Thursday, November 21, 2024
More
    Homeท่องปทุมวันจากนักสืบเปลี่ยนสายงานมาสวมหมวกหัวปิงปอง

    จากนักสืบเปลี่ยนสายงานมาสวมหมวกหัวปิงปอง

    รองไมค์-พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์

    คนใกล้สนิทชิดเชื้อ นอกจากจะรู้ว่ารองไมค์เป็นตำรวจนักสืบแล้ว ไลฟ์สไตล์ยังเป็นนักกีฬาแนว Extream ไม่ว่าจะเป็นนักโดดร่ม นักบิน นักบิดมอเตอร์ไซค์

    ถึงวันนี้ชีวิตราชการรองไมค์ก้าวไปอีกขั้น เป็นรองผู้บังคับการ แต่บทบาทหน้าที่ไม่ใช่อยู่ในสายสืบสวน  เปลี่ยนมาอยู่สายงานจราจร 

    วันหนึ่งมีจังหวะได้นั่งคุยกันเลยถามถึงหน้างานที่ได้รับมอบหมายในตำแหน่งรอง ผบก.จร.นายตำรวจหนุ่มยิ้มตอบพร้อมเล่าให้ฟัง

    รับแอบช็อก-เปลี่ยนสายงาน

    มันก็ด้วยสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของการรับราชการตำรวจ ผู้บังคับบัญชาท่านคงคิดแล้ว มอบหมายแล้ว คงเห็นว่าเราน่าจะทำได้ก็เอามาอยู่ ถามว่าแอบช็อกไหม ก็ช็อกเหมือนกัน นิดๆ แต่พอถามผู้ใหญ่ๆพยักหน้า เออ ก็ไปสิ ก็แสดงว่า ผู้ใหญ่ก็น่าจะรู้แล้วว่า ให้ผมไปอยู่ตรงนั้น

    ก็ดีครับ ถือว่าเปลี่ยนหน้างาน ชีวิตจากเริ่มเป็นนายเวร  สว.สืบ สนามบิน สว.สืบทองหล่อ  ไป ปคม.เป็น รอง ผกก.4 บก.ป.  รอง ผกก.สืบบางรัก รอง ผกก.สืบ ทองหล่อ ผกก. ดส. ผกก.สส.บก.น.5 แถมเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษโรงเรียนสืบสวน เกือบ 10 รุ่นแล้ว แล้วอยู่ดีๆ ก็เป็น รองผู้การจราจร ก็เปลี่ยนฟิลเหมือนกันนะ  แอบตกใจ แต่ก็โอเค. เป็นรองผู้การได้นี่ ก็ไม่ธรรมดา เอาหมดแหละครับ


    ยังไม่ทิ้งคอนเนคชั่นนักสืบ

    แต่บอกตัวเองเสมอว่า ถ้าเราทำงานจะพยายามคอนเน็ค ลูกน้องเก่าที่ยังอยู่ในวงการสืบสวน อาจจะอยู่ในชั้นโรงพัก ตาม สน.ต่างๆยังสอบถามน้องๆ อยู่ว่าคดีนี้เป็นยังไง เพื่อที่จะศึกษา ว่าอาชญากรรมมันเป็นยังไง การทำคดีเป็นยังไงไม่ให้ร้างราไป ยังคงพอที่จะสอนน้องๆ ได้ เล่าประสบการณ์ตัวเองให้กับนักเรียนสืบสวนได้   

    สอนน้องทำงานเป็นทีม

    ต้องเข้าใจก่อนว่า อาชญากรรมทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ รูปแบบคนร้ายมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆมีความสลับซับซ้อน งานสืบสวน นี่นอกจากวิชาความรู้แล้วก็คือการทำซ้ำ แล้วสกิล ทักษะในการคิดในการจินตนาการ เราไม่ได้ทำอะไรซ้ำๆ แบบนั้น ก็รู้สึกอายตัวเอง ว่าอาจจะไม่กล้า

    ผมบอกตัวเองเสมอว่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่ผมว่าผมเป็นคนบริหารคดีสืบสวนได้ มองออกว่าควรจะใช้คนนี้ไปอย่างไร กล้าตัดสินใจว่า ลองคิดไปทางนี้ซิ คือการบริหารงานสืบสวน ในรูปแบบต่างๆ อันนั้นคือสิ่งที่ผมสอนน้องๆ เสมอ  

    แต่การ ที่เราสอนน้องว่า ทำยังไง ให้มีจิตวิญญาณของความเป็นนักสืบ ใส่ใจกับมันจริงๆ สนุกกับการทำงานจริงๆ แล้วจะเกิดผลลัพธ์ผลสำเร็จที่แฮปปี้ แล้วดูแลเขา ดูแลลูกน้องมันคือทีม เราไม่สามารถทำงานคนเดียวได้

    1ปีกับงานจราจรคลุกกับลูกน้อง

    กลับมาเรื่องการที่ต้องถูกให้มาดูแลงานจราจร ก็แอบช็อค แต่คิดว่าเป็นผู้บริหารผมจับผู้ร้าย ผมทำคดีมาเยอะ หมกตัวเฝ้าทุ่มเทกับคดี กับอีแค่มาดูลูกน้องกลุ่มหนึ่งชุดหนึ่ง ในการดูแลประชาชน บังคับใช้กฎหมาย ด้านการจราจร ผมว่าผมทำได้ ใน 1 ปีที่ผ่านมา ก็โอเค.อยู่

    น้องเล็กได้รับผิดชอบงานใหญ่

    ผมเชื่อว่าไม่มีความบังเอิญใน ตอนที่ผมขึ้น ผมเป็นรองผู้การน้องเล็กของ บก.จร. ท่านอื่นที่มา บางท่านอยากคุมการจราจร อยากคุมตรวจพิสูจน์ แต่จะมีอยู่งานหนึ่ง คือ กก.6 คือโครงการจราจรพระราชดำริ ผมไม่ได้เลือก ท่านผู้การคนก่อน ท่านเห็นผมเป็นน้องเล็ก อาจจะไม่มีใครเอาก็ส่งงานนี้มาให้ผม

    ชีวิตไม่ถนัดจับชาวบ้าน

    ผมก็บอกว่า ผมถนัดจับผู้ร้ายกับช่วยชาวบ้าน ผมไม่ถนัดจับชาวบ้าน จับชาวบ้านในที่นี้ หมายความว่า การบังคับใช้กฎหมายจราจร ก็รู้ๆกันอยู่คือตั้งด่านจับการกวดขันวินัยจราจรที่วัดผลการปฏิบัติจากการจับกุม ผมใจไม่แข็งพอครับ ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้น 

    ผมเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมก็ไม่เคยเลือกงานจราจร เพราะผมแค่เป็นพนักงานสอบสวน แล้วมีจราจรไปล็อกล้อ ผมต้องมานั่งเปรียบเทียบปรับ หมวดขา ลดให้หน่อยได้ไหมอะไรอย่างนี้ เฮ้ย ผมไม่เกี่ยว ผมแบกรับความกดดันตรงนี้ไม่ได้ ผมเลยไม่คิดที่จะอยู่ตรงนี้ไง

    ผมคิดว่าผมอยู่สืบสวน ได้คุยกับผู้เสียหาย คุยกับชาวบ้าน  มันเป็นแพชชั่นในการที่จะได้ไปช่วยเขาและจับคนร้าย

    ช่วยชาวบ้านเรื่องง่ายกว่า

    ก็วกกลับมาว่า  โครงการตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ เป็นตำรวจที่ไม่มีใบสั่ง บริการอย่างเดียว อยู่ดีๆ พี่เขาก็โยนมาให้อย่างนี้ ผมก็ได้เลยครับดีเลย เลยลงไปดูเขาเป็นที่มาว่าผมทุ่มเทให้กับเขาเต็มที่ ให้กำลังใจเขา ไปทำความดี ไปช่วยชาวบ้าน อันนี้มันเรื่องง่ายสำหรับผมเลยนะ

    แล้วเป็นกลุ่มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีชื่อเสียงในทางบวกชัดเจน ตามพระราชดำริพระองค์ท่าน ที่พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างตำรวจกลุ่มหนึ่งไปช่วยพี่น้องประชาชน แก้ปัญหารถติดในเวลาคับขัน โดยใช้จักรยานยนต์เป็นหลักตั้งแต่วันนั้น

    จราจรชุดน้ำเงินไร้ใบสั่ง

    รูปแบบบริการเปลี่ยนไปเรื่อย  ปัจจุบันแบ่งงานออกเป็น หมอคน คือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น นำส่งอวัยวะ นำส่งผู้ป่วย หมอรถคือ ช่วยรถติด ช่วยรถที่เสีย ไปช่วยซ่อมเบื้องต้น ในการที่จะเคลื่อนออกจากพื้นผิวจราจรไม่ให้กีดขวางการจราจรในเวลานั้น แล้ว หมอถนน คือไปช่วยโบก อันนี้ก็เรื่องปกติขอจราจรชุดสีน้ำเงิน โครงการพระราชดำริ เนี่ย ไม่มีใบสั่ง ช่วยอย่างเดียวคืองานหลัก  

    ปี58-67นำส่งหัวใจ 89 ดวง

    ในส่วนการช่วยเหลือประชาชนกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน อย่างกรณีการเปลี่ยนหัวใจ จริงๆเขาทำกันมานานแล้ว  ตั้งแต่ปี 2536 ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานกำเนิด  ทำกันเรื่อยมา แต่อาจไม่มีโซเชียลให้รับรู้ว่าการนำส่งอวัยวะหัวใจ เริ่มต้นปี 2558  ถึงปัจจุบันปี 2567 ตำรวจโครงการพระราชดำริ นำส่งอวัยวะหัวใจ 89 ดวง ล่าสุดที่ท่านผู้ช่วยแจง (พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง)ไป คือดวงที่ 89 แต่ที่ผ่านมาสำหรับผมปีที่แล้วสัก 10 ดวง

    เติมเต็มกฎความปลอดภัย

    ถ้าผมว่างเว้นจากงานหลักจะไปช่วยเขา หน้าที่ผมจะไปดูก่อน เพราะผมเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ ขับร่มบิน กระโดดร่ม แอดเวนเจอร์อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญทั้งหมดทั้งมวลคือกฎของความปลอดภัย คือความไม่ประมาท ผมก็ไปสำรวจไปเติมเต็มเขาในสิ่งที่เขาคิดว่าอะไรที่มันประมาท อันตราย เช่น ไปคุยก่อนนะ ให้เขาโชว์ก่อนว่าเขามีความพร้อมยังไง ไปดูรถจักรยานยนต์ 

    ใช้ความเร็วเพราะแข่งกับเวลา

    ผมก็ขี่ ผมบอกเสมอ มีล้อสองล้อ มีเครื่องยนต์ มีเบรก มันมีแค่นี้สิ่งที่มันอันตราย คือเรื่องของยาง เครื่อง เบรก ครัช เราก็ไปเตรียมอุปกรณ์ คนพร้อม ฝึกอย่างดี อบรมอย่างดี จากครูฝึกชั้นนำจากฮอนด้าประเทศไทย บริษัทก็ช่วยเรา เพราะเราออกไปช่วยชาวบ้านเราใช้ความเร็วเฉลี่ย สูงสุด 150-160 เขาเรียกว่า ชุดเคลื่อนที่เร็ว คือ 1.รับโทรศัพท์ผู้ป่วย นำส่งผู้ป่วย หรือไปช่วยเหลือผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยหยุดหายใจ ไปเช็คผู้ป่วยที่ป่วย ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เคลื่อนที่ นำส่ง รพ.อันนี้มันแข่งกับเวลา มันช้าไม่ได้

    มีเวลา4ชม.จากผู้ให้ถึงผู้รับ

    กลับมาที่เรื่องหัวใจ ผ่าออกมาจาก 1 ร่าง ผู้บริจาคนำส่งผู้รับ มีเวลาแค่ 4 ชั่วโมง ผ่าจากคนที่เขามอบให้ หัวใจยังไม่ตาย คือเจ้าของตายแล้วแต่หัวใจยังอยู่ คือรวมวิธีการทั้งหมด ผ่าแรก ลงมีด ตัดเส้นเลือด  ส่งมาถึงเรา มีเวลา 4 ชั่วโมงเท่านั้น หมอมีเวลา 4 ชั่วโมง หมายถึงการทำโอเปอเรชั่น ผ่าตัดทั้งหมด

    ลดเวลาเดินทางเพิ่มเวลาให้หมอ

    ใน 4 ชั่วโมง  ผมมีหน้าที่เคลื่อนย้าย ต้องใช้ความเร็วมากที่สุดเพื่อลดเวลาการเดินทางเพิ่มเวลาให้คุณหมอ มีเวลาผ่าตัดให้มากที่สุด ให้เวลาหมอได้ทำงานมากที่สุด คือเขาจะคำนวณเลย ฝั่งนี้ฝั่งให้ ผ่าแล้วนะ ใส่กล่องแล้วนะ ถึงรถแล้วนะ กดกูเกิลเลย ระยะทางเท่าไหนจะถึงตอนไหน เขาจะเร่งเวลาตรงนี้ ที่จะเสียเวลาเดินทาง อย่างมีเวลา 2 ชั่วโมงจาก 4 ชั่วโมง มันบอกไม่ได้ นั่นคือยกตัวอย่างง่ายๆ เลย  

    มาช่วยทีมไม่ได้มาแย่งซีน

    ถามว่าผมทำอะไร ผมจะดูแล้วให้ขวัญกำลังใจมาเติมเขา พูดกับเขาคำแรก ผมมาช่วย ไม่ได้มาแย่งซีนนะ ผมตั้งใจมาทำให้พวกเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรีในสังคม มีคนรู้จัก พวกคุณทำความดีแล้ว พวกคุณเป็นกลุ่มที่สร้างชื่อเสียงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สังคมแล้ว ไม่ใช่แค่เรา

    ลูก เมีย พ่อ แม่ พี่น้องพวกคุณ ต้องภูมิใจ ในสิ่งที่คุณทำด้วย มันคือเหตุผลที่ใครมาถามผมอย่างนี้  ก็จะพูดให้เครดิตอย่างนี้ว่าตำรวจโครงการพระราชดำริ ทำงานอย่างนี้

    ลูกภูมิใจพ่อเป็นตำรวจช่วยคน

    ให้ประชาชนเขารู้ว่า ตำรวจชุดน้ำเงิน โครงการพระราชดำริ ช่วยคนอย่างเดียว ทำความดีอย่างเดียว ไม่มีใบสั่ง เขาเป็นตำรวจโครงการพระราชดำริ ลูกเขารู้ว่าพ่อเป็นตำรวจโครงการพระราชดำริ เวลาไปโรงเรียน เพื่อนเขาจะต้องบอกว่า พ่อเจ๋งว่ะ

    30นายสร้างชื่อหน่วยยิ่งใหญ่

    แต่อย่างที่บอก เขาทำของเขามาอยู่แล้วแต่อาจจะทำในมุมเงียบๆ กำลังเขาจะแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดเคลื่อนที่เร็ว 15 คน ชุดช่าง 15 คน  เป็น 30 แต่ 2 ชุดนี้จะรวมกัน เวลาออกไปปฏิบัติหน้าที่ เวรหนึ่ง 15 คน แบ่งครึ่งๆ ทั้ง กก.มี 150 คน  คิดดู 150 คน มีคนที่ทำงานเรื่องนี้ ที่เด่นๆ ช่วยชาวบ้าน 30 คน เท่านั้น ข่าวทั้งหมดทั้งมวลออกมาจาก 30 คน เดิมน้อยกว่านี้อีก

    ถามว่า 30 คนนี้ ไม่ได้รีครูทนะ ใครมายกมือขึ้นจะมาๆ เดิมมันน้อย พอผมมาอยู่ ผมไปขายของ บอกว่า เฮ้ย กูมานะ รู้จักกูนี่ดีนะ เราก็ดูแลเขา แล้วบอกว่าให้เขามีตัวตน มีหน้ามีตาในสังคม

    เริ่มมีเด็กใหม่ อยากทยอยมาอยู่ นี่คือ 1 ปี ที่ผมสร้างขึ้นมาให้เข้มแข็ง มันเป็นแบบนี้ครับ

    ฝึกอบรมจากหมอ-ผู้เชี่ยวชาญ

    บางคนเขาจะมองว่า ตำรวจไม่ใช่หมอ ไม่ใช่พยาบาล แล้วมาทำคลอดได้ยังไง เราไม่อยากให้คนที่อยู่ในสายงานมาดูถูกว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องแล้วเรามายุ่ง ดังนั้นเราต้องประกาศว่า ผมเรียนมากับหมอนะ เรียนมากับผู้เชี่ยวชาญนะ มีใบประกาศนะ

    ไม่ได้ทำมั่วซั่ว

    ไม่ใช่อยู่ดีๆ เฮ้ยจะคลอดแล้ว ไม่ไป รพ.ไม่ใช่ ลำเลียงระหว่างทาง หรือประเมินแล้วว่า ปากช่องคลอดเปิดแล้ว เท่านั้นเท่านี้ไปไม่ทันถึง รพ.แน่ ฉันทำได้ ไม่ใช่ว่าไปถึงจะทำเลย เบื้องต้นคือจะพาไปส่ง รพ.แล้วไม่ให้ติดเชื้อก่อน ให้แม่ปลอดภัยก่อน จะประเมิน นั่นคือสิ่งที่เราเรียนมา

    บ่อยๆคือเคสทำคลอด

    แต่ถ้าไม่ไหวแล้วปากช่องคลอดเปิดเกินเหรียญบาทแล้ว  อุปกรณ์เรามีทุกคน  ช่วยเขายังไง ทำยังไง เอาเด็กออกมาตัดสายอย่างไร ทำให้ไม่ติดเชื้ออย่างไร ดูก้นลูกเขา มีปฏิกิริยายังไง ดูดน้ำคร่ำออกจากคออย่างไร ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ทำเป็น เสร็จรีบนำส่ง รพ.ให้ถึงมือแพทย์ นี่คือหน้าที่การทำคลอด

    ที่เจอบ่อยๆ ก็คือ ทำคลอด เจ็บป่วยทั่วไป อุบัติเหตุ

    ทำซีพีอาร์ อีกอย่างหนึ่ง คนทั่วไปคิดว่า เจอปุ๊บคนหมดสติ ทำซีพีอาร์ ไม่ มันมีหลักการของมันอยู่ เช็คแล้ว การทำซีพีอาร์ หมายถึงคนไข้ คนป่วยไม่หายใจ ไม่มีชีพจรแล้ว ก็ทำยังไง จับคอ เช็คชีพจร ปั๊มหัวใจ การใช้เครื่องเออีดี นี่แหละครับ

    1 คนรู้หลายคนรอด

    แต่ผมมองว่า ต้องสอนคนของเราก่อนเรื่องการปฐมพยาบาล การทำซีพีอาร์  เสร็จแล้วจะขยายออกไป จะไปตามสวนสาธารณะ ไปสอนกันก่อน เพราะรุ่นใหญ่ อากง อาม่า  มีเครื่องเออีดี ตั้งอยู่ แต่ไม่มีใครใช้เป็น แล้วไม่กล้าใช้ จริงๆมันง่าย   เราจะทำอย่างนี้ 1 คนรู้ หลายคนรอด โดยตำรวจโครงการพระราชดำริ

    รับบางนายไม่มีความรู้ช่วยคน

    แต่ประเด็นคือเราปูไปว่า ตำรวจเราเองจะต้องทำเป็นก่อน จราจรทางด่วน มีคนหมดสติ ออกมาแล้ว ไปชาร์จไปเช็คก่อน ทำได้ 30 วินาที หรือ 1 นาที มีค่า ออกซิเจนมีค่ามาก เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง  ถ้าเราทำเป็นเราเซฟเขาได้ก่อน รถพยาบาลมาปั๊บก็ไป นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง เป็นตำรวจไม่รู้เรื่องพวกนี้ไม่ได้

    ก็ยอมรับ  ตำรวจบางคนที่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็มีเยอะ ทำไม่เป็นก็มีเยอะ งกๆ เงิ่นๆ ไปเกะกะเขาอีก แต่จริงๆ คือ เขาไม่รู้ ไม่มีใครไปบอกเขา ไม่มีใครกล้าไปทำให้เขามีองค์ความรู้ ก็เลยไม่กล้าทำ กลัวทำผิด แล้วจะมาสอบกูอีก

    เป็นนายไม่ใช่สั่งอย่างเดียว

    กลับมาเรื่องเดิม ตอนอยู่กับลูกน้องที่เป็นสืบ อยู่ภาคสนามก็คลุกคลีตีโมงกับเขา งานถึงออก เช่นเดียวกัน เป็นนายเขาก็ลงไปดูอยู่กับเขา  ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว ลงไปดู  วันนั้น ผู้ช่วยแจง มา ตรวจเยี่ยมกก.6 จังหวะมีภารกิจนำส่งหัวใจพอดี ไม่ได้มีทุกวัน อยู่ดีๆแกโผล่มาเลยบอกว่า ตอนนี้ลูกน้องไปรับหัวใจ รับต่อจากทางหลวง

    แกบอกว่า พี่ไปด้วย ทันรึเปล่าวะ ถ้าพี่อยากรู้ใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไป ก็รอตรงยมราช แซงซ้าย แซงขวา มุดเลนอะไรอย่างนี้ แกถึงรู้ว่า อ๋อ เด็กมันทำกันอย่างนี้นี่หว่า มันอันตราย

    ”ผู้ช่วยแจง“ช่วยหางบซ่อมบำรุง

    รองไมค์หัวเราะก่อนกล่าวต่อ

    ก็เลยได้ที พอระดับ ตร.มา ก็เลยบอกว่า ขาดอย่างนี้ๆครับ เครื่องมือสื่อสาร การพูดคุยเพื่อความปลอดภัย  การบำรุงรักษาตามวงรอบสำหรับรถพวกนี้ มันใช้ความเร็ว เบรกหมดเร็ว ยางสึกเร็ว แล้วแต่ละคันมันหลักหมื่น เพราะเป็นรถใหญ่ แกก็ว่า เออๆ เดี๋ยวพี่หางบมาให้ มาช่วยกัน แกก็เข้าใจมากขึ้น 

    เด็กๆมีความสุขในการทำงาน

    เหมือนกัน ผมเป็นรองผู้การ ไปนั่งคุย ไปนั่งดู เขาบอกไม่เคยมีรองผู้การคนไหนไป จะมีก็สมัยก่อน พี่ปิ่น-พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์  เป็นผู้การจราจร ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ ก็เข้าใจ  จะลงมาดู   ตอนผมเป็น ผกก.ก็เหมือนกัน ชอบเรื่องพวกนี้ก็ลงไปดูด้วย เด็กมันจะแฮปปี้ พอเขาแฮปปี้ เขาจะมีความสุขในการทำงานเพื่อสังคม เขาไม่รับ เราไม่รับ ให้ก็ไม่เอา เดินหนี มันก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ คือพวกเราก็ขอบคุณ

    ภูมิใจในชุดสีน้ำเงิน           

    ทุกวันนี้สังคมรู้จักเยอะ ผมบอกลูกน้องเสมอว่า 1.ภารกิจสำเร็จ พวกเราต้องปลอดภัย 2.เราจะไม่ติดดีเกินไป  คือพอมันมีคนมาชมเยอะๆ มันจะติดดี จะลอย จะโอหัง เราจะทำปิดทองหลังพระของเราไปเรื่อยๆ

    จริงๆ เราก็ ไม่ได้อยากสร้างซีนอะไรกับใคร  แต่คือเราทำเรื่องนี้  ผมมาตรงนี้ มาให้พวกคุณมีตัวตน มีศักดิ์ มีศรี ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อตัวคุณเอง และครอบครัวคุณด้วย แต่งตัวออกไปทำงาน ใส่บูท ใส่เสื้อสีน้ำเงิน ตำรวจโครงการพระราชดำริ ภูมิใจในหน้าที่

    เตือนอย่าติดดีเกินไป           

    แต่ก็อย่าติดดี เกินไป อย่าไปแย่งชิงกัน เราไม่ใช่มูลนิธิ เราเป็นตำรวจ  ไม่ใช่อาสากู้ภัย เราเป็นตำรวจของเราอยู่แล้ว ยิ่งคุณคาดอกว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ มันยิ่งใหญ่มาก มันแบกไว้เยอะนะ ต้องดำรงตนด้วยความไม่ประมาท ดำรงตนด้วยสติ ทำอะไรก็ต้องคิด

    เอาประสบการณ์จ่อทำเชิงรุก

    ตอนนี้ผมกำลังทำเชิงรุกอยู่ว่า เราเคยอยู่ภาคสนาม ตำรวจที่ประสบเหตุก่อน ส่วนใหญ่คือตำรวจจราจร แต่เพราะเขาอยู่ตามท้องถนนตลอดเวลา แต่เขาไม่กล้าทำ เพราะเขาไม่มีองค์ความรู้  อันนี้เรื่องจริงทุกเรื่อง คนร้ายหลบหนี ก็ต้องก้าวสกัดจับโดยตำรวจจราจร 

    แล้วมึงจะระงับเหตุยังไง ยับยั้งเหตุนั้นยังไง หรือหยุดยั้งคนร้ายยังไง ถามว่าตำรวจจราจร มีการฝึกใช้อาวุธไหม น้อยมาก ผมกำลังเขียนโครงการ อันนี้เป็นซีซั่น 2 ของผม คิดว่าจะต้องทำเชิงรุก นะครับ แต่เรื่องการใช้อาวุธยังอีกไกล

    นี่คือวิสัยทัศน์ของ“รองไมค์-พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์“นายตำรวจหนุ่มนักสืบที่เปลี่ยนสายงานมาอยู่จราจร แล้วได้รับผิดชอบทำงานที่ถูกจริตถูกสไตล์ไลฟ์ชีวิต ได้คุยภาษาเดียวกันกับลูกน้องเติมเต็มให้กับลูกน้อง

    ชื่นชมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริครับ…

    เฮียเก๋18/2/67

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments