ผบช.ก.แถลง ตำรวจ ปอท.เปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam”ทลายแก๊งหลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เหยื่อสูญ46ล้าน พฤติกรรมแสบลงทุนส่งซื้อแหวนเพชร-ช่อกุหลาบ จนตายใจ
วันที่ 3 ธ.ค.67 ที่ บก.ป.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.
ร่วมแถลงผลปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม”หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน จับกุมนายยุทธชัย อายุ 26 ปี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” จับกุมได้ที่อาคาร 3 ชั้น ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่
นอกจากนี้ยังเข้าตรวจค้นหลังระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจค้น 21 จุด 11 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่,เชียงราย , มุกดาหาร,สุรินทร์,กทม.,สมุทรปราการ,อุทัยธานี,,นครราชสีมา , กาญจนบุรี, ปราจีนบุรี และ พระนครศรีอยุธยาจับกุมผู้ต้องหาร่วมแก๊งทั้งชาย-หญิง ได้อีก 19 คนด้วย
พล.ต.ต.อธิป เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับเหยื่อและสถานการณ์ เพื่อหลอกให้ได้ทรัพย์สินมากที่สุด โดยมีการทำงานคล้ายกับบริษัทที่แสวงหาผลกำไรสูงสุด การหลอกลวงลักษณะหลอกให้รักแล้วชักชวนลงทุน เป็นที่รู้จักกันคือ “ไฮบริดสแกม”
คดีนี้ เมื่อเดือนก.ค.67 มีเฟซบุ๊กใช้ชื่อปลอมแอบอ้างเป็นหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย แกล้งทักผิดมาหา จากนั้นจะพูดคุยสร้างความสนิมสนมกับเหยื่ออยู่ประมาณ 1 เดือน มีการใช้วีดีโอคอลหาเหยื่อ โดยใช้AI สร้างภาพเคลื่อนไหวให้มีหน้าตาเหมือนภาพในเฟซบุ๊ก จนผู้เสียหายหลงเชื่อสนิทใจ ก่อนชักชวนลงทุนที่ผลกำไรดีพร้อมส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอมชื่อ “Streaming”
พล.ต.ต.อธิปกล่าวต่อว่า ระหว่างนี้เพื่อความแนบเนียนคนร้ายยังส่งแหวนเพชรและช่อดอกไม้มาให้เหยื่อเพื่อสร้างความเชื่อใจมากยิ่งขึ้น จนเหยื่อตายใจยอมโอนเงินมากขึ้นเรื่อยๆ ถึง 45 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 45.8 ล้านบาท
เมื่อผู้เสียหายรู้ว่าโดนหลอก ทำให้คนร้ายยอมรับพร้อมอ้างกับผู้เสียหายว่าถูกบังคับให้ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งยังขอร้องให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเป็นค่าไถ่ตัวเองอีก 2 แสนบาท แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อแล้วเข้าแจ้งความที่ บก.ปอท.
ผบก.ปอท กล่าวอีกว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด มีทั้งระดับสั่งการ,กลุ่มจัดการฟอกเงิน ,บัญชีม้า มีทั้งคนไทย,ลาว ,กัมพูชา และจีน ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 21 จุด ใน 11 จังหวัดทั่วประเทศ
จับกุมผู้ต้องหาได้ 20 รายแยกเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1 ราย ,ฟอกเงินคริปโตเคอเรนซี่ 1 ราย , คนกดเงินสดและจัดหาบัญชีม้า 9 ราย และเจ้าของบัญชีม้าอีก 9 ราย พร้อมยึดของกลางทรัพย์สินต่างๆ ทั้งหมดกว่า 208 รายการด้วย
สอบสวน นายยุทธชัย ให้การว่า ทำหน้าที่เป็นล่ามและเป็นผู้จัดการของแก๊งคอลฯ มีนายทุนเป็นชาวจีน มีรูปแบบคล้ายบริษัทเอกชน ในองค์กรจะมีตนร่วมกับผู้จัดการคนลาว จัดทีมงานหลอกลวงเหยื่อ ทั้งหมด 10 ทีม แต่ละทีมมีพนักงานเป็นคนไทยและคนลาว 8-10 คน
ส่วนวิธีการจะจัดหาซื้อบัญชีเฟซบุ๊กต่างๆ แล้วนำมาเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นบุคคลที่ดูมีฐานะการงานน่าเชื่อถือ รวมทั้งมีกลุ่มแชตคัดเลือเหยื่อส่งมาให้ทีมต่างๆ การคัดสรรเหยื่อจะดูจากฐานะการเงิน ,การใช้ชีวิตและครอบครัว ก่อนใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมทักไปหาจนเหยื่อเริ่มพูดคุยด้วย
ระหว่างนี้คนร้ายจะส่งภาพกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น ภาพทานอาหาร, ทำบุญ หรือเดินทางท่องเที่ยว หลังเหยื่อไว้ใจจะส่งลิงก์แอปฯปลอมให้ดาวน์โหลด
เมื่อเหยื่อเริ่มการโอนเงินแล้วจะส่งงานต่อให้ระดับผู้จัดการชาวจีนและลาวคอยจัดการ หลังหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายได้แล้วทั้งหมดจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ตามจำนวนเงินที่หลอกมาได้
ขณะที่ พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าคนร้ายแก๊งนี้ มีรูปแบบการหลอกหลายรูปแบบ ทั้ง การหลอกลงทุน, หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน และขู่กรรโชกทางเพศจากภาพโป๊เปลือย โดยนายยุทธชัยได้รับเงินเดือนประมาณ 8,000 หยวน หรือ 4 หมื่นบาท และยังรับเงินค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากการหลอกลวงอีกด้วย ส่วนเหยื่อมีทั้งคนไทย,สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
จากการตรวจสอบพบแอปพลิเคชันปลอมที่คนร้ายใช้หลอกลวงทั้งหมด 5 แอปฯ คือ Streaming, TellMall, ETF Trade, Fhxcm และ Fxcm โดยพบข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์จากระบบThaipoliceonline พบว่า มี29 คดี ความเสียหายประมาณ 63 ล้านบาท
อีกทั้งขณะจับกุมนายยุทธชัย ยังพบว่ากำลังรับงานยิงแอดโฆษณาให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีกแก๊งเพื่อหลอกลวงคนตุรกีและแอฟริกาด้วย เบื้องต้นได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พนักงานสอบสวน กก.2.บก.ปอท.ดำเนินคดีต่อไป
