ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ ดังนี้
1. ตม.จว.สมุทรปราการ บูรณาการร่วมฯ จับกุมหนุ่มเมียนมาฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ รวบตัวได้ทันก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ
ตม.จว.สมุทรปราการ ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง จับกุมนายอ่อง ลี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ชาวเมียนมา โดยกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นาตัวส่งสภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดี จับกุมได้ริมถนนสาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ หลังใช้มีดแทงนายมิน ทู เสียชีวิตหน้าที่พักคนงานก่อสร้าง อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา
2. ตม.จว.ชลบุรี จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดาน พัทยา OVER STAY เกือบปี
ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ว่ามีชาวเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับ ยาเสพติดเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้สืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน (นามสมมติ) อายุ 40 ปี โดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ส้ินสุดแล้ว (OVERSTAY) พ.ต.อ.คธาธร คาเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพะยอม รอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.สุเมธ เจนวงศ์พิทักษ์ ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการพ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ได้วางแผนสืบสวนจับกุมได้ที่ร้านอาหารเกาหลีในพื้นที่ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี
นายจินให้การยอมรับว่า เป็นรองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด ทาหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศ ไทยเพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกายทำมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง
ผู้ต้องหาที่ถูกจับทั้ง4คดีซัดทอดว่านายจินเป็นผู้บงการลักลอบขนยาเสพติด ตม.จว.ชลบุรีจะ ได้ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป สาหรับมูลค่ายาเสพติดหากนำเข้าไปจำหน่ายใน ประเทศเกาหลีใต้ได้จะมมีูลค่าสูงขึ้นมากโดยยาไอซจ์ะมีราคาจำหน่ายกิโลกรัมละประมาณ13ล้านบาทส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท
3. ตม.จว.ชลบุรี รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY
ตม.จว.ชลบุรี จับกุมนาย A (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาวรัสเซีย พร้อมเงินสกุลยูโรปลอม ฉบับ 500 ยูโร 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร 80 ฉบับจับกุมโรงแรมในย่านพระตำหนักซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี
กล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้ หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทาปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสาคัญสาหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทาผิด ฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และ มีไว้เพื่อนาออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตน ได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 นาตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดาเนินคดีตามกฎหมาย
ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานตู้รับแลกเงินว่า มีคนนำธนบัตรยูโรปลอมฉบับละ 500 ยูโร 1 ฉบับ มาแลกที่ร้านรับแลกเงินของตน จึงรีบไปตรวจสอบ พบชายไทยนำเงินสกุลยูโร ฉบับละ 500 ยูโร 1 ฉบับ มาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท
เมื่อพนักงานผู้รับแลกเงินได้ตรวจสอบธนบัตร โดยใช้ปากกาเคมีตรวจสอบพบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม ตม.จว.ชลบุรี จึงสืบสวนติดตามตัวจนพบชายไทย ที่นาธนบัตรยูโรปลอมมาแลก
สอบถามได้ให้การว่าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง มีนาย A (นามสมมุติ) ชาวรัสเซีย เข้าพักที่โรงแรมมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์โดยยังไม่ได้ชำระเงินค่าที่พัก ได้นำธนบัตรยูโรฉบับ ละ 500 ยูโรฉบับดังกล่าว มาจ่ายค่าที่พักจึงได้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยนำกาลังเจ้าหน้าที่ชุด ตรวจสอบไปยังห้องพักที่นาย A พักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม
ตรวจสอบหนังสือเดินทางนาย A ปรากฏว่าการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) เจ้าหน้าที่ตารวจจึงขอตรวจสอบกระเป๋าสีดาที่อยู่ในห้องพักของนาย A พบว่ามีเงินสกุล ยูโรฉบับละ 500 ยูโร 5 ฉบับ และฉบับละ 50 ยูโร จานวน 80ใบ
นาย A ให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนและเป็นธนบัตรยูโรปลอม โดยนำติดตัวมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี มีเพื่อน ที่ตุรกีให้นำติดตัวมาใช้จ่ายที่ประเทศไทย และนำเงินสกุลดังกล่าวมาจ่ายชาระค่าที่พักกับโรงแรมเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนาย A ดาเนินคดีในข้อหาดังกล่าว