อาจไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริง

    เนื่องจากตนมีข้อมูลว่า มีบางคนที่สามารถเบิกสินค้าขายได้ตามปกติ แต่มาสมอ้างว่าเป็นผู้เสียหายที่ไม่สามารถเบิกสินค้าได้ แต่เรื่องนี้รอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน และจะเปิดเผยอย่างละเอียดภายในสัปดาห์หน้า หากพบว่าใครไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริง ก็จะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการเดียวกัน

    ยังไม่ได้ฟังคลิป“เจ๊พัช”จ่ายดีเอสไอ10ล.

    ส่วนกรณีที่มีการปล่อยคลิปเสียงที่อ้างว่าน.ส.กฤษอนงค์ จ่ายเงิน 10 ล้านบาท ให้ดีเอสไอ  ยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าว

    ห่วงตัวแทนบ.ถูกอายัดทรัพย์ใช้ชีวิตลำบาก

    กรณีที่ตัวแทนของบริษัทถูกอายัดบัญชี ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้เสียหายที่แจ้งความร้องทุกข์และตัวแทนที่เป็นพยานให้ฝั่งผู้ต้องหา หลังถูกดีเอสไอ ตั้งเรื่องสอบสวนความผิดฐานฟอกเงิน โดยเป็นการยึดอายัดแบบไม่ตั้งตัว ทำให้ตัวแทนบริษัทใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัวและไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน

    ตัวแทนหลายคนก็ได้ออกมาบ่นภายในกลุ่มแชทของตัวแทน โดยทนายความก็ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและเชื่อว่าน่าจะมีตัวแทนถูกอายัดบัญชีมากกว่า 50 ราย แต่ฝั่งผู้เสียหาย  ไม่ทราบจำนวนว่ามีเท่าไหร่ ในวันนี้จึงนำประเด็นเรื่องดังกล่าวไปคุยกับนายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อป เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ

    เหตุ“เจ๊พัช”เปิดยุทธการลำเลียงระเบิด

    สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกรณีที่ น.ส.กฤษอนงค์ เปิดยุทธการลำเลียงระเบิด โดยให้ผู้เสียหายเข้าไปให้การกับพนักงานสอบสวนว่าบริษัทเป็นแชร์ลูกโซ่ จึงส่งผลทำให้บริษัทถูกดำเนินคดีในเรื่องแชร์ลูกโซ่

    เมื่อเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ ก็จะถูกตรวจเส้นทางการเงินจนนำมาสู่การอายัดบัญชีของตัวแทนทั้งสองฝ่าย เพราะอาจจะเข้าใจว่าเป็นแม่ข่าย ดังนั้นจึงจะเห็นแล้วว่า คดีแชร์ลูกโซ่จึงเปรียบเสมือนเป็นระเบิดที่ส่งผลกระทบทั้งสองฝ่ายเสมือนชื่อยุทธการดังกล่าว

    อยากให้ฝั่งผู้เสียหายแก้คำให้การ

    จากการพูดคุยกับบอสป๊อบจึงได้แนวทางเบื้องต้นว่า อยากให้ฝั่งผู้เสียหายที่ไปให้ปากคำกับทางตำรวจไปแก้คำให้การว่าไม่ใช่เรื่องแชร์ลูกโซ่และเป็นธุรกิจจริง ๆ เพียงแต่อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการขายสินค้าไม่ได้ เพราะตนก็เชื่อว่ามีผู้เสียหายจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบว่าถูกอายัดบัญชี

    ตนมองว่ายังมีโอกาสในการแก้ไขคำให้การ มิเช่นนั้น ถึงไม่แก้คำให้การคุณก็ต้องเตรียมตัวขึ้นไปให้การในชั้นศาล หากกลายเป็นเรื่องเท็จก็อาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้และไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย พวกคุณอย่าไปเชื่อใครมาก

    พร้อมทั้งระบุอีกว่า ตอนนี้บรรดาบอสที่ถูกจองจำในเรือนจำและทัณฑสถานนั้นเลยจุดที่โกรธบรรดาผู้เสียหายแล้ว ตอนนี้ต้องมาหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนฝั่งตัวแทนที่ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ก็ต้องเตรียมคำให้การเพื่อต่อสู้ข้อกล่าวหาเรื่องแชร์ลูกโซ่เช่นเดียวกันและต้องยืนยันได้ว่าเงินที่ได้มาเป็นเงินจากการขายสินค้า โดยสัปดาห์หน้าตนจะพาพยานตัวแทนเหล่านี้ไปหารือกับทางดีเอสไอ เพื่อสอบปากคำอีกครั้งในข้อต่อสู้ข้างต้น

    ตั้งข้อสงสัยมาตรฐานดีเอสไอเปลี่ยนไป

    ปกติแล้วการทำงานของดีเอสไอ ในคดีฟอกเงินนั้น จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีมูลฐานที่เกี่ยวกับฉ้อโกงประชาชนหรือกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ถึงจะเริ่มทำคดีฟอกเงินได้ แต่ปรากฏว่าในกรณีนี้ ได้ตั้งเรื่องคดีฟอกเงินคู่ขนานไปกับคดีที่อยู่ในมือของตำรวจ จึงตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมดีเอสไอ ถึงแหวกธรรมเนียมดังกล่าว

    ตนจึงมองว่าดีเอสไอ ควรต้องระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวให้มากว่า ควรจะทำเรื่องฟอกเงินต่อไปหรือไม่ เพราะมิเช่นนั้นจะถือว่ามาตรฐานของดีเอสไอ นั้นเปลี่ยนไป  ในสัปดาห์หน้าตนจะไปถามทางดีเอสไอ ในประเด็นดังกล่าวเช่นเดียวกัน

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments