Friday, June 6, 2025
More
    HomeUncategorizedตม.จับ2คดีสำคัญหนุ่มจีนโกงพันล.-รวบ3ไต้หวันบอสคอลเซนเตอร์

    ตม.จับ2คดีสำคัญหนุ่มจีนโกงพันล.-รวบ3ไต้หวันบอสคอลเซนเตอร์

    วันที่5มิ.ย.68 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม.,

    พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหลรอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก. สส. สตม.,พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หน.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

    ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

    1. สืบ ตม. จับผู้ต้องหาชาวจีนเพื่อส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
    กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายตง  อายุ 55 ปี ชาวจีน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 525/2568 ลงวันที่ 19 พ.ค.2568 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน นำไปซึ่งเงินฝากสาธารณะอย่างผิดกฎหมาย(ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) หลังจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 14 ต.ลี้ อ.ลี้ จว.ลำพูน

    สืบเนื่องจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย  มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศแจ้งการร้องขอให้ทางการไทยจับกุมนายตง ชาวจีน เพื่อส่งตัว
    เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดี

    ฐานนำไปซึ่งเงินฝากสาธารณะอย่างผิดกฎหมาย ความเสียหายกว่า 339 ล้านหยวน(กว่า 1,542 ล้านบาท) และเป็นบุคคลที่องค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE)

    ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ  ยื่นคำร้องขอให้ออกหมายจับชั่วคราวต่อศาลอาญา และส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม

    จากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม. พบว่า นายตง เข้ามาในประเทศไทยโดยมีถิ่นพำนักอยู่ใน จว.ฉะเชิงเทรา เมื่อรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่คอยสืบสวนติตตาม  ได้หลบหนีไปที่หมู่ 14  ต.ลี้  อ.ลี้ จว.ลำพูน แต่ในที่สุดถูกจับกุมได้เบื้องต้น ไม่ยอมให้การใดๆชุดจับกุมนำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ  ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551ต่อไป

    2. รวบ 3 บอสคอลเซ็นเตอร์ไต้หวันคาสนามบิน

    ด้วยวันที่ 3 มิถุนายน 2568 บก.สส.สตม. ได้รับประสานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ  บช.ทท. กรณีตรวจพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติไต้หวัน  3 คน ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือ19 เครื่อง ผ่านเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางเครื่องแสกนสัมภาระของสนามบินสุวรรณภูมิ

    เมื่อตรวจสอบภายในสัมภาระเบื้องต้นพบว่า โทรศัพท์มือถือทั้ง 19 เครื่อง เชื่อมโยงทางบัญชีทางการเงินของผู้ต้องหาที่หลอกลวงให้ผู้เสียหายในประเทศไทยโอนเงิน โดยตรวจพบหมายเลขบัญชีจากโทรศัพท์มือถือตรงกันกับบัญชีผู้ต้องหาในเคสไอดีแจ้งความออนไลน์กับระบบ thaipoliceonline ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้หลายท้องที่ ทั้งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาค 6

    มีรูปแบบการหลอกลวง เป็นลักษณะหลอกลวงขายของทางออนไลน์, หลอกเติมเงินทางออนไลน์,หลอกลวงแลกเงินออนไลน์ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้วก็ไม่ได้มีการส่งของหรือเติมเงินให้กับผู้เสียหาย พบความเสียหายกระจายวงกว้างในหลายพื้นที่ เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายกว่าหลักแสนบาท

    จากการตรวจสอบในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่าบุคคลต่างด้าวทั้งสามราย ไม่เคยเข้ามาในประเทศไทยมาก่อน และพบว่ามีประวัติอาชญากรรมจากประเทศไต้หวัน  เป็นความผิดฐานฉ้อโกงฟอกเงินและเล่นการพนัน บก.สส.สตม. จะขยายผลความเชื่อมโยงทางการเงินไปยังผู้ต้องหารายอื่นเพิ่มเติมต่อไป

    โดย ผบก.สส.สตม.ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ทั้ง 3 ราย เนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมฯ จากนั้นควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ดำเนินการตามกฎหมาย และประสานงาน
    ไปยังท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments