รอง ผบ.ตร.เชิญชวน ผู้จบเนติบัณฑิต มาสอบบรรจุเป็นพนักงานสอบสวน…………
ทำไม คนจบเนติบัณฑิต มีจำนวนหลักหมื่น
ตำรวจเปิดรับสมัครสอบ เป็น พนักงานสอบสวน จำนวน 250 ตำแหน่ง
แต่ มาสมัครสอบ เป็น พงส. แค่ 370 คน
ยังมีเวลาเหลืออีกนะครับ รับสมัครจนถึง วันที่ 22มิ.ย.61
ถามว่า ตำรวจเปิดรับ พงส.วุฒิเนติฯ ทำให้มีความเชี่ยวชาญในข้อกฎหมายมากขึ้น ดีหรือไม่
ตอบว่า ดีครับ ยิ่งได้วุฒิ ปริญญาโท ปริญญาเอก ด้านนิติศาสตร์ ยิ่งทำให้มีความแม่นยำในข้อกฎหมายมากขึ้น
……..แต่ถามว่า บุคคลเหล่านั้น เขาอยากมาเป็นพนักงานสอบสวนหรือไม่………….
สตช.เคยรับวุฒิเนติฯ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน จำนวน 460 คน
ผ่านมา 5 ปี ไปอบรมหลักสูตร พงส.ผนก. พร้อมกับผมเหลือประมาณ 200 คน
ปัจจุบัน ผ่านมา 10 ปี สตช. ได้สำรวจหรือไม่..
เหลือ พนักงานสอบสวน วุฒิเนติฯ พันธุ์อึดทั้งหมด กี่คน
เหลือที่ทำงานเข้าเวรเป็น พงส.จริงๆ ถึง 100 คน หรือไม่
ที่ไม่เปลี่ยนสายงาน ไม่โอนไปอยู่ ปปท. ปปช. ดีเอสไอ ไม่ได้สอบได้เป็นอัยการ เป็นผู้พิพากษา
…… ทำไม คนจบเนติฯ ถึงไม่อยากมาเป็นพนักงานสอบสวน …
…… บางคน เขาคงรู้แล้วว่า พนักงานสอบสวนอยู่ท่ามกลางความกดดัน ทั้งชาวบ้านและผู้บังคับบัญชา หากพลาดขึ้นมา โดยทัณฑ์ทางวินัย ก็หมดอนาคตที่จะไปสอบเป็นผู้พิพากษา อัยการ ….
…….. บางคนจึงเลือกที่จะเป็น พงส. เพียงแค่ 2 ปี เก็บอายุงาน ก็ลาออกเพื่อเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบไปเป็น อัยการ ผู้พิพากษา
…….. บางคน ก็เลือกที่จะสอบ สายนิติกร ที่ไม่ต้องมาวุ่นวายกับชาวบ้าน ไม่ต้องเสี่ยงถูกตั้งกรรมการ
งานสอบสวน ไม่ใช่ อ่านวิเคราะห์สำนวนคดี แบบอัยการ
งานสอบสวน ไม่ใช่ นั่งฟัง พยานหลักฐาน แล้ววิเคราะห์ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน แบบผู้พิพากษา
แต่งานสอบสวน คือ งานรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่ ใช้แค่ความรู้ทางกฎหมายอย่างเดียว
ต้องรู้จักประสานงาน ทั้งตำรวจด้วยกันฝ่ายป้องกันฯ ฝ่ายสืบฯ ฝ่ายจราจร , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่อัยการ เจ้าหน้าที่ศาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่คุมประพฤติ เจ้าหน้าที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่กำนัน ฯลฯ
คนที่เป็นเนติบัณฑิต ชอบสันโดษ ที่เป็นหนอนหนังสือ อ่านหนังสือ ไม่เข้าสังคม ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ จะเป็นพนักงานสอบสวนลำบาก
เป็นพนักงานสอบสวนต้องอยู่ท่ามกลาง ความขัดแย้ง ทั้งชาวบ้านด้วยกันเอง หรือ ชาวบ้านกับตำรวจ
ท่ามกลางคนที่เกลียดตำรวจ ทะเลาะกับ จราจรตั้งด่าน มาลงที่ พงส.
ในสายตาของผม คนที่เหมาะเป็นพนักงานสอบสวน คือ
“ตำรวจชั้นประทวน ที่จบนิติศาสตร์”
เพราะตำรวจชั้นประทวนเหล่านี้ คลุกคลีกับชาวบ้าน ผ่านสมรภูมิอารมณ์ที่ถูกชาวบ้านด่า โดยไม่ฟังเหตุผลมาเยอะ ถูกเจ้านายด่า กดดันมาเยอะ จึงมีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง
ตำรวจชั้นประทวนเหล่านี้ ที่จบนิติศาสตร์ มีจำนวน หลายหมื่นคน
…ทำไม สตช. ไม่ให้ความสำคัญ กับ บุคลากรในองค์กร…..
ถ้า รับสมัคร ชั้นประทวนเหล่านี้
แล้วไปอบรมหลักสูตร พงส. อีก 8 เดือน
มี ปรมาจารย์ด้านกฎหมาย สาขาต่างๆ มาสอน เช่น ตอนผมอบรม มี ศ.ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ มาสอนกฎหมายอาญา
มี ผู้พิพากษา อัยการ เก่ง ๆ มาสอน
มี พนักงานสอบสวน มือสอบสวนจริง ๆ มาสอน เช่น คดียุ่งยากซับซ้อน ใช้เทคโนโลยี ให้ พงส.จากกองปราบ คดีทั่วไป ให้ พงส. มือดี จากภูธร
ผมเชื่อว่า ความรู้ทางด้านกฎหมาย ของผู้ที่ได้รับการอบรม จะมีความเชี่ยวชาญ ไม่น้อยกว่า ผู้จบเนติฯ บางคน
บางคนที่จบเนติฯ บอกผมว่า เรียนจบเนติฯ แต่ไม่ได้อ่านหนังสือคำบรรยายเนติฯ เลย อ่านแต่ชีทติวข้อสอบเนติฯ บังเอิญตรงกับข้อสอบ เลยสอบผ่าน อย่ามาถามหลักกฎหมายมาก5555………..
และผมเชื่อว่า พนักงานสอบสวน ที่มาจากชั้นประทวนเหล่านี้แหละ ที่ภักดีกับองค์กร อยู่เป็นพนักงานสอบสวนของตำรวจ ได้นาน ไม่เห็นงานตำรวจเป็นแค่ทางผ่าน เก็บอายุงาน 2 ปี เพื่อสอบผู้พิพากษา อัยการ
เพราะ ชั้นประทวนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ คือ พวกไม่มีเส้นสาย ย้ายเปลี่ยนสายได้ ยาก
หลายคนจึงตั้งใจ อยู่งานสอบสวน และเรียนรู้งาน เรียนเพิ่มเติม เนติบัณฑิต เรียนปริญญาโทนิติศาสตร์เพิ่ม
ส่วน สาย นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ที่จบมา ส่วนใหญ่ อยู่งานสอบสวนประมาณ 2-3 ปี ก็เปลี่ยนสายงาน
อย่าง หัวหน้างานสอบสวนของผม เป็น รอง ผกก.(สอบสวน) ก็เป็น นรต.รุ่น 53 ตั้งใจอยู่งานสอบสวน เรียนเพิ่มจบ เนติฯ เป็น พงส.มาตลอด 18ปี บอกว่า นรต.รุ่น 53 ทั้งรุ่นมีประมาณ 200 คน ที่ยังเป็น พงส.อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ทั้งประเทศ มี ไม่เกิน 10คน
อยากจะฝากถึงผู้บังคับบัญชา
ช่วยเปิดรับสมัคร ชั้นประทวน ที่มีวุฒิปริญญาตรี นิติศาสตร์ มาสอบบรรจุเป็นพนักงานสอบสวนด้วยเถิด……
ทุกวันนี้ พนักงานสอบสวนที่เหลืออยู่ทั้งประเทศ 8 พันกว่าคน คือ นายร้อยตำรวจอบรม ที่มาจากชั้นประทวนแทบทั้งนั้น ช่วยกันแชร์ความจริงให้โลกรู้ด้วยครับ
ยังมีเพชรที่เป็นชั้นประทวนรอโอกาสจาก สตช.ให้โอกาส มาเป็น พนักงานสอบสวนอีกไม่น้อย ครับ
