Friday, August 22, 2025
More
    Homeข่าวทั่วไปพปชร.ค้านรัฐให้ปชช.ยื่นแบบภาษีเงินได้แม้รายรับต่ำกว่าเกณฑ์

    พปชร.ค้านรัฐให้ปชช.ยื่นแบบภาษีเงินได้แม้รายรับต่ำกว่าเกณฑ์

    พปชร.ค้านนโยบายรัฐบาลที่จะบังคับประชาชนแม้รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ให้จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ตั้งแต่ปี 2570 เพราะเป็นอันตรายต่อชาวบ้านและได้ไม่คุ้มเสีย

    วันที่ 20 ส.ค. 2568 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พปชร. อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมจะกำหนดให้ประชาชนทุกคนจะต้องยื่นแบบภาษี รวมถึงผู้ที่อยากรับสวัสดิการของรัฐด้วย แม้รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะต้องยื่นแบบภาษี จะใช้ตั้งแต่ปี 2570 โดยอ้างเป็นการปูทางใช้ “Negative Income Tax” (NIT) เพื่อประชาชนที่รายได้ต่ำเกณฑ์จะได้รับสวัสดิการ เพราะนายธีระชัยเห็นว่าจะสร้างภาระและความเสี่ยงแก่ชาวบ้าน และผลได้ไม่คุ้มผลเสีย

    นายธีระชัยกล่าวว่า พปชร. สนับสนุนให้มีการดูแลช่วยเหลือผูัมีรายได้น้อย แต่ในบริบทระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย การนำเอาระบบนี้มาใช้จะสร้างหลายปัญหา โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้

    (1) ไม่มีประเทศใดบังคับประชาชนทุกคน

    ในเพจโซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทยอ้างว่า “มีหลายประเทศที่ประยุกต์ใช้ NIT ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวม 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร อิสราเอล ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สวีเดน แคนาดา และสิงคโปร์” แต่ในข้อเท็จจริง จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีประเทศใดในโลกที่นำเอานโยบาย “Negative Income Tax” (NIT) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ

    โดยประเทศที่ระบุชื่อไม่ได้บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี ผู้ที่ยื่นคือผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ และกรณีสหราชอาณาจักรและสิงคโปร์ก็เป็นนโยบายเพื่อช่วยเหลือเพิ่มค่าจ้างให้แก่เฉพาะผู้ที่ได้ค่าแรงต่ำ มิใช่โครงการ NIT แบบทั่วไป นอกจากนี้ล้วนเป็นประเทศที่มีฐานะดีพอจะทำโครงการแบบนี้ได้

    (2) เกิดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน

    ประชากรที่รายได้เข้าเกณฑ์ที่ยื่นแบบภาษีมีเพียงประมาณ 10 ล้านคน หรือร้อยละ 15 ของประชากรไทยทั้งหมด ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่เคยกรอกแบบภาษีมาก่อน ไม่มีความรู้ความเข้าใจที่จะทำเอง จะต้องหาผู้เชี่ยวชาญซึ่งก่อภาระค่าใช้จ่ายและการเสียเวลา

    (3) เกิดความเสี่ยงแก่ประชาชน

    ในทางกฎหมาย ถ้ารายได้บางก้อนหลุดหลงไป หรือมีการกรอกข้อมูลพลาดเพราะเข้าใจผิดเนื้อความในประมวลรัษฎากร ชาวบ้านจะเข้าข่ายมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา

    (4) ผู้ไม่ยื่นแบบอาจจะมีความผิด

    เนื่องจากปัจจุบันมีคนยื่นแบบเพียงประมาณ 6 ล้านคน แต่ตามนโยบายใหม่นี้ จะมีคนเข้าข่ายยื่นแบบเพิ่มขึ้นหลายสิบล้านคน โดยชาวบ้านที่ไม่ยื่นแบบภาษีก็อาจจะเข้าข่ายมีความผิด จะทำให้กรมสรรพากรมีภาระต้องตรวจสอบติดตามลงโทษ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการที่ไม่คุ้มค่า

    (5) เป็นรัฐสวัสดิการแบบเหวี่ยงแห

    ระบบรัฐสวัสดิการปัจจุบันเน้นโครงการเป็นส่วนรวม เช่น ระบบรักษาพยาบาล ระบบการศึกษา โดยช่วยเหลือเป็นรายบุคคลเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ตกงาน เป็นต้น ส่วนในหลักการ “Negative Income Tax” นั้น

    รัฐบาลจะให้เงินสวัสดิการแก่ประชาชนที่รายได้ต่ำเกณฑ์ จึงเป็นการเหวี่ยงแหไม่จำกัดขอบเขต และไม่แยกแยะว่าบุคคลที่รายได้ต่ำเกณฑ์นั้น เกิดจากขาดแรงกระตุ้นตนเองที่จะแสวงหางานทำหรือไม่

    (6) ก่อภาระแก่งบประมาณตลอดไป

    ระบบช่วยเหลือที่ พปชร. เคยออกแบบไว้เดิม เช่น “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” “คนละครึ่ง” หรือ “เราเที่ยวด้วยกัน” ก่อภาระแก่รัฐเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น โดยพิจารณาทบทวนให้สอดคล้องกับรายได้งบประมาณแต่ละปีได้ แต่เมื่อเริ่มต้นระบบ NIT แล้ว ก็จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายต่อเนื่องทุกรัฐบาลไปในอนาคต

    (7) เกิดค่าใช้จ่ายสูงแก่ภาครัฐ

    การทำฐานข้อมูลขนาดยักษ์ (Data Lake) ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่าขณะนี้มีข้อมูลครอบคลุมกว่า 60.8 ล้านคน และ 6 แสนกิจการ นั้น ก่อความเสี่ยงเรื่องการล้วงฐานข้อมูลที่มีลักษณะรายได้ละเอียดแยกประเภท เอาไปใช้เพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ หรือเพื่อหาเสียงเลือกตั้งแบบเฉพาะเจาะจง รวมทั้งวงเงินการลงทุนและบำรุงรักษาระบบจะสูง และไม่คุ้มค่า

    (8) เป็นการลงทุนซ้ำซ้อนกับเอกชน

    ในแถลงข่าวกระทรวงการคลังระบุว่าวัตถุประสงค์หนึ่งคือเพื่อจะนำไปสู่การพัฒนาระบบเครดิตสกอริ่งของประชาชน แต่จะเป็นการลงทุนซ้ำซ้อนกับระบบเครดิตสกอริ่งของเครดิตบูโรที่มีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่กระทรวงการคลังจะต้องลงทุนแข่งกับเอกชนโดยใช้งบประมาณของรัฐ

    “กล่าวโดยสรุป เมื่อเข้าไปดูภาคปฏิบัติจะพบว่าโครงการนี้จะก่อปัญหามากมาย และผลที่ได้จะไม่คุ้มต่อการลงทุน จึงขอแนะนำให้รัฐบาลทบทวน” นายธีระชัยกล่าว

    ….

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments