Sunday, September 8, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันกสทช.-ตำรวจ ร่วมกระชับพื้นที่เชียงแสนรับมือสารพัดแก๊งคอลรอบคิงส์โรมัน

    กสทช.-ตำรวจ ร่วมกระชับพื้นที่เชียงแสนรับมือสารพัดแก๊งคอลรอบคิงส์โรมัน

    ตำรวจร่วมกับ กสทช.และหน่วยงานความมั่นคง กระชับพื้นที่เชียงแสน เร่งรัดปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตพื้นที่ต่างๆของคิงส์โรมัน

    จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้มีการปราบปรามกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเด็ดขาด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เริ่มปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดสัญญาณโทรคมนาคมที่ลักลอบใช้ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณที่ตั้งโดยรอบบ่อนคาสิโนคิงส์โรมัน ประเทศลาว

    ต่อมาวันที่ 23 ก.ค.67 เป็นการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และฝ่ายความมั่นคง

    ตรวจสอบการลักลอบนำสายสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ไปยังบริเวณพื้นที่คิงส์โรมัน ประเทศลาว อย่างผิดกฎหมาย ทั้งจากซิม สาย เสา และออกมาตรการเข้มงวดในการผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนต่างชาติและคนไทยลักลอบไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบริเวณพื้นที่รอยต่อที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

    พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า  เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ที่  สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือกับสำนักงาน กสทช. และผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ทั้ง 3 ค่าย เพื่อแก้ไขปัญหาสัญญาณรุกล้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่กระจายลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน (คิงส์โรมัน สปป.ลาว) ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในทุกมิติ

    จึงลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามแผน รวมทั้งใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบการกระจายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเตอร์เน็ตตามแนวตะเข็บชายแดนในบริเวณใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าตรวจสอบและติดตามการลักลอบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน เพื่อตัดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เป้าหมายนี้

    พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย)กล่าวว่า จากการตรวจสอบเชิงรุกล่าสุด พบว่ามีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของไทยใช้งานอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน (คิงส์โรมัน สปป.ลาว)

    มีข้อมูลเชื่อได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นรังใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรข้ามแดนมาหลอกคนไทย จึงลงพื้นที่บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกเครือข่าย ใช้เครื่องมือพิเศษติดตั้งบนอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจสแกนตลอดแนวชายแดนของ อ.เชียงแสน เพื่อตัดสัญญาณสื่อสารข้ามโขงในทุกมิติ

    นอกจากนั้น ได้ร่วมกับกองกำลังผาเมืองตัดทำลายสายเคเบิ้ลใยแก้วหรือไฟเบอร์ออฟติก ส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

    มาตรการตัดปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง ซิม เสา และสาย ที่ กสทช.ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยระงับการใช้ซิมผีที่มิได้มายืนยันตนตามประกาศ กสทช. ไปแล้วมากกว่า 2 ล้านเลขหมายเชื่อว่าซิมที่ถูกระงับการใช้งานนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในการถือครองของคนร้าย

    นอกจากนี้ เพียงครึ่งปีที่ผ่านมา กสทช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับกุมผู้ลักลอบติดตั้งเสาและสาย ส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดนไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้33 ราย

    ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่ทำผิดเงื่อนไขการให้บริการ ได้แจ้งเตือนและสั่งให้ระงับการส่งสัญญาณโทรคมนาคม และถอดสายสัญญาณและอุปกรณ์ (ล้มเสา) จำนวน 179 จุด โดยดำเนินการแล้วใน 11 อำเภอ 9 จังหวัด ที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จ.ตาก เชียงราย มุกดาหาร หนองคาย สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระเเก้ว จันทบุรี และ จ.ระนอง ซึ่ง กสทช.ยังคงตรวจตระเวนการกระจายสัญญาณข้ามแดนอย่างต่อเนื่อง

    พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลของการบูรณาการระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กสทช. และหน่วยงานความมั่นคง ในการกำจัดซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาและสายสัญญาณเถื่อน รวมทั้งตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม

    จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้าไทยของอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมผิดกฎหมาย (Starlink) ผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนโครงสร้างโทรคมนาคม (ซิม เสา สาย) เดิม คาดว่าคนร้ายได้รับผลกระทบและเริ่มมีการปรับตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. จะได้ติดตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องต่อไป

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments