“ภัยร้ายวันสงกรานต์” เด็กสาววัย 16 ปี ถูกอดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติดล่อลวงหลอกจะพาไปเล่นน้ำวันสงกรานต์ แต่กลับถูกพาไปมอมเหล้าและล่วงละเมิดจนสลบ โชคดีที่ตื่นมารีบคว้าโทรศัพท์วิ่งหนีไปแอบในห้องน้ำและโทรศัพท์แจ้งแม่ขอความช่วยเหลือ เป็นวันสงกรานต์ที่เธอต้องจำไปตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ ,
พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล
ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมนายสมภพ หรืออาร์ม อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.268/2566 ลงวันที่ 11 ก.ค. 66 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร , พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร”จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ xx หมู่บ้านคีรีรัฐยา ต. ธงชัย อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2567 เวลาประมาณ 17.00 น.
ตรวจสอบพบประวัติการต้องโทษ 3 คดี
1) ปี 2547 พื้นที่ สน.บางขุนเทียน ถูกจับกุมในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดฯ” ขณะนั้นถูกจับกุมพร้อมของกลาง 190 เม็ด
2) ปี 2549 พื้นที่ สน.ท่าข้าม จับกุมในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดฯ” ขณะนั้นถูกจับกุมพร้อมของกลาง 120 เม็ด
3) ปี 2556 พื้นที่ สน.สุทธิสาร ถูกจับกุมในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยขณะนั้นถูกจับกุมพร้อมพวกชาวไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นขบวนการขนยาข้ามชาติผ่านชายแดนมาเลย์ ตรวจยึดของกลางเป็นยาเค 3 กิโลกรัม, ยาอี 400 เม็ด
พฤติการณ์กล่าวคือ “มันจะปล้ำหนู…..#$%#$%” เสียงปลายสายจากเด็กสาววัย 16 ปี โทรถึงแม่ ก่อนโทรศัพท์จะถูกตัดสายไป ในกลางดึกของคืนวันสงกรานต์ปี 2566 ที่ผ่านมา หลังวางสายผู้เป็นแม่ตัดสินใจไปยังหอพักทันที และเมื่อถึงหน้าหอพัก เธอได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกสาว “ออกไป! ช่วยหนูด้วย!”
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภาพที่เธอได้เห็นคือคนร้ายกำลังเอาอวัยวะเพศกระแทกประตูห้องน้ำที่ลูกสาวเข้าไปแอบอยู่ แล้วครางชื่อบุตรสาวเธออย่างโรคจิต เธอตัดสินใจผลักไอ้อาร์ม กระเด็นออกไปให้พ้นทาง ก่อนเปิดประตูห้องน้ำเห็นลูกสาวเธออยู่ในสภาพซุกขดตัวอยู่ข้างชักโครก เนื้อตัวสั่นเทากับน้ำตาที่นองหน้า ส่วนคนร้ายฉวยโอกาสหนีออกจากห้องไป
หลังปลอมประโลมลูกสาวที่กำลังร้องไห้ ยอมเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 เวลาหัวค่ำ ขณะที่ น้องบี (นามสมมติ) ลูกสาวของเธอมาอาศัยอยู่กับญาติ ที่หอพักย่านหนองแขม เพื่อจะได้มาเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์
แต่ปรากฎว่าในคืนนั้นเอง “ไอ้อาร์ม” ผู้ที่น้องบี นับถือและสนิทสนมเหมือนุชกับลุง อีกทั้งเป็นเพื่อนรักของพ่อน้องบี ได้ส่งข้อความทางเฟซบุ๊กมาชักชวนจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์ “อยากไปเล่นน้ำกับลุงไหม เดี๋ยวลุงไปรับ” ด้วยความเชื่อและไว้วางใจโดยสนิท น้องบีจึงหลงกลยอมให้ไอ้อาร์มมารับ
แต่แล้วเมื่อขับรถออกไป แทนที่จะมุ่งหน้าไปบริเวณที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ แต่ไอ้อาร์มกลับวนรถ พาน้องบีไปถึงที่หน้าบ้านย่านบางบอน อ้างว่า “ลุงขอกินเบียร์ซักพักแล้วลุงจะพาไปเล่นน้ำ” แต่แผนการชั่วได้เริ่มขึ้น เมื่อไอ้อาร์ม เริ่มมอมเหล้าน้องบี จนเมาไม่รู้สึกตัว ลงมือข่มขืนน้องบีจนเธอสลบ แม่พาน้องบี เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน แจ้งความดำเนินคดี นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับไว้
ล่าสุด เรื่องถึงหู พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทีมชุดสืบสวนพิเศษของสืบนครบาล ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ช่ำชองวิธีการหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นอย่างดี จึงสามารถหลบหนีการติดตามของชุดสืบสวนได้ทุกครั้ง
จนกระทั่งวันที่ 13 เม.ย.2567 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สืบทราบว่าคนร้ายไปกบดานอยู่ในบ้านพักในตัวเมืองเพชรบุรี จึงนำกำลังบุกไปที่บ้านหลังหลังผู้ต้องหากลับมาจากเล่นนำ้สงกรานต์ เมื่อชุดสืบสวนไปถึงคนร้ายยังไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ กระทั่งเจ้าหน้าที่ทุบกระจกประตู คนร้ายจึงให้แฟนสาวเดินมาเปิดประตูแต่โดยดี และจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในชั้นจับกุม นายสมภพฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ขณะที่อายุได้ 19 ปี เมื่อปี พ.ศ.2547 ถูกจับกุมคดีจำหน่ายยาเสพติด ยอมรับว่าเคยได้ร่วมกันกับพวกชาวไทยและชาวมาเลเซีย ที่รู้จักกันจากในคุก โดยจะไปรับยาเสพติดที่ลักลอบขนมาจากประเทศมาเลเซีย มาตระเวนขายในพื้นที่ กรุงเทพฯ หลังจากพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2563 ได้หันมาประกอบอาชีพสุจริต ตั้งแต่ขายอาหาร และพนักงานขนส่งพัสดุ เรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเมื่อวันที่เกิดเหตุ ได้ไปรับน้องผู้เสียหายมาเพื่อจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์จริง แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้ดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าบ้านพักกับญาติ ได้พาน้องไปที่บ้านเพื่อจะดื่มเหล้าต่อ เป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่าน้องผู้เสียหายดื่มจนเมาไม่ได้สติแล้ว จึงบอกให้ขึ้นไปนอนก่อนที่ห้องพักของตน ยอมรับว่าได้เข้าไปนอนในห้องเดียวกันและนอนด้วยกันจริง แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากตนเองดื่มสุราและเสพยาเค จนเมาไม่ได้สติ
ที่มากบดานอยู่ใน จ.เพชรบุรี นี้เพราะรู้ตัวว่ามีหมายจับจึงหนีมากบดานที่นี่ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆไม่ออกไปไหน รับประทานอาหารจาก 7-11 อยู่แต่ในบ้าน โดยเหตุการณ์จับกุมในวันนี้ตนเองแง้มหน้าต่างมาเห็นว่าเป็นชุดของสารวัตรแจ๊ะ ก็รู้ว่าถ้าแอบต่อไปยังไงเจ้าหน้าที่ก็พังประตูเข้ามาแน่ๆ เพราะติดตามเพจสืบนครบาลอยู่ตลอด จึงยอมให้แฟนสาวไปเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่แต่โดยดี”หลังจับกุมตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับจากพฤติการณ์ในคดีนี้ นับได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจและสะเทือนใจ
ผู้ต้องหารายนี้ใช้ความสนิทสนมกับผู้ปกครองของเหยื่อ ออกกลอุบายหลอกล่อ ใช้เทศกาลสงกรานต์เป็นข้ออ้างให้หลงเชื่อโดยสนิทใจ ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหาย มีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต ในวันข้างหน้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด
ขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ขอให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”