ข่าวตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี จับกุมแก๊งยาเสพติดรายใหญ่ ใช้รถตู้กู้ภัยขนยาบ้า2.4ล้านเม็ดอำพรางเป็นข่าวดังเมื่อต้นเดือนมิ.ย.65
1ในคีย์แมนสำคัญในการจับกุมครั้งนี้คือ ผกก.โอ-พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี
“คือมีน้อง 57 รองปอ –พ.ต.ท.พุฒิพงศ์ อินธาระ รอง ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี เขามีความสามารถเรื่องวิเคราะห์ข้อมูล เริ่มจากขยายผลจับผู้ต้องหาขนกัญชา 1 ตัน แล้วเรามาสืบสวน วิเคราะห์ข้อมูลจนเห็นขบวนการลำเลียง เห็นเขาไปรับยาที่ปากชม จ.เลย เราตามสะกดรอยไป ในช่วงที่เขาเลาะไปชายแดน น่าเชื่อว่าไปรับยาเสพติด
เราไปซุ่มดู เชื่อว่าเขามียา แต่เราเข้าใกล้ไม่ได้ เพราะตรงนั้นเปลี่ยว แล้วไม่รู้ว่ามีอาวุธสงคราม มีอะไรที่ร้ายแรงหรือไม่ เราก็เซฟตี้ในส่วนที่เราต้องไปในพื้นที่แปลก….”
ผู้กำกับโอเริ่มเล่าเบื้องหลัง
สะกดรอยวางแผนดักจับ
เราก็มาดักรอตามชายถนน เห็นรถเขาผ่าน ดูลักษณะ พบรถแอมบูแลนซ์ มันมีน้ำหนัก เวลาเข้าโค้งทีมันโยก เชื่อว่า เขาน่าจะขนยาเสพติด ระหว่างนั้นเราก็สะกดรอยแจ้งให้ท่านผู้การ(พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี) ทราบ วางแผนจับกุมตรงแยกไฟแดง ใช้ชุดปฏิบัติการพิเศษคชสาร ชุดพื้นที่ สภ.เมือง ชุดเฉลิมพระเกียรติ ชุดแก่งคอย ชุดสืบจังหวัด วางกำลังดัก แน่ใจแล้วว่า รถแอมบูแลนซ์
ส่วนรถนำดูต้นทาง เราดูพฤติกรรมรถที่เราสะกดรอย พบรถนำอยู่คันหนึ่ง เป็นรถกระบะตู้ทึบ มอบหมายให้ รองฯ ปอ รับผิดชอบปิดล้อม สกัดจับดำเนินการตามแผน
เจออุปสรรครถตู้โมเครื่อง
อุปสรรคเกิดขึ้นตรงที่รถเขาโมเครื่อง มีความแรง สองเขาใช้ไซเรน แตร เปิดทางแหวกไปได้ เขามีช่องดิ้นได้ ก็เลยหนี ถ้าเขาไม่ใช้มือขับรถซิ่ง เขาไม่น่าจะตัดสินใจกระโดดข้ามเกาะ แล้วย้อนศรไปตามในคลิป
คนขับเป็นมือแข่งรถคลอง5
เขาเป็นมือแข่งรถ ที่คลอง 5 แล้วรถแอมบูแลนซ์คันนี้ เข้าสนามได้ที่ 1 พอเขาเปิดไซเรนขอทาง มีช่องที่เขาดิ้นได้ เขาตัดสินใจขับกระโจนข้ามเกาะกลางถนนให้มันพ้น พอพ้นเสร็จก็เปิดไฟวิ่งสวนเข้าเลนข้างหน้า ทำให้เขาหนีได้
อีกอย่าง เขาเปิดแอมบูแลนซ์ ประชาชนทั่วไปก็หลบ เพราะสังคมปกติถ้าไม่หลบรถฉุกเฉินก็จะถูกประณาม ต้องหลบให้
ใช้ยางดีเหยียบเกือบ200
พอรถตำรวจตามไป ประชาชนบางคนเขาไม่หลบ ทำให้เราไล่ติดตามยาก ในส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชา ก็มียิงยางรถยนต์ ซึ่งยางรถคนร้ายตอนวิ่งมันไม่เป็นไร แต่ตอนมันจอด ลมมันแฟบ ไปติดหล่ม ตอนที่เขาทิ้งรถที่ซอย ที่มีนบุรี ซอย 44 สุวินทวงศ์ ตอนนั้นหลุดแล้ว แต่เขายังวิ่งได้
ยางพวกนี้ ถ้าเติมไฮโดรเจน ถ้าล้อยังหมุนอยู่มันไม่เป็นไร แต่ถ้าจอดปุ๊บ ลมมันจะเริ่มทยอยออก เขาใช้ยางดี เกรดดี เหยียบเกือบ 200 รถเขามีความเร็วสูง รถเขาประเดิมในสนาม
รถตู้รถนำเพื่อนกันสมัยเรียน
เราพยายามไล่ติดตาม เพราะเขายังติดต่อกับรถนำอยู่ ตอนนั้นจับรถนำได้แล้ว เลยออกอุบาย เหมือนกับเขาจะไม่เอาของแล้ว แต่ให้รถนำโอนตังค์ให้เขา แล้วเขาจะเอาของทิ้งไว้ ให้รถนำมาเก็บเอาเอง สองคนรู้จักกัน คนชื่อโจ้ ที่ขับรถนำ เป็นเพื่อนสมัยเรียนกับไอ้ดีโด้ ที่ขับรถแอมบูแลนซ์ เขาบอกว่า จะเอาของซ่อนไว้ ให้ไปเอาเอง
รับหาเงินไปหมั้นสาว
สุดท้ายก็ตามไปจนเจอขอกลางและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่เหลือได้หมด เขาบอกว่า ทำครั้งนี้ครั้งที่ 2 ครั้งแรกขึ้นไปที่อุบลฯ ที่เขมราฐ แต่ครั้งนั้น ไม่ได้งาน ที่เขาทำ เพราะต้องการเงินไปจ่ายค่าหมั้น สินสอดแฟน จะได้ประมาณ 1.5 แสน หรือแสนหนึ่งเป็นค่าจ้าง
ผลงานจับกุมการันตีฝีมือ
ก่อนหน้านี้ ช่วงอยู่ภาค 3 ร่วมสืบสวนจับคนร้ายรายสำคัญ นำมาสู่การวิสามัญ บังเอก-นายเสกสรร จันทรา พ่อค้ายาบ้า ยาไอซ์ รายใหญ่ และคดีอาวุธปืนสงคราม (อาก้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับตำรวจภูธรภาค 1 ภ.จว.สระบุรี และหมายจับตำรวจภูธรภาค 3 ภ.จว.นครราชสีมา 3 หมายจับ หลังสืบทราบกบดานอยู่ในพื้นที่บ้านซับสุวรรณ หมู่ 12 ต.ซับสนุ่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
ย้ายมาอยู่ภาค 1 พ.ต.อ.ไกรสรและทีมงานยังจับยาเสพติดบิ๊กล็อตๆได้อีกหลายราย อาทิ จับยาบ้าที่ สภ.หน้าพระลาน 3.5 ล้าน กัญชาเกือบ 1 ตัน ที่ขยายผลมา จากยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด
คุยกันเรื่องงานแล้ว ถามถึงประวัติส่วนตัวที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็น ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี ผู้กำกับโอเล่าว่า
บ้านเดิมคนอัมพวา
ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม เป็นคน ต.หัวใหม่ อ.อัมพวา พ่อแม่เป็นชาวสวน ทำงานรับจ้าง มีพี่น้อง 2 คน แม่เสีย ตั้งแต่อยู่ ม.3 แต่ด้วยความที่เรามุมานะ ช่วยเหลือตัวเอง ไม่อยากลำบาก พ่อก็เน้นเรื่องการศึกษาที่จะช่วยให้เรามีความรู้ เลี้ยงดูตัวเองได้
สอบนรจ.เลือกเหล่าตรน.
เรียนจบม.6 ที่อัมพวันวิทยาลัย ปี 2538 มาสอบจ่าทหารเรือ เพราะแถวบ้านมีแต่ทหารเรือ สอบปีแรก ไปเรียนที่สัตหีบเรียน 2 ปี เลือกพรรคนาวิน เหล่าทหารการปืน ดูแลรับผิดชอบเรื่องดูแลอาวุธปืน ถือพวงมาลัยเรือ เดินเรือ ยุทธวิธีโดยหลักของเรือ
เสร็จแล้วพอภาคสาธารณะ เดือนหนึ่งแล้ว เขาให้ขึ้นเหล่า ผมก็เลือกตำรวจน้ำ เพราะพี่เขาบอกว่า ตำรวจน้ำจะอนาคตดีกว่า เขาทำโครงการกับทหารเรือ จะฝากเรียนปีละ 30 คน จบ ปี 2540
พอดีผมได้โส 1 จบนักเรียนจ่า ผมได้อันดับ 1 เลยลงที่ บก.รน.ที่สมุทรปราการ เป็น ส.ต.ต.เขาตัดโอนมา คนที่ปกครองผม คือผู้กองราม รสหอม
พี่ๆแนะสอบนรต.ได้รุ่น56
จากนั้นมีพี่แนะนำ ว่าอายุยังไม่เกิน 25 ปี มีสิทธิสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ปีหนึ่งเขารับ 60 คน ผมสอบโรงเรียนนายร้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกผ่านข้อเขียน แต่สัมภาษณ์ไม่ได้ มาสอบครั้งที่ 2 ถึงได้ นรต.56 พอผมสอบได้เสร็จ ก็มีเพื่อนๆ ตามมาอีก 3 คน เป็นนรต.57 มีวุฒิศักดิ์ คำบ้านฝาย ชัยฤทธิ์ มีคำ คะนองฤทธิ์ ภูบัน
ชีวิตแค่อยากรับราชการ
ชีวิตไม่ได้ตั้งใจจะเป็นตำรวจมาก่อน พ่อก็อยากให้รับราชการแค่นั้น ไปสอบนักเรียนจ่าทหารเรือ ก็ไปเอง พ่อมารู้ตอนที่สอบได้ ต้องไปมอบตัว ไปสอบโรงเรียนนายร้อย ก็ไม่ได้บอกพ่อ
พ่อมารู้อีกทีก็คือตอนสอบได้ ต้องให้ผู้ปกครองไปมอบตัว พ่อต้องไปทำสัญญา พ่อก็จะรู้ตอนนั้น ตอนนั้นพ่อแบกน้ำตาล รับซื้อน้ำตาลปี๊บตามสวน เอาไปส่งล้งอีกที น้องอีกคน น้องสาวขายของ
เส้นทางสีกากีเริ่มที่เมืองมุก
พ้นรั้วสามพราน ปี 2546 บรรจุเป็นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร อยู่ 3 ปี 6 เดือน ย้ายมา จ.นครราชสีมา เป็น รอง สว.สืบสวน สภ.สีคิ้ว
แต่ตอนอยู่ที่มุกดาหาร มีความรู้สึกว่า เวลาเขาบันทึกสอบสวน บันทึกจับกุม หรือทำพยานหลักฐานต่างๆ มองว่ามันไม่ค่อยมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง เราเป็นสอบสวนแล้วดูเหมือนมันไม่สมบูรณ์แบบ
เตรียมปลาสดให้ร้อยเวรขอหมาย
เลยมีความคิดว่า ถ้าได้มีโอกาสมาอยู่สืบสวน จะพยายามเอาพยานหลักฐานด้านการสอบสวนที่มีกระบวนการและความสำคัญในชั้นไหนที่แสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้นว่าให้ร้อยเวร ต้องไปแสวงหา
เหมือนเราเตรียมพร้อมให้ร้อยเวร แล้วให้ร้อยเวร เอาพยานหลักฐานเราไปขออำนาจศาล แล้วการลงโทษผู้ต้องหามันปราศจากข้อสงสัย
ให้หาเองจะเป็นปลาแห้ง
ผมจะเน้นทำรายงานการสืบสวนประกอบให้ร้อยเวรทุกครั้งในการทำคดี เหมือนกับว่าสืบจะเผชิญกับพยานหลักฐานทั้งหมด แต่ส่วนมากสืบจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับพยานหลักฐาน คือจะจับแล้วก็ส่ง ที่เหลือให้ร้อยเวรแสวงหาเอง มันกลายเป็นปลาแห้ง ไม่ใช่ปลาสด
พอมันเป็นปลาแห้ง มีทนาย มีโน่นนี่ต่างๆ ผู้ต้องหาก็ปฏิเสธทุกอย่าง ไม่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าอยู่ในชั้นสืบสวน ผู้ต้องหาบางครั้งเขายังไม่ได้ฟังทนายเท่าไหร่ เขายังให้ความเป็นจริงมากกว่า เราก็เลยทำ
ได้พงส.ดีเด่นเพราะพี่ให้วิชา
ตอนอยู่มุกดาหาร ผู้บังคับบัญชาก็ให้โอกาส ก็อยากเรียนรู้กับพี่เลี้ยง ตอนเป็น ผกก.คือ พี่สุริยัน จินดาวรรณ จะมีพี่ พร้อมพันธ์ อุตมะ รุ่น 35 ตอนนี้เกษียณแล้ว แกจะให้ความรู้เรื่องการสอบสวน ให้ผมไปอยู่ในชุดขยายผลเรื่องยาเสพติด เรื่องยึดทรัพย์ เรื่องต่างๆ ทำให้ได้วิชานี้ติดตัวมา แล้วอยู่ที่มุกดาหาร ก็ได้เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่นของจังหวัด
เข้าตานายได้ไปช่วยสืบโคราช
มาอยู่ที่สีคิ้ว ก็ได้เอาวิชาสอบสวนมาใช้ จับเอง ขยายผลเอง ตอนนั้นเป็นรองฯสืบ อยู่กับท่านสารวัตรสุรัตน์ หงส์ชู ตอนนั้นผมเป็น รอง สว. ทำแล้วขยายผลจนครบขออนุมัติเรียบร้อย แล้วให้ร้อยเวรออกหมายจับ รวบรวมพยานหลักฐานจนครบ ท่านพงษ์เดช พรหมมิจิตร รุ่น 37 รองผบก.ภ.จว.นครราชสีมา คุมงานสืบสวน รับผิดชอบงานยาเสพติดด้วย เลยเอาผมไปช่วยสืบจังหวัด
ด้วยความที่มาจากภาค 4 แล้วมาอยู่ภาค 3 ยังไม่ค่อยมีผู้บังคับบัญชา แล้วเราอยากเรียนรู้พื้นที่ ถ้าอยู่โรงพักมันก็ไม่กว้าง อยากได้ประสบการณ์ทำงานด้วย เลยตัดสินใจไป
เป็นหัวหน้าชุดปราบยานรก
จังหวะโชคดี ได้พบมือสืบเบอร์ต้นๆ คือ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ฉิมวงศ์ รุ่น 44 ปัจจุบันเป็นรองผู้การอยู่ที่สุรินทร์ ให้ความรู้ด้านสืบสวนหลายๆอย่าง พอปี 2556 เป็น สว.ป.ห้วยแถลง แต่ผู้บังคับบัญชา เอามาช่วยสืบจังหวัด ให้มาเป็นหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา ช่วยงานท่านรองผู้การพงศ์เดช เรื่องคดีอุกฉกรรจ์ด้วย
รุ่นพี่ดันเป็นตัวจริง
หลังจากนั้น พี่น้ำ รุ่น 37 พ.ต.อ.ชลาสิน ชลาลัย ตอนนี้เป็นรองผบก.สส.ภาค 3 เป็น ผกก.สืบสวน ช่วยผมมาลงเป็น สว.สืบ จ.นครราชสีมา ได้ลงเป็นตัวจริง แล้วก็ทำงานอยู่ จ.นครราชสีมา 6 ปีได้
ร่วมงานกับยอดฝีมือ
จากนั้นถูกย้ายมาเป็น สว.กองสืบภาค 3 อยู่ กก.1 มาเจอ ผกก. พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รุ่น 48 แล้ว ท่านผู้การสระบุรี พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ สมัยนั้นท่านเป็นรองผู้การสืบสวน ที่ภาค 3 เลยได้รู้จักท่าน ผมก็ทำงานขยายผลเรื่องยา เรื่องอะไรด้วย
นายเมตตาขึ้นรองผกก.
จนสมัยท่าน ผบช.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.สมัยที่เป็น รอง ผบช.ภ.3 พี่เขาช่วยให้ได้ความเมตตาจากผู้บังคับบัญชา ขึ้นเป็น รอง ผกก.สส.2บก.สส.บช.ภ. 3 น่าจะประมาณปี 2560-2561 อยู่กับ ผกก.สุนทร หิมารัตน์ รุ่น 37
แกเป็นพี่ที่ดีมาก ดูแลน้อง มีผมเป็น รอง ผกก.แล้วก็เพื่อนผมอีกคน แกจะเรียกผมว่า หวังเฉา หม่าฮั่น แกดูแลน้องดี ไม่หยุมหยิม นักสืบโดยแท้
ผู้การหน่องชวนมาช่วยสระบุรี
จนปี 2564 ท่านชยานนท์ได้ขึ้นเป็นผู้การ จ.สระบุรี ก็ชวนผมให้มาช่วยเลยตัดสินใจข้ามจากภาค 3 มาภาค 1 มาเป็น รอง ผกก.สส.สภ.แก่งคอย มาอยู่กับพี่สุรเชษฐ์ แสวงศิริ รุ่น 40 ก็ตั้งใจทำงาน เอาวิชาเรื่องยาเสพติด ทำให้ สภ.แก่งคอย จับได้หลายคดี
จับรายสำคัญที่โรงพักไม่เคยทำ จับได้ 60,000 กว่าเม็ด ยึดทรัพย์ได้ 5 ล้านกว่า กระทั่งขึ้น ผกก.ปีที่ผ่านมา ปี 2564 คำสั่งที่แล้ว ก็ได้ความเมตตาจากผู้การ
จากนักเรียนจ่าทหารเรือ เหล่าตำรวจน้ำ สอบเข้ารั้วสามพรานกลายมาเป็นมือปราบยาเสพติดระดับกองสืบจังหวัด ระดับกองสืบภาค ถือว่าไม่ธรรมดา
ทั้งหมดนี้คือเส้นทางสีกากี ผกก.โอ-พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร
กากีกลาย26/6/65