วันที่ 30 เม.ย. พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผบก.รน. สั่งการพ.ต.ต.ชยพล โตโส สว.กก.3 บก.รน.หน.ชุดเรือปฏิบัติการอำพลาง ปฏิบัติการภายใต้แผน “มัจฉา633
“ร่วมกับกรมประมง ออกตรวจการณ์ทางทะเล ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
จับกุมเรือประมง ไม่ชักธงแสดงสัญชาติ หมายเลขเรือ PAF 4094 และ KNF 7820 ลูกเรือประมง
พบว่าเป็นชาวเวียดนาม 22 คน พร้อมอุปกรณ์ทำการประมงและสัตว์น้ำ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำรับแจ้งว่า มีเรือประมงไม่ทราบสัญชาติ ลักลอบเข้ามาทำการประมง ในเขตน่านน้ำประมงไทยจึงได้นำ เรือ ศ.นรินทร์ และเรือตรวจประมงทะเล 110 ออกตรวจสอบ
จนพบเรือประมง 2 ลำ ไม่ชักธงแสดงสัญชาติ หมายเลขเรือ PAF 4094 และ KNF7820 กำลังทำการประมงอยู่ บริเวณห่างจากปากร่องน้ำบางนราไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 60 ไมล์ทะเล
บนเรือพบลูกเรือประมงชาวเวียดนาม 22 คน พร้อมอุปกรณ์ทำการประมงและสัตว์น้ำ ได้นำเรือและลูกเรือกลับเข้าฝั่ง ที่ จ.นราธิวาส
ผ่านกระบวนการตรวจคัดกรองและตรวจโรค
เบื้องต้นพบมีความผิดตาม พ.ร.ก.การประมง, พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการทำประมงในเขตการประมงไทย นำทั้งหมดส่ง สภ.เมืองนราธิวาส ดำเนินคดี
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ตำรวจน้ำยังจับกุมเรือประมงเวียดนาม ได้อีก 2 ลำ พร้อมลูกเรือ 11 คน
จากกรณีดังกล่าว เห็นได้ว่าหลังจากประกาศใช้ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.๒๕๕๘ และกรมประมง มีการประกาศห้ามจับสัตว์น้ำ ในห้วงฤดูปลาวางไข่
ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำในทะเล มีการเจริญเติบโต และปริมาณมากขึ้น เรือประมงต่างชาติ ได้ลักลอบเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมประมง และ ศรชล. จะบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศต่อไป