Saturday, November 23, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.8

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.8

    เสียงคนขับรถเมล์ตะโกนลั่น “ป้ายนี้ยังไม่ได้ยกเลิกนะ”

    น้ำเสียงบ่งบอกความหงุดหงิด ไม่พอใจที่ผู้โดยสารบางคนกดออดส่งสัญญาณบอกให้หยุดรถที่ป้ายรถเมล์ที่จะถึง เพียงแต่ไม่ใช่ป้ายที่รถเมล์คันนี้หยุดเท่านั้น แต่เป็นป้ายถัดไปที่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยห้าสิบเมตร

    ขณะที่ผู้โดยสารคนกดออด คงไม่คิดว่าตรงจุดนี้มีป้ายรถเมล์เลยรีบกดทันทีก่อนที่รถเมล์จะถึงป้ายที่ตั้งใจจะลงจากรถ เป็นความเข้าใจผิดไปและขัดใจกันบ้างระหว่างคนขับรถกับผู้โดยสาร บางครั้งคนใช้บริการรถเมล์เดินชักช้าอืดอาดกว่าจะก้าวเท้าขึ้นรถ ก็สร้างความอิดหนาระอาใจฉุนเฉียวให้กับคนขับที่พกพาความรุ่มร้อนในหัวใจมาเต็มที่อยู่แล้ว อารมณ์ขาดผึงขึ้นในทันที

     เจอเหตุการณ์เล็กเล็กน้อยน้อยอย่างนี้อยู่บ่อยบ่อยจนรู้สึกปกติไปเสียแล้วสำหรับคนที่อาศัยรถเมล์ครีมแดงเป็นพาหนะเดินทางในแต่ละวันเป็นประจำ ไม่มีใครใส่ใจเก็บมาคิดมาหาเหตุผลหรือหาความอะไรกับคนขับรถเมล์ที่ขี้หงุดหงิดจุดเดือดต่ำ อย่างมากก็เพียงแต่บ่นกระปอดกระแปดระบายความรู้สึกเก็บกดหรือเหนื่อยล้าไปได้บ้าง

    ยิ่งในยุคสมัยเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนเพื่อนร่วมชีวิตของมนุษย์ไปแล้ว แทบทุกคนบนรถเมล์คันนั้นจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอดูเพจเล่นเฟซบุ๊กไลน์หรือเกมตามแต่รสนิยมของแต่ละคน เหมือนโลกทั้งใบอยู่ในเจ้าเครื่องแบนแบนขนาดฝ่ามือมีสาระหรือไร้สาระมากมายอยู่ในนั้นจนไม่มีเวลาที่ใครจะใส่ใจสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์จิ๊บจ้อยท้้งหลาย หรือไม่เหลือเวลาให้กับโลกคืบใกล้ฝ่ามือตัวเองเลยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เหตุการณ์ที่ใหญ่หลวงหรือเรื่องที่มีผลกระทบต่อตัวเองอย่างเต็มเหนี่ยว

    จากที่เคยได้ยินเสียงพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันในหมู่ผู้คนทั้งคนสูงวัยหรือกลุ่มหนุ่มสาว เดี๋ยวนี้แทบไม่เงยหน้าหันมาคุยกันเหมือนยุคเก่าก่อนแล้ว ต่างคนต่างก้มหน้าจ้องมองสื่อสารกับเจ้าวัตถุทรงแท่งแบนแบนกันไปหมด

    ไม่มีแล้วเสียงหัวเราะเฮฮาหรือคุยโขมงโฉงเฉงกัน นอกจากเสียงเครื่องยนต์ของรถราบนท้องถนนเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิม ดังอื้ออึงสนั่นหมุนวนในโสตประสาทอย่างอึงอลสับสนจนกว่าจะสิ้นโลกไปแล้วกระมัง

    ยามที่ผู้โดยสารแน่นขนัดแทบไม่มีที่ยืนหรือจุ่มเท้าบนพื้นรถสักจุดหนึ่ง จะมีก็แต่เสียงของคนเก็บค่าโดยสารหรือกระเป๋ารถเมล์เท่านั้น คอยตะโกนบอกผู้โดยสารว่ารถจะถึงป้ายไหนต่อไป หรือตะโกนบอกให้เดินเข้าในรถอย่ายืนขวางหน้าประตูขึ้นลงเท่านั้น

    ผู้คนโดยสารรถเมล์ที่ยืนโหนราวจับต้องคอยเกร็งข้อมือแขนขาระวังยามรถแล่นเร็วเบี่ยงเข้าเลนซ้ายขวาไปมา คอยระวังตัวไม่ให้ล้มหรือโอนเอนไปเบียดกระแทกผู้ร่วมทางที่ตกอยู่ในชะตากรรมร่วมกัน

    อากาศที่ร้อนอึดอัดอยู่บวกกับต้องสวมหน้ากากอนามัยเป็นวิถีชีวิตประจำวันไปด้วย ยิ่งทำให้บางคนต้องพกยาหอมยาดมติดตัวคอยช่วยบรรเทาให้หายใจคล่องได้บ้าง ไม่ว่าจะคนเฒ่าคนหนุ่มสาว หลายคนต้องมีไว้ขาดไม่ได้เลยทีเดียว

    หลังผจญความวิบากตามสภาพของคนเมืองที่อาศัยรถเมล์ร้อนเป็นพาหนะเดินทางประจำวัน พอลงจากรถได้ต้องควักยาหอมมาสูดคลายความอึดอัดพอหายใจโล่งได้บ้าง

    ขณะเดินไปตามฟุตปาทขึ้นสะพานลอยคนข้ามตามเส้นทางเดิม เดินผ่านพ่อค้าแม่ค้าบนสะพานลอยที่เหมือนตลาดนัดคนยากหรือร้านสะดวกซื้อแบกะพื้นทางเดินบนสะพานลอย มีทั้งของกินของใช้ราคาจับต้องได้สิบบาทยี่สิบบาทบ้าง แต่ที่เห็นผู้คนส่วนใหญ่มักจะเดินผ่านเลย มีลูกค้าบ้างเล็กน้อยที่หยุดเลือกหาสินค้าที่เล็งไว้หรือบังเอิญเจอพอดีเลยซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน

    ข้าพเจ้าเดินผ่านสะพานลอยแห่งนี้ประจำ มักจะเห็นหญิงวัยยี่สิบเศษที่สวมเสื้อผ้าชุดสีดำมอมแมมนอนตะแคงอยู่บนพื้นทางเดินประจำเสียเป็นภาพประทับในความรู้สึกไปแล้ว

    ครั้งนี้กลับไม่เหมือนภาพเก่าเก่าที่ผ่านสายตาทุกวัน แต่เห็นเธอนั่งขัดสมาธิในมือถือธนบัตรใบละยี่สิบจำนวนหนึ่ง เธอนั่งนับธนบัตรนั้นไปทีละใบทีละใบ จะว่าเป็นเงินที่ได้มาจากคนหยิบยื่นให้ คงไม่น่าจะใช่เนื่องจากมีเฉพาะแบงก์ยี่สิบเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งเธอก็ไม่ได้มีขันหรือกระป๋องคอยรับเศษเงินเหมือนวณิพกคนอื่นที่นั่งขอทานบนสะพานลอย

    สักพักหนึ่งหญิงสาวในชุดกระมอมกระแมมสีดำนั้น เงยหน้าขึ้นปากพร่ำพูดเหมือนสนทนากับใครสักคน แต่ฟังไม่ได้ศัพท์ อาจด้วยเสียงอึงอลบนท้องถนนดังมากกลบเสียงของเธอไป ดูท่าทางเธอเหมือนคนปกติพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ  แม้จะตั้งใจฟังก็จับใจความอะไรไม่ได้เลย

    ข้าพเจ้าได้แต่ฉงนเธอคุยกับใคร ทั้งที่เคยเห็นเธอมีโทรศัพท์มือถือเหมือนกัน แต่คราวนี้ไม่เห็นโทรศัพท์มือถือ นอกจากแบงก์ยี่สิบในมือที่คาดว่าคงไม่น้อยกว่าสิบใบ

    พอเดินผ่านหญิงสาวร่างเล็กในชุดมอมแมมเลยไป ข้าพเจ้าได้เรื่องฉงนใจติดสมองไปอีกหนึ่งเรื่องให้ขบปมฆ่าเวลาขณะเดินสาวเท้าข้ามทางม้าลายที่ต้องใส่เกียร์วิ่งเสมอ ไม่อยากให้รถราที่ชะลอให้คนข้ามเกิดอารมณ์เสียเหมือนคนขับรถเมล์บางคน เพราะคนขับรถก็มักไม่ชอบคนเดินถนนที่เดินชักช้าอืดอาดเหมือนกัน

    อีกอย่างหนึ่งทางม้าลายพันธุ์แปลกที่ทาสีขาวแดง ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยบนท้องถนนอีกต่อไป เพราะเพิ่งเจอหลัดหลัดต่อหน้าต่อตาวันก่อน

    รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งชนชายหนุ่มกับเด็กชายอายุราวสิบขวบบนทางม้าลาย ทั้งที่กำลังเดินข้ามจะพ้นถนนอยู่รอมร่อแล้ว

    7/8/67 เดชา ภู่พิชิต

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments