“ผบ.ตร.” สั่ง “บิ๊กอ้อ” จัดทัพ กองปราบ ลงพื้นที่ร่วมสางคดี ยิงดับ สจ.โต้ง ใครเอี่ยวฟันหมด ไม่มีเอนเอียง ยึดหลักฐานเป็นหลัก เชื่อขัดแย้งการเมืองชนวนเหตุสั่งตาย พร้อมประกาศสงครามล้างบางอิทธิพลเถื่อนทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ธ.ค.67 ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี ว่า
นายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี ถูกยิงด้วยปืน 9 มม. ยี่ห้อคานิค 1 กระบอก และปืนลูกซอง 1 กระบอก เสียชีวิตภายในบ้านพักที่อำเภอเมืองจังหวัดปราจีนบุรี พบว่ามีบุคคลในที่เกิดเหตุทั้งหมดรวม 7 คน
หลังจากที่ได้รับรายงานเหตุทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นอดีต สจ. ปราจีนบุรี มีข้อมูลที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของจ.ปราจีนบุรีหลายคดี และเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานเกิดขึ้นภายในบ้านนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ขณะนี้ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่อยู่และมีลูกน้องที่ก่อเหตุอยู่ในนั้น
ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายต่อกฎหมายบ้านเมือง และกระทำโดยอุกอาจ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำทีมตำรวจกองปราบ รวมทั้งตำรวจในสังกัด บช.ก. ลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนในคดีนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในทุกมิติ
ทั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้ดำเนินการเกือบครบถ้วนแล้วตั้งแต่หลังเกิดเหตุ อีกทั้งยังได้จับกุมผู้กระทำผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างน้อย 7 ราย ที่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุได้ด้วยในทุกข้อหาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
รวมทั้งกำชับให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่มีประวัติและเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเมื่อคืน ในส่วนภาพรวมของคดีทราบว่าคืบหน้าไปมากพอสมควร
ยืนยันไม่ว่าจะเป็นใครที่เกี่ยวข้อง ตำรวจจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้มีกลุ่มคนพวกนี้หลงเหลืออยู่ในสังคมไทยอีกต่อไป ไม่ว่าจะพื้นที่ไหนก็ตาม จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเด็ดขาด”
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ก่อเหตุ ตอนนี้สื่อมวลชนน่าจะทราบอยู่แล้วว่า มีการจับกุมได้แล้วทั้งหมด 7 คนประกอบด้วย นายก อบจ. และ ลูกน้อง ส่วนสาเหตุเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับเมืองท้องถิ่น แต่ทั้งนี้เพื่อความรอบคอบต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน
ส่วนข้อหาหลักๆตอนนี้จะเป็นเรื่อง อาวุธปืน และ ร่วมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนใครเป็นผู้ลงมือยิงคนตายนั้น รอผลตรวจคราบเขม่าดินปืน และ พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้แน่ขัดก่อน จึงจะสามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือ
เมื่อถามว่ามีผู้บงการสั่งตายหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน จะเร่งพิสูจน์ทราบให้ได้โดยเร็ว ขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานก่อน แต่เบื้องต้นจะยื่นคัดค้านประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ทั้งนี้เมื่อดูจากข้อมูลที่ได้รับ เชื่อว่าเป็นการยิงจากฝ่ายเดียว และยังไม่พบอาวุธปืนสงครามในที่เกิดเหตุ พบเพียงปืนลูกซองกับปืนพกเท่านั้น
ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงการโต้เถียงกันของผู้ตายกับตัวนายก อบจ. ก่อนเกิดเหตุว่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนี้ในส่วนที่นายสุนทรกล่าวอ้างว่าขณะเกิดเหตุได้นอนพักอยู่ในห้องและไม่ทราบเรื่องนั้น เป็นสิทธิ์ที่อยากอ้างอะไรก็อ้างได้ แต่เจ้าหน้าที่จะใช้พยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นเป็นหลักเท่านั้น
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหากได้รับการประกันตัวชั่วคราว
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ดี ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ต้องหวาดกลัวหรือหวาดระแวงความปลอดภัย แต่ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ตำรวจจะเดินหน้าเก็บรวบรวมข้อมูลระดมกำลังกวาดล้างปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ ให้หมดไป ไม่ว่าจะพื้นที่ไหน เพื่อทำให้สังคมสงบสุข
ฝากเตือนผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจ มีบารมี จะทำอย่างไรก็ได้นั้น อยากบอกว่าท่านคิดผิด และ ขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านั้นเสีย เพราะหลังจากนี้ตำรวจจะเร่งกวาดล้างให้หมดไป
