บ่ายแก่ๆ วันหนึ่งอากาศยังคงร้อนอบอ้าวแม้จะอยู่ในฤดูหนาว
เดินย่ำออกจากซอยมายืนริมถนนใหญ่รอรถเมล์สองแถวสีแดงประจำทาง
แสงแดดยังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ให้ความสว่างเจิดจ้าและเร่าร้อนไม่เลือกข้างไหน ยืนงงในดงแดดแผดกล้าเพลียล้าเปลี้ยแทบละลายเหมือนยางมะตอยแอสฟัลต์บนถนนที่ยังเห็นเปลวแดดระยับราวกับกลางวัน
“ดูดวงมั้ย ดูดวงมั้ย”
ตั้งใจฟังพอจับใจความได้เท่านี้ จากน้ำเสียงของคนที่ไม่น่าใช่คนไทยอย่างแน่นอน ต้องเอ่ยคำย้อนถาม “หาอะไรนะ?”
พอหันไปหาต้นทางเสียงถึงเห็นเจ้าของเสียง ใบหน้าชัดเจนเหมือนชาวอินเดียเพียงแต่ไม่ได้โพกผ้าคลุมศีรษะแบบที่เห็นจนคุ้นชินสายตา
ชายหนุ่มวัยราวสามสิบปลาย ไว้หนวดเคราบางๆ ไม่เฟิ้มหนาดัดแต่งเรียวหนวดให้มันเยิ้มโค้งงอน เขาพูดซ้ำย้ำชัด
“ดูดวงมั้ย ดูดวงชะตาน่ะ ดี ไม่ดีน่ะ”
หะแรกข้าพเจ้ามีสัญชาตญาณปฏิเสธในใจทันควัน ไม่ใช่เรื่องจะใช้บริการของหมอดูหนุ่มลักษณะเหมือนชาวอินเดียหรืออาจเป็นชาวเมียนมาอยางใดอย่างหนึ่งหรือไม่ใช้
หากแต่คิดในเชิงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นรู้ได้ด้วยสามัญสำนึกไม่ได้ลึกล้ำอะไรนักว่าตนเองดวงไม่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซื้อหวยซื้อเบอร์ไม่เคยถูกสักงวดในห้วงหลายทศวรรษ ตลอดจนไม่ว่าเรื่องอะไรๆในหลายภาคส่วนทั้งในระยะยาวหรือเชิงทดลองก็ไม่สมหวังดังตั้งใจปรารถนาเลย
หมอดูหนุ่มใบหน้าคมเข้มแบบชาวเอเชียกลาง ไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดหวังใดแม้แต่น้อย เหลือรอยยิ้มจางๆ ก่อนเดินจากไปตามฟุตปาท มองหาลูกค้าคนอื่นๆต่อไป เป็นการประกอบสัมมาอาชีวะอย่างหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามด้อยค่าใดๆ
หากข้าพเจ้าอยู่ในสถานะไม่หนักหนาสาหัสคงคิดใช้บริการบ้างก็น่าจะดี แม้ไม่มีความเชื่อในเรื่องดวงชะตาราศีหรือไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้เลยสักกระผีกริ้น
ข้าพเจ้าเหลียวมองคล้อยตามไปบ้าง เห็นชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตแขตยาวสีขาวปล่อยชายเสื้อ กางเกงสีกรมท่าเดินไปเรื่อย ๆ มองเผินๆเหมือนนักท่องเที่ยวคนหนึ่่ง หากแต่กำลังมองหาลูกค้าทักถามไปตามรายทางอย่างคาดหวังจะได้ลูกค้าสักคนสองคนบ้าง
พอหันหน้าไปทางขวามือเห็นรถสองแถวสีแดงแล่นมาข้าพเจ้ารีบโบกเรียกจอดเพื่อเดินทางไปต่อรถเมล์ครีมแดงตามปกติไปยังจุดหมายปลายทาง
ขณะยืนรออยู่ที่ศาลาป้ายรถประจำทาง มือถือคือสิ่งที่ต้องหยิบฉวยขึ้นมาดูเหมือนหลายคนที่มักฆ่าเวลารอคอยรถให้ค่าเวลากับเจ้าวัตถุขนาดฝ่ามือ ราวกับอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามของมนุษย์ไปแล้ว
ข้าพเจ้าประเมินสถานการณ์รอรถเมล์ไว้ราวสามสิบนาทีเป็นสำคัญ กระนั้นสถานการณ์ครั้งนี้ผิดคาดไปมาก รถเมล์สายที่รอคอยแล่นเข้าป้ายอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะเตรียมเหรียญสิบบาทกับบัตรประชาชนไว้แสดงเพื่อได้ลดหย่อนค่ารถเมล์ครึ่งหนึ่ง ในฐานะผู้สูงวัยแล้วก็ตาม
ด้วยตาลีตาลานมือหนึ่งถือโทรศัพท์อีกมือถือบัตรและเหรียญสิบไว้ในมือ รีบร้อนขึ้นรถเมล์ทำให้บัตรหลุดจากมือพร้อมเงินเหรียญ หล่นตกคาบันไดรถเมล์ส่วนบัตรประชาชนตกบนผิวถนน
คนขับรถเมล์ได้ยินเสียงประกอบกับสายตามองกระจกข้างรถเห็นบัตรสำคัญของข้าพเจ้าตกอยู่ จึงหยุดรถไว้พร้อมตะโกนบอกให้รู้
ข้าพเจ้ารู้สึกอับอายสายตาคนอื่นในรถที่เป็นต้นเหตุให้รถออกตัวล่าช้าไปบ้าง ไม่กล้าหันไปสบตาใครๆเลยแม้แต่คนเดียว ได้แต่ร้องขอบอกขอบใจโชเฟอร์รถเมล์ ขณะที่กระเป๋าเก็บค่าโดยสารสาวเอ่ยตำหนิโทษฐานที่ไม่เก็บมือถือให้เรียบร้อยก่อนจนเกิดเหตุขลุกขลักน่าขายหน้าประชาชี
ในใจได้แต่นึกขอบคุณคนขับรถเมล์ที่ยังมีน้ำใจไม่เพิกเฉย ถ้าจะขับรถเลยไปก็ได้
ฉับพลันข้าพเจ้าลืมเรื่องอิหลักอิเหลื่อนี้ไปเลย เมื่อนึกถึงหมอดูหนุ่มหน้าตาอินเดียหรือพม่าที่เพิ่งเจอกันหลัดๆ ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที
ถ้าลองดูดวงสักเล็กน้อย อาจจะรู้ชะตากรรมเล็กๆน้อยๆนี้ล่วงหน้าก่อน พอจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์อันน่าสมเพชนี้เหลือเกิน.
26/1/2568