สายวันที่ 5 พ.ค.65 ที่ หัองประชุมชั้น 2 บกป. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก. ปคบ. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รองผกก.4 ปคบ. และภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานขยายผลการจับกุมทลายแหล่งผลิตน้ำสมุนไพร ผสมสเตียรอยด์ และแหล่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ได้มาตรฐาน ตรวจยึดของกลาง 124 รายการ ในพื้นที่จ.ขอนแก่น และจ.ระยอง รวม 6 จุด
พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจกก. 4 บก.ปคบ. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิตและเก็บอาหารรวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.ขอนแก่น พบของกลางเป็นน้ำสมุนไพร ยาเม็ดในกลุ่มสเตียรอยด์ และยาเม็ดแก้ปวดไม่มีทะเบียนจำนวนมาก
ต่อมาสืบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาจนทราบตัวผู้จำหน่ายยาสเตียรอยด์ได้ตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อุบลรัตน์ อายุ 52 ปี ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ใหม่นาเพียง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น พบหลักฐานการเงินว่าเป็นผู้จำหน่ายยาสเตียรอยด์ ให้กับกลุ่มผู้ค้าเครื่องดื่มสมุนไพรผสมสเตียรอยด์ในพื้นที่ใกล้เคียง 27 รายการ
ตรวจยึดเครื่องดื่มสมุนไพรยี่ห้อ ธิดาเทพ และดีเฮิร์บ จำนวนหนึ่ง พร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องดื่มผสมสมุนไพร ในบ้านพักนายเดชา(สงวนนามสกุล) และนายจำเนียร อายุ 60 ปี สามีของนางอุบลรัตน์ ที่อยู่ใกล้กันรวมทั้งโรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร ในพื้นที่หมู่ 8 ต.บ้านแท่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
เชื่อมโยงกับผู้ขายเครื่องดื่มสมุนไพรผสมสเตียรอยด์ นอกจากนี้ยังตรวจค้นบ้านของภรรยานายเดชา ในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พบเครื่องดื่มสมุนไพรยี่ห้อธิดาเทพ และเดย์เฮิร์บ จำนวนมาก
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า น.ส.อุบลรัตน์ รับสารภาพว่าขายยาสเตียรอยด์ให้กับกลุ่มผู้ผลิตและค้าเครื่องดื่มสมุนไพรผสมยาสเตียรอยด์ในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงหลายรายจริง โดยซื้อยาสเตียรอยด์จำนวนมาก จากร้านขายยา ใน อ.เมืองขอนแก่น มาแบ่งขาย
ส่วน นายเดชา มีอาชีพครูอัตราจ้างรับว่า เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ ธิดาเทพ และ เดย์เฮิร์บ สั่งผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรจากโรงงานและนำมาผสมยาสเตียรอยด์ลงไป ก่อนนำไปจำหน่าย ส่วนของกลางที่ตำรวจตรวจยึดมาส่วนหนึ่งนั้น มีส่วนผสมยาสเดียรอยด์ที่ซื้อมาจาก น.ส.อุบลรัตน์
หากนางอุบลรัตน์ ไม่มีสเตียรอยด์ขายให้ จะไปซื้อจากร้านขายยาใน อ.พล จ.ขอนแก่น แทน สำหรับนายเดชา และนายจำเนียร สามีนางอุบลรัตน์ หลังจากส่งของกลางที่พบไปตรวจสอบแล้วจะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาต่อไป
หลังตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีตามพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ฐาน “ผลิตและจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ เป็นอาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือปนอยู่ด้วย” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนขยายผลต่อไป
ภก. วีระชัย กล่าวว่า ขอฝากไปยังบุตรหลานให้สอดส่องการรับประทานยาของพ่อแม่ภายในบ้านเพราะปัญหาของผู้สูงวัยคืออาการปวดเมื่อยตามร่างกายและไม่ชอบไปโรงพยาบาล มักหาซื้อยามารับประทานเอง
ยาเหล่านี้มักให้ผลดีคืออาการหายปวดที่หายปวดอย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุจึงติดใจและหาซื้อมารับประทานอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้ว่ายาเหล่านี้อันตรายต่อสุขภาพ หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติที่สังเกตได้ตั้งแต่มีใบหน้าบวมกลมอูมเหมือนพระจันทร์ มีโหนกที่แก้ม มีหนอกที่คอ ตัวบวมเริ่มมีไตวาย ถ้าหยุดยากะทันหันจะทำให้เกิดภาวะช็อกได้
“สเตียรอยด์” จึงเป็น “ยาควบคุมพิเศษ” เฉพาะผู้ป่วยที่มีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ขอเตือนผู้บริโภคก่อนซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพใดๆ ควรตรวจสอบข้อมูลอนุญาตทางเว็บไซต์ อย. ww.fda.moph.go.th ก่อนทุกครั้ง