Wednesday, October 30, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันสืบนครบาลล็อก”สุนทรฟู่”อดีตครูดีเด่นเดินทางผิดติดพนันโพสต์ตุ๋นห้องพักทิพย์

    สืบนครบาลล็อก”สุนทรฟู่”อดีตครูดีเด่นเดินทางผิดติดพนันโพสต์ตุ๋นห้องพักทิพย์

    อุทาหรณ์ชีวิต!!… สืบนครบาลรวบสุนทรฟู่ ครูดีเด่นเกียรตินิยม อันดับ 1ดำดิ่งสู่ “มิจฉาชีพ”เจ้าหน้าที่อึ้งเจ้าตัวลั่นกลอนสดเตือนภัย 

    เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.

    พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ , ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รอง สว.ฯ และ ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผบ.หมู่ฯ ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.)

    นำกำลังจับกุมตัวนายวิวัฒน์   หรือ “ครูฟู่หรือสุนทรฟู่ อายุ 36 ปี ก่อเหตุตระเวนหลอกลวงผู้อื่นจนถูกแจ้งความดำเนินคดีมากมาย ล่าสุดถูกออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ ดังนี้

    1.หมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 742/2565 ลงวันที่ 22 พ.ย. 65 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สน.บางยี่เรือ)

    2.หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 17/2566 ลงวันที่ 10 ม.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.บางม่วง)

    3.หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 19/2566 ลงวันที่ 27 ม.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” (สภ.บ้านแพ้ว)

    4.หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ 292/2566 ลงวันที่ 30 พ.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” (สน.วังทองหลาง)

    กล่าวหาว่า ““ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

    พฤติการณ์กล่าวคือ สุนทรฟู่หรือ “ครูฟู่” อดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ผู้มากความสามารถจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และในการรับราชการสุดรุ่งถึงขั้นได้รับรางวัล “ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2560

    ความเก่งของครูฟู่นั้นเหลือล้น จนได้รับสมยานามว่า “สุนทรฟู่” แต่แล้วชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เส้นทางชีวิตที่กำลังโลดแล่นของครูฟู่พลิกผันจากครูหนุ่มอนาคตไกล เริ่มดำดิ่งสู่การเป็น “มิจฉาชีพ” เนื่องจาก “ติดการพนัน” และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ

    กระทั่งปี 2563 ครูฟู่ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครูใน  ซึ่งหลังจากพ้นจากหน้าที่แล้วเดินสาย “หลอกลวง” โดยจะหลอกลวงลักษณะกิจกรรมในแวดวงครูเป็นหลัก เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือ หลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา

    ครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยล่าสุด ช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. 66 ที่ จะมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาค พากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน

    ครูฟู่เห็นช่องทางได้หลอกลวงเหล่าคุณครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมนี้ที่ จ.น่าน โดยอ้างว่าตนเองมีที่พักให้เช่าเพื่อนให้เหล่านักเรียนมาร่วมกิจกรรม  อ้างโปรไฟล์ในอดีตของตนเองว่า ว่าตนเองเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อได้ง่าย

    การหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีกด้วย โดยตั้งแต่ครูฟู่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันได้ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย

    ล่าสุดดำดิ่งขนาดต้องเดินสายหลอก “นวดเสียว” แนว LGBTQ+ ด้วย โดยครูฟู่เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ใช้ชีวิตหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาเป็นเวลาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์และไม่มีท่าทีจะหยุดหลอกลวง กลายเป็น “มิจฉาชีพ” อย่างเต็มตัวในปัจจุบัน และถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็กๆ

    กระทั่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบแผนประทุษกรรมสุดแสบของครูฟู่รายนี้ซึ่งตระเวนก่อเหตุมาจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ ได้รายงานเรื่องนี้ถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 สืบสวนติดตามจับกุม

    ด้วยเบาะแสเดียวคือ “ครูฟู่ เป็น LGBTQ+” จึงต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือนจนได้เบาะแสว่าปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม

    ต่อมาวันที่ 13 ก.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวครูฟู่ได้  จับกุมได้ขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาว  จับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 28/58 ถนอมมิตรคอนโด ตึก 11 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จ.กรุงเทพฯ

    ชั้นจับกุมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และได้เปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตตนเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยให้การว่า “ตนเองจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 ตนเองสอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถจึงได้เป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน

    กระทั่งได้มีเรื่องของ วงโยธวาธิต ที่มีการขอยืมเงินคุณตัน  มีเรื่องราว ได้ขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง

    ได้มีโอกาสแต่งบทอาสิละวาศ จนกระทั่งได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปี และได้สมยานามว่า สุนทรฟู่ กระทั่งในปี 2563 โรงเรียนได้มีการเปลี่ยน ผอ. โรงเรียนและตนไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย

    กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อตนเองมาทำงานไม่ไหวจากการป่วย ทำให้ตนตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีก จนถูกตั้งกรรมการ ช่วงนั้นชีวิตตนเองเริ่มเป๋แล้ว โดยรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่มซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แล้วปิ๊งกัน และช่วงนั้นก็ติดการพนันด้วย จึงทำให้ชีวิตเริ่มดำดิ่ง

    แรกๆยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดก็เริ่มโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก โดยเหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 2,000 บางคนให้ถึง 4,000 บาท ก็มี ยอมรับว่ายืมเด็กๆแล้วไม่ได้คืน ส่วนเพื่อนครูนั้นตอนตนเองไปขอยืมเงินถูกเมินและทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทำให้เสียใจมากๆ

    หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสายหลอกลวง โดยช่วงนั้นตนเองเล่นเฟสบุ๊คแล้วเห็นมีการหาที่พัก ตนจึงได้ไอเดียหลอกลวงด้วยการหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ โดยลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตนทำไปเยอะมาก ความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วหลายหมื่นบาท

    ยอมรับว่าทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ตนได้ชดใช้กรรม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หลังจากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่และขอใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสาธารณะประโยชน์ จะให้ไปเป็นอาสาสมัครสอนที่ไหนอย่างไรตนจะไม่คิดเงินเลย จะมุ่งทำประโยชน์ให้กับสังคม”

    นายวิวัฒน์ หรือ ครูฟู่ ได้แต่งกลอนแบบสดสด ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลเพื่อเตือนภัยให้กับสังคมว่า

    “ก่อนจะทำสิ่งใดขอให้คิด อย่าพลาดผิดจนชีวิตคิดถลำ
    ทำสิ่งใดประกอบด้วยเวรกรรม และเน้นย้ำทำกรรมดีอย่างที่เป็น
    หากพลาดผิดผิดไปแล้วไม่แคล้วโทษ จากเป็นโจทก์ตกจำเลยคนเหยียบย่ำ
    ขอโอกาสที่มีได้แก้กรรม จะกระทำแต่สิ่งดีเพื่อสังคม”

    หลังจากนั้น ชุดจับกุมได้นำตัวส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่าการพนันจะสามารถทำลายชีวิตของคนคนนึงได้ถึงเพียงนี้ เปลี่ยนจาก ผู้ประสาทวิชา กลายเป็น มิจฉาชีพ ได้แบบสุดขั้ว ขอให้การจับกุมในครั้งนี้เป็นการเตือนไปถึงประชาชนถึงภัยร้ายของการพนัน ทรัพย์สินเงินทองที่ออม หรืออนาคตที่วาดฝันไว้ จะหมดไปทันทีเมื่อติดการพนัน และเมื่อไม่มีเงิน ปัญหาทุกอย่างก็จะตามมา และแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments