ปอท.ขบวนการรับจ้างปลอมสเตตเมนต์และหนังสือรับรองเงินเดือน ขอสินเชื่อธนาคารและทำวีซ่า พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท
วันที่ 9 ธ.ค.65 ที่ บช.ก. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผกก.3 บก.ปอท.,พ.ต.ท.กมล ทวีศรี รอง ผกก.3 บก.ปอท.พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว สว.กก.3 บก.ปอท. และนายภิญโญ โกมลกิตติพงศ์ ผู้จัดการทีมสืบสวนการทุจริตต่อองศ์กร ฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายศตวรรษ อายุ 27 ปี น.ส.วรรณวิสา อายุ 30 ปี นายพลวัฒน์ อายุ 34 ปีทและน.ส.รัตนาภรณ์อายุ 32 ปี
ข้อหาร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์
จับกุมนายศตวรรษและน.ส.วรรณวิสาได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และจับกุมนายพลวัฒน์ และน.ส.รัตนาภรณ ได้ที่ จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากฝ่ายกฎหมายธนาคารไทยพาณิชย์ว่า มีกลุ่มบุคคลนำรายงานเดินบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ปลอมไปยื่นกู้กับสถาบันการเงินอื่นๆและยื่นขอหนังสือเดินทางกับสถานทูตต่างๆ เพื่อไปทำงานหรือศึกษาต่อต่างประเทศ
ได้ว่าจ้างทำรายการเดินบัญชีปลอมจากเว็บไซต์ www.monneyaporvedmany.com และติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อบัญชี@loansimple สืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีการเปิดเว็บไซต์รับจ้างทำเอกสารปลอมเพิ่มเติมอีก 2 เว็บไซต์ เมื่อสืบสวนเพิ่มเติมจึงพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรมทั้งหมด
ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายศตวรรษและน.ส. วรรณวิสา สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่แท้จริง ใช้บัญชีม้าของนายพลวัฒน์และนส.รัตนาภรณ ในการทำธุรกรรมการเงิน รวบรวมพยานหลักฐานต่อศาลอาญาขอหมายจับ
ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นบริเวณบ้านพักในพื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบนายศตวรรษและ น.ส.วรรณวิสา ของกลางหลายรายการ อาทิ คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ไอแพด 2 เครื่องโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 2 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารและบัตรกดเงินสด 16 อัน รถจักรยานยนต์สำหรับใช้กดเงิน 1 คัน นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาอีก2 ราย ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.อธิป กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นนายศตวรรษรับสารภาพ เป็นผู้ที่รับทำสเตตเมนต์ธนาคารปลอมผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นไลน์ทั้งหมดจริง ก่อนหน้านี้เคยรับจ้างทำสเตตเมนต์ธนาคารปลอมร่วมกับผู้ต้องหาคดีอื่น และเห็นว่ามีรายได้สูง คิดค่าดำเนินการปลอมสเตตเมนต์ตั้งแต่ 6,000 บาท ไปจนถึง 50,000 บาท ต่อครั้ง แล้วแต่จำนวนยอดเงิน และรายการเดินบัญชี
นอกจากนี้ยังเคยถูกจับในข้อหาลักษณะเดียวกัน ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 5 ปี 4 เดือน ก่อนขอยื่นประกันตัวในระหว่างศาลอุทธรณ์ โดยระหว่างการประกันตัวได้กลับมาก่อเหตุอีก ซึ่งในห้วงเวลา 1 ปี พบมีผู้ว่าจ้างทำสเตทเม้นปลอมจากกลุ่มผู้ต้องหา กว่า 1,000 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างๆ ที่ปล่อยกู้ให้กับกลุ่มคนที่ว่าจ้างทำสเตตเมนต์ปลอม ได้รับเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับ การกระทำดังกล่าว ส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทย รวมถึงประชาชนคนไทยรายอื่นๆ ที่ประสงค์ยื่นเอกสารขอทำวีซ่าจากสถานทูตประเทศต่างๆ เนื่องจากมีการใช้เอกสารปลอมสำหรับยื่นขอไปทำงานหรือศึกษาต่อต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ขอประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนว่าการทำเอกสารปลอมเพื่อนำไป ยื่นกับสถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากจะไม่ได้รับเงินกู้หรือวีซ่าตามที่ขอแล้ว ยังต้องถูกดำเนินคดี ทั้งยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมต่างๆจากสถาบันการเงิน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจเสียหาย และส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตามขบวนการนี้ยังมีผู้ที่หลบหนีการจับกุมอีกสองราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป