Wednesday, August 27, 2025
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน“บิ๊กเต่า”กระแทกอีกอยากให้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจไปทางไหน

    “บิ๊กเต่า”กระแทกอีกอยากให้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจไปทางไหน

    “บิ๊กเต่า”เปิดใจหลังเป็นตัวแทนตำรวจ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ปม แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เพื่อ เป็นการกระตุกให้ผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรมตำรวจ รุ่นใหม่ไฟแรงที่ตั้งใจทำงานและมีความรู้ความสามารถ

    เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 26 ส.ค.68 ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ เรื่องการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง และโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนข้าราชการตำรวจปี 68 ว่า

    จากการที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ชุดเล็กประชุมพิจารณากลั่นกรองไปแล้วนั้น ทำให้เราทราบว่า มีการพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพ.ร.บ.ตำรวจ 2565 ในหมวดของความรู้ความสามารถ และลำดับอาวุโส และเราเห็นว่าคนที่ได้ และมาเปรียบเทียบกับอีกหลายคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังไม่มีความเหมาะสม ทำให้มีผู้เสียสิทธิ์จำนวนมาก และคนเหล่านั้นได้มาพบตน ในฐานะที่ดูแลเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ มาขอคำปรึกษา โอดครวญว่าจะทำยังไงให้กฎหมายเป็นกฎหมาย

    ฉะนั้น ตนขอรับเป็นหน้าเสื่อ ในร้องขอความเป็นธรรม ที่ ก.ตร.ไปตัดหลักเกณฑ์การพิจารณาของรองผู้บัญชาการฯ จาก 2 ปี เป็น 3-4 ปี ทำให้เป็นการตัดสิทธิ์ของผู้ที่ควรจะขึ้น มองว่า การทำเช่นนี้ทำให้ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่งผลถึงการปฎิบัติหน้าที่ ที่คุณตั้งใจทำงานกลับถูกตัดสิทธิ์ ทำให้ผลงานที่ออกมาอาจจะดีหรือไม่ดี แบบเช้าชามเย็นชาม

    อีกทั้ง สิ่งที่ตนเขียนไป เพราะอยากขอความเป็นธรรมจาก ก.ตร. ชุดใหญ่ รวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี

    โปรดพิจารณาเจ้าหน้าที่ทุกนายที่หลักเกณฑ์ครบ ให้ได้พิสูจน์ตามข้อมูลหลักฐานที่ได้ส่งไป โดย พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 มีการเปลี่ยน หลักเกณฑ์หลังมีการลงความเห็นในที่ประชุมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ให้สำรวจข้อมูลในการแต่งตั้ง และแบบฟอร์มของผู้มีสิทธิ์ไปทำรายละเอียดผลงานรวบรวมเป็นรูปเล่ม ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

    แต่ในวันที่ 29 กรกฎาคมนั้น กลับมีหนังสือออกจากสำนักตำรวจแห่งชาติ ให้ชะลอหนังสือของ ผบ.ตร. ถึงการประเมินผลงาน และไม่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จนทำให้ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้ง เราไม่รู้ว่ามีความสามารถยังไง

    พร้อมยกตัวอย่างกรณีของ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ที่อยู่ในตำแหน่งมา 3 ปี แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา ทั้งที่มีความสามารถ และมีผลงาน จึงอยากขอให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ

    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทุกคนทำงานล้วนหวังความเจริญก้าวหน้า ในชีวิตเพื่อขวัญ และกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ในเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ และผู้บังคับบัญชาจะเอาความเป็นธรรมให้พี่น้องประชาชนได้อย่างไร

    ฉะนั้นจะต้องพิจารณาในด้านคุณธรรมให้เป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้ได้รับความเสมอภาค เพราะหากพิจารณาด้วยความเหมาะสมแล้วจะไม่เกิดเรื่องร้องเรียน

    ส่วนวิธีการการประเมินมองว่า ไม่ควรตัดสิทธิ์ เพราะเป็นวิธีที่ผ่านการเห็นชอบมาแล้วไม่ควรยกเลิก ไม่ใช่อ้างว่าไม่มีเวลาสัมภาษณ์หรือไม่ทันกำหนด เพราะว่าวันที่ 29 – 31 ตุลาคมการสัมภาษณ์ของกองบัญชาการต่างๆ เขาสัมภาษณ์มาหมดแล้ว เหลือแค่รองผู้บัญชาการที่จะเป็นผู้บัญชาการ 80 คน เชื่อว่า ใช้เวลา 1 ถึง 3 วันก็เสร็จสิ้นแล้ว มันไม่ใช่ข้ออ้าง และผลที่ได้จากการพิจารณากลั่นกรองมันไม่ชัดเจน

    ส่วนหลังจากเมื่อวานนี้ที่ยื่นหนังสือถึงนายภูมิธรรมแล้ว ยังไม่ได้คุยกัน แต่ท่านได้บอกผ่านคณะทำงานมาว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ฉะนั้นความยุติธรรมความเป็นธรรมต้องเกิด และขอให้สบายใจได้

    เมื่อถามว่า การที่ออกมาเป็นหน้าเสื่อจะส่งผลกระทบต่ออนาคตตัวเองหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ถ้าเรากังวลมันก็จะเปลี่ยนแปลงระบบไม่ได้ ตนจะได้หรือไม่ได้ไม่ใช่เรื่อง แต่เป็นเรื่องที่ ก.ตร. ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ตนจึงร้องเรียนแทนทุกคนเพื่อผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้มีขวัญ และกำลังใจ ไม่ใช่ทำงานรอวันเกษียณ

    ตั้งข้อสังเกตคนที่ใกล้เกษียณควรจะต้องพิจารณา เพราะเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง เวลาขอความร่วมมือหรือสั่งการอะไรก็ควรที่จะพิจารณา ส่วนคนที่อายุน้อยๆ อย่างรุ่นน้องของตนมีจำนวนมาก เป็นหนุ่มไฟแรงที่ตั้งใจทำงาน แต่ใช่ว่าคนที่ใกล้เกษียณจะทำงานไม่ดี มีหลายคนที่ทำงานได้ดี และมีหลายคนที่ต้องปรับปรุงอย่างมาก

    “ผมเชื่อว่าการร้องครั้งนี้เป็นการกระตุกเตือนผู้บังคับบัญชา ทั้งผู้บังคับบัญชาจากการเลือกตั้ง, การแต่งตั้ง และจากการดำรงตำแหน่ง ได้ย้อนกลับมาคิดว่าภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะเดินไปทางไหน

    ควรเดินไปในทางที่ชอบธรรม และเป็นธรรมเพื่อพี่น้องประชาชนหรือเดินในทางที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเป็นระบบอุปถัมภ์ก็ขอให้พิจารณา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments