
”รองสำราญ“นำทัพปส.เปิดปฏิบัติการทลายรังเครือข่ายค้ายาเสพติด “Black Mirror TKP” 22 จุด ในพื้นที่กทม. นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี และตรัง ยึดอายัดทรัพย์246ล. จับ4ผตห. อึ้ง มีผู้สมัครสส.พรรคดังรวมอยู่ด้วย
ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าเชิงรุกในทุกมิติ ทั้งการปิดล้อม ตรวจค้น สืบสวน ขยายผล ปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดทั้งในและนอกประเทศ พร้อมยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำลายโครงข่ายทางการเงินของขบวนการอย่างเด็ดขาด
วันที่ 29 ธ.ค.2568 เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) –
พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. เป็นประธานแถลงผลการปฏิบัติการทลายรัง เครือข่าย “Black Mirror TKP” พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น.
นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., พ.อ.พจฤทธิ์ รอบคอบ ผอ.สปส.ศปป.2 กอ.รมน. และ Miss Becky Kuo Taiwan Police Liaison Officer in Thailand เข้าร่วมฯ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิบัติการ “ต้องชนะยาเสพติด” ให้ได้อย่างเด็ดขาด ศอ.ปส.ตร.
บช.ปส.ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช. ปส.สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการในสังกัดเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวน ขยายผล และเปิดปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด บช.ปส.ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ส., สำนักงาน ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการเชิงรุกในการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดและการฟอกเงินรายสำคัญ ภายใต้ปฏิบัติการทลายรัง เครือข่าย “Black Mirror TKP”
เป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติด เปิดบริษัทบังหน้าใช้เป็นช่องทางรับ–โอนเงินค่ายาเสพติด มีกลุ่มเครือข่ายที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ มีทรัพย์สินและเงินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 กองร้อยทหารพรานที่ 2101 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จับกุมผู้ต้องหาสัญชาติลาว 3 ราย ได้แก่ ท้าวพง, ท้าวลี่ และท้าวดำ ได้ที่บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จว.นครพนม
พร้อมของกลางไอซ์น้ำหนักประมาณ 658 กิโลกรัม ยาบ้า 116,000 เม็ด เรือกีบหางยาว 2 ลำ และรถตู้ 1 คัน ใช้เป็นพาหนะลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ
จากนั้น บช.ปส.ได้สืบสวนขยายผลเรื่อยมาพบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวใช้เส้นทางการเงินจากการค้ายาเสพติดเชื่อมโยงผ่าน บริษัท ทีเคพี ฯ เกี่ยวเนื่องกัน อีก 7 คดี ดังนี้
(1) เมื่อวันที่ 18 มี.ค.68 บช.ปส.จับกุมผู้ต้องหาอีก 3 ราย ได้แก่ นายจีระพงษ์, นายเอกภพ และ น.ส.ขนิษฐา พร้อมของกลางคีตามีน น้ำหนักประมาณ 199 กิโลกรัม และรถยนต์ 2 คัน ภายในห้องพักของรีสอร์ทในพื้นที่ อ.เอราวัณ จว.เลย และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ซึ่งเป็นผู้สั่งการ
(2) เมื่อวันที่ 9 พ.ค.68 บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสิทธิศักดิ์ และนายกฤษฎา พร้อมยาบ้า 196,000 เม็ด และรถยนต์ 2 คัน ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่โอนเงินตนเองผ่านบัญชีบริษัท ทีเคพี ฯ ได้อีก 2 ราย คือ นายณัฐพงษ์ และนายกิตติศักดิ์
(3) เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.68 ตำรวจ สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ จับกุมนายอารีย์ พร้อมของกลางยาบ้า 10,000,000 เม็ด
(4) เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 ตำรวจ สภ.วังสะพุง จว.เลย จับกุม นายวิเชียร พร้อมของกลาง ยาบ้า 60,000 เม็ด
(5) เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.67 ศุลกากรไต้หวัน ตรวจยึดพัสดุซุกซ่อนเฮโรอีน ในขวดโลชั่น น้ำหนัก 3.23 กก. ที่ไต้หวัน ซึ่งถูกส่งจากต้นทาง อ.ท่าบ่อ จว.หนองคาย
(6) เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 ตำรวจ สปพ.(191) จับกุม นายนพดล หรือดล พร้อมของกลาง ยาบ้า 10,000,000 เม็ด
(7) เมื่อวันที่ 10 พ.ย.68 ตำรวจ สภ.บ้านดู่ ภ.จว.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 10,000,000 เม็ด
การขยายผลดังกล่าว พบการเชื่อมโยงทางการเงินกับอีก 3 บริษัท หมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท เอ็มทีซีฯ, บริษัท ทีเคพี ปิโตรเลียมฯ และบริษัท มาสเตอร์ เทรดฯ
ได้ประสานข้อมูลกับ สำนักงาน ปปง. พบข้อมูลรายการเดินบัญชีของกลุ่มบริษัทฯ ดังกล่าว มีลักษณะเป็นการทำธุรกรรมต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกันในหลายท้องที่
จากการสืบสวนและขยายผลเชิงลึกในครั้งนี้ บช.ปส. ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินฯ” กรรมการและผู้ถือหุ้น รวม 7 ราย
ในเช้าวันที่ 29 ธ.ค.68 ได้เปิดปฏิบัติการ ปิดล้อมตรวจค้นทลายรังเครือข่าย“Black Mirror TKP” พร้อมกัน 22 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี และตรัง
จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาฟอกเงิน ได้ 4 คนตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่าย อาทิ เงินสด 1,562,000 บาท, ทองคำ น้ำหนักรวม 43 บาท (655 กรัม), บ้านพร้อมที่ดิน 8 หลัง, อาคารชุด 12 ห้อง, รถยนต์ รวม 6 คัน, รถจักรยานยนต์ 1 คัน, ปืน 18 กระบอก และโฉนดที่ดิน 1 แปลง ฯลฯ อายัดเงินในบัญชี 30 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์ 246,604,500 บาท
พล.ต.ท.อาชยน ได้กล่าวว่า เครือข่าย“Black Mirror TKP” นี้เป็นเครือข่ายที่ลักลอบค้ายาเสพติดทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ มีผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เปิดบริษัทบังหน้าเพื่อฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด
ในเครือข่ายนี้สามารถตรวจยึดยาบ้าได้รวม 30.37 ล้านเม็ด, ไอซ์ 658 กิโลกรัม, เฮโรอีน 3.23 กิโลกรัม และคีตามีน 199 กิโลกรัม ผู้ต้องหารวม 24 คน ทรัพย์สินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท
ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการลดระดับอิทธิพลของกลุ่มอาชญากร และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและความมุ่งมั่น ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำว่า
ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลลัพธ์จากการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการขจัดภัยยาเสพติดแบบ “ขุดรากถอนโคน” เพื่อร่วมกันปกป้องสังคมไทยจากภัยร้ายของยาเสพติดอย่างยั่งยืน ถือเป็นภาพสะท้อนถึงความตั้งใจจริง ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกในทุกมิติ ทั้งการสืบสวน ปิดล้อม ตรวจค้น และขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำลายโครงสร้างทางการเงินของขบวนการให้ถึงที่สุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านร่วมกันปกป้องสังคมไทยจากภัยร้ายของยาเสพติดอย่างยั่งยืน หากพบเบาะแสยาเสพติด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1599 หรือ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้าน
มีรายงานว่า 1ในผู้ต้อวหงคือ นายบุญฤทธิ์ ผู้สมัคร สส. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย สส.พรรคประชาชน เขต 33 อยู่ในขบวนการฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดนี้มาตั้งแต่ต้น มีลักษณะของการรับเงินเป็นรายเดือน
หลังจากนี้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจะนำตัวผู้ต้องหา ผู้สมัคร สส.รายนี้ มาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

























