กองปราบฯทลายแก๊ง Romance Scam ชาวไนจีเรียลวงให้รัก ก่อนเชิดเงินหนี พบ 4 ปี หมุนเงินออกนอกประเทศกว่า 800 ล้านบาท”
กองปราบแถลงทลายแก๊ง “Romance Scam” แสร้งรักออนไลน์ จับหัวหน้าแก๊งหนุ่มไนจีเรียพร้อมคนไทยผู้ร่วมขบวนการชาวไทยรวม 14 ราย ตุ๋นเงินเหยื่อทั้งหมอ วิศกร และพระ เช็คเส้นทางการเงินย้อนหลัง 4 ปี พบโอนออกนอกประเทศกว่า 800 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ส.ค.66 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ ,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.
ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊ง “Romance Scam ลวงให้รักก่อนเชิดเงินหนี” หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 14 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. 7 จุด, ปทุมธานี 1 จุด, พิษณุโลก 2 จุด, อุทัยธานี 1 จุด, อุตรดิตถ์ 1 จุด, กำแพงเพชร 1 จุด, พิจิตร 1 จุด ตรวจพบตั้งแต่ปี61-64 มีเงินหมุนกว่า 800 ล้านบาท
สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 14 คน มีนายเอเซเนเช่ อายุ 45 ปี ชาวไนจีเรีย และน.ส.ปุณยวีร์ อายุ 47 ปี ทั้งคู่เป็นแฟนกัน จะเป็นคนสร้างโปรไฟล์เป็นทหารชายและหญิงชาวอเมริกัน หน้าตาดี อ้างประจำอยู่ที่ประเทศซีเรีย ติดต่อผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังมี น.ส.วาสนา อายุ 30 ปี อ้างตัวเป็นบริษัทขนส่งหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน และบัญชีม้าชาวไทยอีก11 คน
ตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ 21 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 20 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 18 ใบ สมุดกองทุนรวมธนาคาร 1 เล่ม คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ,เอกสารโอนเงินไปต่างประเทศ 5 ชุด ซิมการ์ดโทรศัพท์ 1 อัน เมมโมรี่กล้อง 3 ตัว กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ Chanel จำนวน 2 ใบ
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2565 ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาทำทีตีสนิทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ใช้โปรไฟล์เป็นรูปภาพหญิงต่างชาติหน้าตาดี อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสาวชาวอเมริกัน กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศซีเรีย
เมื่อพูดคุยกันจนสนิทสนม มิจฉาชีพกลุ่มนี้จะเริ่มออกอุบายว่า กำลังจะเดินทางมาประเทศไทย เพราะประทับใจและตกหลุมรักในตัวผู้เสียหายมาก พร้อมอ้างว่าได้ส่งพัสดุภายในเป็นทรัพย์สินมีค่ามาให้ แต่ติดปัญหาไม่สามารถนำออกจากสนามบินได้จึงอยากให้ผู้เสียหายช่วยจ่ายเงินค่าภาษีให้ก่อนแล้วจะคืนเงินให้ภายหลัง
พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.กล่าวว่า เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อคล้อยตาม กลุ่มคนร้ายจะให้ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทย โทรศัพท์ติดต่อมายังผู้เสียหายก่อนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือบริษัท ในสนามบิน ก่อนหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อ้างเป็นค่าดำเนินการต่างๆเพื่อที่จะสามารถนำกล่องพัสดุออกจากสนามบินได้ จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปจำนวนหลายครั้งรวมเป็นเงินกว่าล้านบาท เมื่อเห็นว่าได้ยอดเงินตามที่ต้องการแล้วคนร้ายกลุ่มนี้จะเริ่มตัดขาดการติดต่อแล้วเชิดเงินทั้งหมดหนีหายไปในที่สุด
พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.กล่าวว่า หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสจนพบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งคนไทยและชาวไนจีเรีย โดยเฉพาะ นายเอเซเนเช่ ชาวไนจีเรีย เป็นระดับหัวหน้าแก๊งในไทยนั้น เมื่อปี 2561 เคยถูกจับในคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง จากนั้นได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล แต่ยังไม่เข็ดหลาบ กลับมาก่อเหตุซ้ำซากหลายครั้ง
อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบว่าเมื่อได้เงินจากผู้เสียหายแล้วกลุ่มคนร้ายจะรีบโอนเงินออกไปยังบัญชีธนาคารต่างประเทศของผู้ร่วมขบวนการ นำไปซื้อสินค้าต่างๆ ที่ประเทศจีน ส่งต่อให้ผู้ร่วมขบวนการที่ประเทศไนจีเรียอีกที เฉพาะตั้งแต่ปี 2561 – 2564 พบมีเงินหมุนเวียนออกไปยังบัญชีในต่างประเทศรวมกว่า 800 ล้านบาท
“เมื่อมีหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัดแล้วนั้น จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและนำมาสู่การตามจับกุมตัวนายอูโซซูกะวู พร้อมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆอีก 13 ราย ได้ดังกล่าว”
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป.กล่าวว่า จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายนั้น ให้การรับว่า ขณะนั้นถูกว่าจ้างมาจากแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ที่เจอกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันไม่ได้คบหากันแล้ว โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นจากการหลอกลวงดังกล่าว อ้างสาเหตุที่ต้องทำ เพราะช่วงนั้นไม่มีงานทำไม่มีรายได้
แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยขน์ในการชำระค่าสินค้าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด โดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน หลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
มีรายงานว่า สำหรับผู้เสียหายที่ถูกแก๊งนี้หลอกในปี 2565 มีทั้งหมอ วิศวกร และพระ ต่างถูกหลอกเงินไปคนละล้านกว่าบาท