Wednesday, October 30, 2024
More
    Homeบทความทั่วไปเรื่องไร้สาระมองให้ลึกๆ บางเรื่องโคตรมีสาระ

    เรื่องไร้สาระมองให้ลึกๆ บางเรื่องโคตรมีสาระ

    ท่ามกลางมวลกระแสข่าวสารล้นทะลักราวกับเขื่อนแตกในสถานการณ์ของยุคโซเชียลมีเดีย ทุกคนเป็นทั้งผู้รับสารและเป็นผู้สื่อข่าวไปในตัวด้วยมือถือเครื่องเดียว

    คือจากเรื่องราวอะไรก็ไม่รู้ กลายเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจอย่างรวดเร็วราวกับไฟไหม้ฟาง ชั่วไม่ท้นข้ามวันข้ามคืน มีเรื่องราวที่เรียกว่าเป็น “ข่าว”เกิดขึ้นอย่างมากมายล้นหลาม

    ผู้เสพที่ยังเสพข่าวชิ้นหนึ่งยังไม่ทันซาบซึ้งเข้าใจเนื้อหาเลย อ้าว มีเรื่องใหม่เข้ามาอีก จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เสพข่าวสารที่ต้องปรับความรับรู้ให้ทันเหตุทันการณ์

    ยกตัวอย่างง่าย มีเรื่องราวข่าวอาจารย์เอ จักรพรรดิ ที่มีเอฟซีติดตามไม่น้อย ต้อนรับด้วยการหมอบกราบไหว้ เดินไปบนพรม มีคนคอยกางร่มให้ พฤติการณ์พฤติกรรมก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่มีใครจะไปจำกัดสิทธิพวกเขาได้่

    ลูกศิษย์เขาก็พร้อมจะกราบเท้า เพราะเขานับถือของเขา จะไปห้ามเขาทำไม

    หรืออย่างมีหญิงคนหนึ่ง ยกตัวเองเป็นอาจารย์ สร้างคอร์สสอนให้เข้าสู่นิพพานได้  คิดค่าเล่าเรียนคอร์สละ 2 หมื่น 5 พันบาท สอนออนไลน์ด้วย ตั้งชื่อกิ๊บเก๋ “คอร์สจบกิจ หยุดการเกิด” By ครูโอ้

    ฮือฮากันไปทั่ว แม้แต่พระพยอม กัลยาโณ ท่านยังอดไม่ไหว ค้อนขวับ มีลัดคิวไปนิพพานด้วย ที่ครูโอ้จะสอนให้ไปถึงนิพพานด้วยการเรียนเพียงคอร์สเดียวเท่านั้น

    หรือกรณีล่าสุดกับเรื่องราวของครูคนหนึ่งไปนั่งเก้าอี้ที่ ผอ.โรงเรียน อ้างว่าเป็นเก้าอี้ประจำตำแหน่ง จนเกิดความไม่พอใจให้โรงเรียนจัดซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ให้แทน ถูกนำเสนอในสื่อหลักหลายสำนักอย่างไม่น่าเชื่อ ว่านี่คือข่าวที่สังคมควรจะได้รับรู้

    ที่จะเรียกว่าเป็น “ข่าว”ตามหลักวิชานิเทศศาสตร์วารสารศาสตร์ แล้ว ก็คงต้องปรับเปลี่ยนทฤษฎีดั้งเดิมกันบ้างแหละ ที่จะยึดเอาเหตุการณ์ที่เป็นที่สนใจของมนุษยชาติหรือHuman Interest นั้นคงไม่ใช่แล้วในยุคไอที 

    “ข่าว”มันคือสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเป็น Human Interest ก็ได้ แต่พอให้มีพื้นฐานว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแล้วค่อยปั้นแต่งขึ้นมาให้เป็นเข้าหลักทฤษฎีของข่าวสาร

    คือตอนแรกคิดว่าข่าวหรือเรื่องเก้าอี้ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง มันไม่น่าจะมีผลกระทบต่อสังคมวงกว้างหรือประเทศชาติสักเท่าใด

    พูดง่ายคือมันช่างไร้สาระอะไรประมาณนั้น

    แต่พอค่อยๆ ละเลียดดูรายละเอียดของข่าวไปทีละถ้อยคำ บรรทัดแจกแจงโต้ตอบกันไปมาของคู่กรณี ทำนองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง

    ครูไม่ได้นั่งเก้าอี้ของผู้บริหาร แต่นั่งเก้าอี้ในห้องประชุมเพื่อเตรียมการในการฉายวีดิโอ ขณะที่ ผอ.โรงเรียน กลับมองว่าครูน้อยไม่ให้ความเคารพต่อผู้บังคับบัญชา

    เรื่องของเรื่องบานปลายไปถึงระดับหน่วยงานต้นสังกัด สั่งให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง จนระดับสูงแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่าผอ.โรงเรียนไม่ควรทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะเก้าอี้เป็นของโรงเรียนไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ถือว่าทำเกินกว่าเหตุ แต่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง แต่ถ้าใช้งบหลวงไปซื้อเก้าอี้ถือว่าอาจผิดวินัยร้ายแรงเพราะใช้งบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ

    ล่าสุด ทางเบื้องบนได้สั่งย้ายผอ.โรงเรียนเข้ามารายงานตัวและย้ายมาปฏิบัติราชการในเขตพื้นที่การศึกษานั้นแล้ว

    บุคลากรที่จะเติมความรู้สติปัญญาให้เยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ แต่พฤติกรรมที่เห็นช่างน่าเป็นห่วงเหลือเกินว่า เยาวชนจะเติบโตมีสติปัญญาเฉียบแหลม มีจริยธรรมดีงามได้อย่างไร

    อีกอย่างคือค่านิยมความคิดที่ถือเจ้ายศเจ้าอย่าง ก็ยังไม่ได้ถูกขัดเกลาให้เข้ายุคเข้าสมัยไอทีเมตาเวิร์สอะไรเลยสักกระผีกริ้น

    น่าเศร้าใจที่ความคิดแบบนี้ ยังสลัดไม่หลุดไปจากสังคมไทยเลย

    นี่ไงล่ะ เรื่อง “ไร้สาระ” บางทีมัน “ร้ายสาระ”โคตรๆเลยทีเดียว

    ดอนรัญจวน 16/3/2567

     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments