หนาวนี้ชวนสัมผัสไอหมอก ยลเสน่ห์เหมืองเก่า ‘บ้านอีต่อง’
ทริปสนุกเริ่มต้นอีกครั้ง ในรูปแบบผจญภัยพอประมาณให้เลือดลมได้สูบฉีด ความตื่นเต้นกระตุ้นสารอะดรีนาลีนในร่างกายให้ทำงาน
ด้วยระยะทาง 360 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้า บ้านอีต่อง
หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาที่โอบล้อมด้วยหมอก แห่ง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมืองแห่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต
ความหฤหรรษ์จะอยู่ที่เส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยวประมาณ 20 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงบ้านอีต่องนี่ล่ะ
ตั้งแต่ทางขึ้นเขามีคนใช้ความพยายามนับโค้งได้ 399 โค้ง ส่วนหลุมบ่อเนื่องจากน้ำกัดเซาะไหล่ทางและถนน เราคาดว่าน่าจะมีประมาณ1,000 หลุมเห็นจะได้
แม้ถนนจะไม่ลาดชันจนถึงขนาดรถยนต์ขึ้นไปไม่ได้ แต่ที่ทำให้ใจเต้นตูมตามก็คือ มองจากรถออกไปด้านข้างเป็นเหวลึก ให้ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง
สารภาพว่าแม้จะเป็นเพียงผู้โดยสารที่มีฝาชีเสียสละขับรถให้ แต่ผู้โดยสารคนนี้ก็นั่งเกร็งตลอดทางจนรู้สึกเหนื่อย 55
ระหว่างทางขึ้นเขา มีป้ายบอกทางชัดเจน ทั้ง ทางช้างผ่าน ไหล่ทางชำรุด กำลังซ่อมแซ่มเส้นทาง ทางคดเคี้ยว ซึ่งเห็นบ่อยมาก เพราะคดเคี้ยวมาก เราเรียกกันเล่นๆว่าทางงู เพราะเลื้อยเป็นงูกันเลยทีเดียว
ระยะทางขึ้นเขาเพียงแค่ประมาณ 20กิโลเมตร เราใช้เวลาขับเกือบ 2 ชั่วโมง
บอกก่อนว่าระหว่างทางไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต กดจีพีเอสไม่ได้ กูเกิลแมปนิ่งสนิท
แต่โชคดีที่ไม่มีทางแยกย่อย แค่อดทนและตั้งใจขับด้วยความระมัดระวังไปตามถนน สักพักใหญ่ๆก็ถึงเองค่ะ
ก่อนถึงบ้านอีต่อง จะพบจุดชมวิว กม.15 สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั้งฝั่งตะวันออก คือวิวอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) และฝั่งตะวันตก
มีลานกางเต็นท์ และห้องน้ำไว้บริการ จุดนี้วิวสวยมาก พลาดไม่ได้สำหรับการถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ
หลังเดินเก็บภาพจนครบทุกมุม รีแล็กซ์กับวิวมุมสูงแล้ว ก็ขับขึ้นเขาไปกันต่อค่ะ สักพักก็ถึงที่หมาย บ้านอีต่อง ที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์ 4G ลื่นปื๊ดทางสะดวกเลยค่ะ
หมู่บ้านอีต่อง เป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ติดชายแดนไทย–พม่า ที่นี่มีหมอกและฝนเรียกว่าแทบจะ 24 ชั่วโมงเลย
โดยเฉพาะหน้าฝนพกหมวกกับร่มเอาไว้ ได้ใช้แน่นอนค่ะ
หลังจอดรถขณะกำลังเดินเข้าที่พัก เราได้ยินชาวบ้านพูดว่า มาที่นี่ไม่ต้องกลัวฝน คือ ชาวบ้านเขาชินกันอะค่ะ
แต่สำหรับคน กทม.ที่ไม่คุ้นชิน ออฟชั่นจึงพร้อมมากบอกเลย ข้อดีของหมวกกับร่มคือช่วยเสริมให้การถ่ายรูปมีสีสันมากขึ้นค่ะ
หมู่บ้านอีต่อง ในอดีตกว่า 30 ปีก่อน เคยเป็นเมืองทำเหมืองที่รุ่งเรืองมาก เช่น เหมืองปิล๊อก เหมืองสมศักดิ์
แต่หลังจากที่เหมืองปิดตัวลงไป ชาวบ้านทั้งคนไทยและคนพม่าที่ลงหลักปักฐานที่นี่ก็ยังคงอาศัยอยู่ตามเดิมจนถึงปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มาสัมผัสไอหมอก ชมเสน่ห์เหมืองเก่า
ทริปนี้เราอยู่ที่ บ้านอีต่อง 3 วัน 2 คืน ที่พักที่นี่จะมีทั้งวิวริมอ่างเก็บน้ำ และวิวภูเขา เราอยากสัมผัสทั้ง 2 แบบ
คืนแรก เราเลือกพักที่ Love ปิล๊อกโฮมสเตย์ กับวิวยอดฮิต ริมอ่างเก็บน้ำ คืนที่สองเราเลือกพักที่ Pilok Hill House วิวภูเขา
ทั้ง2ที่บริการดี เป็นกันเอง และอบอุ่นเหมือนกัน อากาศเย็นสบายเหมือนกัน ใครชอบวิวแบบไหน ก็เลือกพักได้ตามชอบเลยค่ะ
หลังเช็กอินเก็บกระเป๋าเสร็จสรรพ เราก็พากันออกเดินสำรวจหมู่บ้านอีต่อง เป็นหมู่บ้านเล็กๆพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงกลางเป็นอ่างเก็บน้ำ
ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาทีก็ทั่วหมู่บ้านแล้วค่ะ ชาวบ้านที่นี่ดูเป็นมิตรมากตามถนนมีร้านรวงตกแต่งน่ารักหลายร้าน เป็นพร็อพถ่ายรูปสวยเลยค่ะ
ทั้งร้านขายของฝาก ร้านกาแฟสด มีตลาดเล็กๆขายอาหาร เสื้อผ้าพื้นเมือง และสินค้าเฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้
รวมทั้งแลนด์มาร์คประจำหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวจะมาเขียนข้อความบนป้ายไม้ที่ซื้อมาจากตลาดและนำมาคล้องไว้บนราวสะพาน
ได้ฟีลลิ่งเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าเราเคยมาด้วยกันแล้วนะแต่ละจุดเราเดินถ่ายรูปกันเพลินเลยค่ะ
ในใจยังแอบคิดว่า อากาศดี สถานที่น่าอยู่แบบนี้ 3 วัน 2 คืน น้อยไป น่าจะพักสัก 3-4 คืนท่าจะดี^^
เข้าหน้าหนาวแล้ว ชวนมาสัมผัสไอหมอก ที่บ้านอีต่อง เหมืองแร่ปิล๊อก สักครั้ง ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ปร์วีร์25/10/63