“บิ๊กตู่” ยันตำรวจรับจ๊อบนักท่องเที่ยวจีนผิดต้องถูกลงโทษ ถามกลับ ‘มันใช่มั้ย’ หลังถูกถามมีเงินซื้อทุกอย่างในไทยได้ ด้าน ผบ.ตร. ย้ำชัดสวมเครื่องแบบรับจ๊อบนอกเวลาราชการไม่ได้ เชื่อไม่มีให้บริการผู้ก่อการร้าย สั่งโฆษก บช.ทุกหน่วยงดชี้แจงหวั่นทำข้อมูลสับสน ยันทำมา 10 ปีก็ตรวจสอบย้อนหลังได้
เมื่อวันที่ 25 ม.ค.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีตำรวจรับจ็อบนักท่องเที่ยวจีนโดยใช้รถนำขบวนรับส่งที่สนามบินจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่า
เรื่องนี้ได้เน้นย้ำไปแล้วหากผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ใครทำผิดก็ต้องลงโทษ เพราะการรับจ๊อบนอกราชการการเอารถราชการไปใช้ถือว่าทำผิด เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็ต้องลงโทษป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ส่วนเว็บไซต์ต่างประเทศยังมีการโฆษณาขายแพคเกจดังกล่าวอยู่นั้น ย้ำว่าถ้าไม่ถูกก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้กำลังปรับปรุง พ.ร.ก.เกี่ยวกับการทำผิดทางออนไลน์ การโฆษณาเกินความเป็นจริงขอให้การทำ พ.ร.ก.ผ่านก่อน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อคำถามที่ว่า ส่วนที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ปฎิเสธว่าไม่มีทั้งที่เว็บไซต์ต่างประเทศบอกว่ามีการทำกันมาเป็น 10 ปีเป็นการรีบปฏิเสธเกินไปหรือไม่นั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้ามีปัญหาก็แก้ไขต้องตรวจสอบ ถ้ามีการร้องเรียนมีหลักฐานปรากฎก็ต้องลงโทษ มีหลายอย่างที่ต้องช่วยกันดูแล ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นใคร ซึ่งตนเองได้สั่งการให้มีการติดตามสืบสวนดำเนินคดี ไม่ได้ปล่อยปละละเลยแต่กลายเป็นว่าพอมีข่าวรัฐบาลกลับถูกกล่าวหาว่าทุจริต ขอให้ย้อนกลับไปดูก่อนหน้าที่ตนเองเข้ามา ว่าเคยมีการดำเนินคดีหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่ามีการทำกันมายาวนานหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง
ส่วนจะเป็นการซ้ำรอยกับทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่ ได้ย้ำว่าก็กำลังทำให้ดีที่สุดไม่ให้ซ้ำรอย ไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศและการท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดยังไงที่มีคนบอกว่าแค่มีเงินก็สามารถซื้อและทำอะไรก็ได้ในประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า แล้วมันใช่มั้ยล่ะ มันใช่มั้ย เธอเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมันใช่มั้ย ถ้าพูดอย่างนั้นมันใช่มั้ย แล้วแทนที่คุณจะทำความเข้าใจเขา กลายเป็นว่าคุณไปเห็นด้วยกับเขาไปด้วย มันก็มีทุกประเทศนั่นแหละ
ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีเพจดัง “ลุยจีน” ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ตำรวจไทยรับจ้างขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนมีมานานกว่า 10 ปีแล้ว
เรื่องนี้ได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบถ้าหากมีข้อมูลอย่างที่มีการออกมาเปิดเผย หากมีหลักฐานชัดเจนจะลงโทษทั้งทางอาญาและทางวินัย แต่ตอนนี้ขอเวลาให้ชุดเจ้าหน้าที่สอบสวนได้ดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากภาพที่ปรากฎตามสื่อเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง และเป็นตำรวจจราจรส่วนหนึ่งและอาจจะมีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิดทั้งในส่วนของไกด์นำเที่ยว ซึ่งก็จะต้องไปสอบสวนให้ครบทุกด้าน
ตอนนี้ได้สั่งการกำชับให้ทางจเรตำรวจลงไปตรวจสอบในทุกประเด็นแล้ว และจากนี้จะไม่ให้โฆษกของแต่ละ บช.ออกมาชี้แจงแล้ว เพราะอาจจะทำให้คำตอบและข้อมูลมีความสับสนไม่ตรงกัน
ผบ.ตร. กล่าวยืนยันว่า บริการพิเศษนี้ไม่มีบริการให้แก่กลุ่มผู้ก่อการร้าย เพราะจะต้องมีการตรวจสอบก่อนอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นไปตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีแนวทางไปแล้วว่าการจะนำขบวนใครก็ตามต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
การนำขบวนในเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เป็นการกระทำโดยพละการซึ่งมีความผิดที่จะต้องลงโทษ ทั้งนี้ต้องขอเวลาให้ตำรวจได้มีการตรวจสอบก่อนว่ามีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ จะกี่ปีย้อนหลังก็สามารถตรวจสอบได้ อยู่ที่หลักฐานเป็นหลัก ถ้าหากออกมาพูดปากเปล่า หรือพูดลอยๆก็คงตรวจสอบไม่ได้ แต่ถ้าหากผู้ใดมีข้อมูล ขอให้ส่งมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ตรวจสอบ ยืนยันว่าพร้อมที่จะดำนเนินการต่อ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตำรวจสวมเครื่องแบบไปรับจ้างนอกเวลา จะใช้รถส่วนตัวหรือรถหลวงก็ผิดทั้งนั้น เพราะเป็นการกระทำโดยพละการและไม่ได้ทำตามคำสั่ง ดังนั้นจึงไม่มีหน้าที่การจะนำรถไปใช้กิจใดๆต้องมีเหตุและผล และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และก่อนหน้านั้นก็มีคำสั่งชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งนี้พร้อมลงโทษ อย่างหนักหากตรวจสอบพบว่าผิดจริง เพื่อให้เกิดความเกรงกลัว และไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเร่งประสานให้เว็บขายของออนไลน์ ลบข้อมูลขายแพคเกจการจองท่องเที่ยวพร้อมรถนำขบวนหรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า หากประสานได้ก็จะประสาน เรื่องนี้จเรตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบในทุกมิติ ทั้งข้อมูลฝ่ายที่เอาไปโพสต์และแชร์ และข้อมูลฝั่งตำรวจที่ให้ปากคำ
ย้ำว่าข้อเท็จจริงทุกอย่างจะต้องทำให้ปรากฏชัดเจนเปิดเผยได้ แต่ขอเวลาตรวจสอบ เพื่อความรอบคอบและเห็นภาพรวมทั้งหมด ยิ่งมีข้อมูลว่าทำมานานแล้วก็ต้องไปตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องไปรื้อระเบียบเกี่ยวกับรถนำขบวน เพราะเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่นอกลู่นอกทาง ไม่เกี่ยวกับระเบียบที่มี ส่วนจะเรียกสาวจีนที่โพสต์คลิปมาสอบถามเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า หากจเรตำรวจพิจารณาแล้วว่าจำเป็น ก็จะประสานให้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้ผู้โพสต์อาจไม่อยู่ในประเทศไทยเเล้ว
พร้อมย้ำชัดว่าไม่ได้รู้สึกหนักใจที่ตอนนี้มีแต่ข่าวเสียหายของตำรวจ แต่ถือเป็นการไปตรวจสอบถ้าตรงไหนที่ไม่ดีก็ต้องแก้ไข ซึ่งหลายเรื่องจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบจะด่วนสรุปเลยก็ไม่ได้ ขอให้ประชาชนใจเย็นเพราะตำรวจก็กำลังเร่งทำทุกคดีอย่างเต็มที่