เมื่อวานมีเหตุวิสามัญฯโจรใต้ ที่ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา เลยให้คิดถึงอดีตตำรวจใต้คนหนึ่ง
พี่โต-พีระ บุญเลี้ยง เป็นนักสืบในตำนาน อดีตตำรวจใต้คนที่ผมบอกคิดถึง ดุเดือดจริงจังระห่ำ เดินป่านำหน้าลูกน้องเหมือนคนหนุ่ม
ก่อนหน้านี้เคยได้สัมผัส ติดตามทำข่าวมาตั้งแต่สมัยอยู่กองปราบฯ
เป็น1ใน13อรหันต์ ยุค คำนึง ธรรมเกษม เป็นผู้การ
หลัง13อรหันต์แยกย้ายไปตามจังหวะชีวิตราชการ ช่วงก่อนเกษียณฯพี่โตสมัครใจลงไปอยู่ยะลา เป็นรองผู้การ-ก่อนขึ้นผู้การที่ยะลาตามลำดับ และตามเจตนารมณ์ที่พี่เขาตั้งใจไว้
ปีสุดท้ายในชีวิตตำรวจ พี่โตถูกโยกมาเป็น ผู้การสืบภาค9 ผมมีจังหวงได้ลงไปคุยบันทึกสัมภาษณ์บางเรื่องราวของพี่โตเอาไว้ วันนี้ย้อนมาอ่านกันครับ
พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง นายพลคนจริง อดีตนักสืบบ้าบิ่น บู๊ระห่ำดังยุทธจักร อยู่มาทั้งสืบเหนือ กองปราบ ตำรวจน้ำ สันติบาล
แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ในปี 52 เขาผันตัวลงมาเป็นตำรวจป่า อาสารับใช้ชาติที่ยะลา พาลูกน้องตระเวนไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทั่วผืนป่าที่เคยย่ำมาจนปรุเมื่อสมัยยังรุ่นๆ
ก่อนติดยศนายพล หัวหน้าตำรวจยะลาในอีก 2 ปีต่อมา(อ่าน Cop’S Magazine ฉบับที่ 73 นักรบยะลา สมราคา “พีระ บุญเลี้ยง”)
ทว่าปีสุดท้ายก่อนเกษียณใน ต.ค.57 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.โรเทชั่นให้เขามาเป็นผบก.สส.ภ.9
“ 5 ปีที่แล้ว พี่เริ่มเบื่อ เหลือง แดง แล้วพื้นที่นี้ พี่เคยอยู่มาตั้งแต่จบใหม่ๆ เลยอยากทดแทนบุญคุณประเทศ สมัครใจไปเป็นรองผู้การฯยะลา ชีวิตถูกขีดมาอย่างนี้
แล้วเราถือว่าเป็นนักรบของชาติ เขาก็เป็นนักรบ ต้องยอมรับ อย่าไปดูถูกว่าเขาคือผู้ก่อการร้าย เราไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกัน ไม่เคยแกล้ง ในสนามรบ คุณแพ้คุณต้องตาย ผมแพ้ ผมก็ต้องตาย พี่เคยแพ้ ถูกยิงกลับมาก็เคย…”
เฮียโตหรือเฮียเก้าของน้องๆเอ่ยความในถึงที่มาที่ไปรวมถึงนักรบฟาตอนี
จบใหม่ๆลงไปเป็นตำรวจยะลา ถูกยิงนิ้วชี้ซ้ายขาด มารู้ทีหลัง ถูกยิงที่หัวด้วย กระสุนมันเข้ามือแตกแล้วแฉลบเข้าหัว เลือดไหลออกจากหัว นึกว่าถากๆ
แต่อีก5 ปีต่อมา ตอนมาอยู่สืบสวนเหนือ ร่างกายมันดันออกมา มันรู้สึกแข็งๆก็แกะไปเรื่อย
จนวันหนึ่งให้ภรรยาดึงออกมา ถึงรู้ว่าเป็นหัวเอ็ม 16 ก่อนเอาไปให้หลวงพ่อบุญมี ที่วัดสุตธรรมาราม อาจารย์ที่นับถือเลี่ยมทองเก็บไว้
วันท่ีถูกยิง สิ่งคุ้มครองทางจิตใจ มีเพียงผ้าถุงแม่เหน็บไว้ที่หมวก แล้วก็พระคล้องคออีกพวงเท่านั้น
แต่พอกลับมาเจอพี่พยัพ คำพันธ์ุ พี่ใหญ่ในวงการพระเครื่องที่รู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนปี 25 แกให้ถอดพระที่แขวนออก บอกให้เก็บไว้ที่บ้าน
แล้วให้มา 1 องค์ เป็นหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์ประภามณฑล ซึ่งคนทั่วไปจะรู้ว่าท่านเป็นอาจารย์ของเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์
เหมือนเป็นชะตา พี่พยัพให้หลวงปู่ศุข ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าพี่เคยเป็นนักเรียนนายเรือมาก่อน นักเรียนนายเรือทุกคนต้องนับถือเสด็จเตี่ย
แล้วเมื่อท่านเป็นโอรสของรัชกาลที่ 5 เพราะฉะนั้น เกจิอาจารย์ของท่านก็ต้องไม่ธรรมดา ต้องมีบุญญาธิการ พี่ก็เริ่มศึกษาหลวงปู่ศุข เริ่มหาตำรา เริ่มศึกษาตั้งแต่นั้น
เล่าพลางอดีตหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจเสือดาว ถอดสร้อยที่คล้องออกให้ชม 3 พวง
ใน 3 เส้นเนี่ย ที่ใส่ประจำ เป็นเหรียญข้าวหลามตัด กรมหลวงชุมพร งานพระราชทาน ทุ่งพระเมรุ ปี 2466
ส่วนอีกพวง เป็นประคำมือหลวงปู่ศุข 108 เม็ด ทองนี่ไม่เกี่ยว เอามาทำเป็นสร้อยคอห้อยรูปถ่ายหลวงปู่ศุข
พวงสุดท้าย เพราะพี่เองพื้นเพอยู่ทางใต้ มีหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้บูชา องค์ที่สองเป็นหลวงปู่ศุข ที่พี่พยัพให้ สุดท้ายเป็นสมเด็จวัดระฆังหลังค้อน สมเด็จพุฒาจารย์เจริญท่านสร้าง ดีทางอยู่ยงคงกระพัน
อย่างไรก็ตามนะ ถึงจะมีพระดีแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่เป็นคนดี ประพฤติไม่ดี พระก็ไม่ช่วย เชื่อพี่เถอะ
Cop’s Magazine Vol.8 No.89 January 2014