วันที่ 3 มี.ค. ที่ บก.ป. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป.
จับกุม น.ส.ศิริรัตน์ หรือ ตุ๊กกี้ อายุ 39 ปี ชาว จ.เพชรบุรี ข้อหาฉ้อโกง
จับได้ที่บ้านพักภายใน ซ.นวมินทร์ 111 ถ.ประเสริฐมนูญกิจ เขตบึงกุ่ม แขวงนวมินทร์
สืบเนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา น.ส.ศิริรัตน์ หรือตุ๊กกี้ ได้ชักชวนประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้นำเงินมาลงทุนธุรกิจขายหน้ากากอนามัย อ้างว่าจะได้รับเงินปันผลเป็นค่าตอบแทนค่อนข้างสูง
ทำให้ที่ผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกับ น.ส.ศิริรัตน์ เป็นจำนวนเงินกว่า 2 ล้านบาท
แต่เมื่อครบกำหนด น.ส.ศิริรัตน์ กลับไม่ยอมจ่ายเงินปันผลให้ตามที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนถูกหลอก ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนครราชสีมา จนมีการหมายจับ
ต่อมาสืบทราบว่า น.ส.ศิริรัตน์ ได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้น กทม. จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เมื่อปลายปี 2562 น.ส.ศิริรัตน์ ได้เคยถูกตำรวจ บก.ปอศ. จับกุมในข้อหาฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน นำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ สู่ระบบคอมพิวเตอร์
หลังหลอกลวงกลุ่มแม่ค้าขายสินค้าออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก ให้นำเงินมาร่วมลงทุนเป็นตัวแทนขายสินค้า และสั่งซื้อสินค้า เช่น สบู่ , ครีม , เซรั่ม ยี่ห้อหนึ่ง
พร้อมทั้งแอบอ้างนำชื่อของศิลปินดารามากมายมากล่าวอ้างว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าดังกล่าวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจนมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก
เเต่เมื่อครบกำหนดส่งมอบสินค้ากลับไม่มีสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ รวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่าภายหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมา น.ส.ศิริรัตน์ ได้เปิดเฟซบุ๊กชื่อว่า ตุ๊กกี้ ขายครีม เปิดลงทุน “บ้านออมเงินKK”
โพสต์ข้อความโฆษณาเชิญชวนผู้คนให้นำเงินมาลงทุนแชร์ออนไลน์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเห็นว่าผู้ต้องหายังคงมีพฤติกรรมในลักษณะเช่นเดิม สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน จึงดำเนินการเร่งรัดติดตามจับกุมตัวดังกล่าว
สอบสวน น.ส.ศิริรัตน์ ให้การภาคเสธ ว่า ไม่ได้ฉ้อโกง แต่รับว่านำเงินของผู้เสียหายมาจริง
โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน และรับว่าเคยถูกตำรวจ บก.ปอศ. จับจริง ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดี
ตำรวจกองปราบจับกุม น.ส.ศิริรัตน์ หรือ ตุ๊กกี้ จันทร์ปรุง อายุ 39 ปี ชาว จ.เพชรบุรี หลังชักชวนประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้นำเงินมาลงทุนธุรกิจขายหน้ากากอนามัย อ้างว่าจะได้รับเงินปันผลเป็นค่าตอบแทนค่อนข้างสูง ทำให้ที่ผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกว่า 2 ล้านบาท แต่เมื่อครบกำหนด น.ส.ศิริรัตน์ กลับไม่ยอมจ่ายเงินปันผลให้