Thursday, December 26, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันตม.โชว์จับชาวต่างชาติกระทำความผิด3คดี

    ตม.โชว์จับชาวต่างชาติกระทำความผิด3คดี

    วันที่10 เม.ย.67 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักด์ิ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม.

    ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ ดังนี้
    1. สตม. ตามเช็คบิลสามีภรรยาฟิลิปปินส์หัวใสลอบส่งออกกัญชา พบอยู่เกินคนละกว่า 9 ปี

    กก.สส.บก.ตม.1 จับกุมนายโจ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี  และนางแมรี่ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ทั้งคู่เป็นชาวฟิลิปปินส์ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตส้ินสุด นำตัวส่ง สน.ประเวศ ดาเนินคดีตามกฎหมาย  จับกุมได้ที่ทาวน์โฮมย่านซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวงประเวศ เขตประเวศกรุงเทพฯ

    หลัง ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับการประสานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากหน่วยงานความมั่นคงประเทศฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับการจับกุมกัญชาอบแห้งล็อตใหญ่ถูกตรวจพบโดยสานักงานศุลกากร ในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปลายเดือน ก.พ. 2567 ซึ่งสาหรับกัญชาอบแห้งนั้น  เป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศฟิลิปปินส์ และมีมูลค่าสูงมาก โดย standard street price ของกัญชา ดังกล่าวเมื่อถูกลาเลียงถึงประเทศฟิลิปปินส์จะมีมูลค่ามากถึง 1,200 เปโซต่อกรัม หรือประมาณ กรัมละ 975 บาท (รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท)

    ต้นทางของกัญชาที่ถูกตรวจยึดดังกล่าวมาจากบริษัทขนส่งพัสดุแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ซ่ึงตั้งอยู่ในย่านท่ีมีชาวฟิลิปปินส์พักอาศัยอยู่มาก ชุดสืบสวนจึงได้เริ่มลงพ้ืนที่หาข่าวเกี่ยวกับบริษัทขนส่งในบริเวณ ดังกล่าวเรื่อยมา

    ต่อมาในช่วงเดือน มี.ค.2567 กก.สส.บก.ตม.1 ได้ข้อมูลผู้นาส่งพัสดุล็อตดังกล่าว คือสองสามีภรรยาชาวฟิลิปปินส์ เมื่อตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบไบโอเมตริกซ์แล้วพบว่าทั้ง 2 ราย อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตส้ินสุดแล้วกว่า 9 ปี (3,198 วัน และ 3,669 วัน ตามลาดับ) จึงได้สืบสวนหากระทั่งจับกุมได้

    2.รวบหนุ่มแดนโสมส่งยาเสพติดออกนอกประเทศ overstay 11 ปี

    บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานตำรวจสากลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ รับแจ้งจากสายลับมีชายชาวเกาหลีไต้ ก่อเหตุลักโทรทัศน์ใต้ คอนโดมิเนียมที่ชายชาวเกาหลีไต้นั้นเช่าพักอาศัยแล้วนำไปขายผู้เสียหายแจ้งความไว้แล้วที่ สน.พระโขนง

    สืบสวนพบว่าชายชาวเกาหลีใต้ราย ดังกล่าวคือ นายลี อายุ42ปี ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้วเป็นเวลา 4,004 วัน และเข้าพักอาศัยอยู่ที่ โรงแรมย่านสุขุมวิท ซอย 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ก่อนเข้าตรวจสอบและจับกุม

    จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายลี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการเกาหลีใต้ในความผิดฐาน “ขนส่งยาเสพติดข้ามชาติ” โดยได้ขนส่งยาเสพติด  500 กรัม เข้าประเทศเกาหลีใต้ ผ่านทางกล่องพัสดุ และยัง เป็นภัยความมั่นคงต่อสาธารณรัฐเกาหลีใต้  เป็นบุคคลที่องค์การตารวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) อีกด้วย

    3. สืบ ตม. ตะครุบแก๊งผิวสีหลอกขายทองคำอาศัยทีเผลอแอบสลับเงินปลอม กว่า 1.1 ล้านบาท

    กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมและเพิกถอนวีซ่า นายคานู (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ชาวเซียร์ราลีโอน ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.129/2567 ลงวันที่ 5 ก.พ.2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทาความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป นำตัวส่ง  สน.ลุมพินี ดาเนินคดี   จับกุมได้ที่ คอนโดย่าน อโศก – รัชดา (พระรามเก้า) ถนนอโศกดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พร้อมกับ เพิกถอนวีซ่าของนายซีเซ่ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ชาวไลบีเรีย ดาเนินการตามกฎหมาย

    ก่อนนี้ กก.1 บก.สส.สตม.ตรวจพบสกู๊ปข่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายร้องเรียนว่า ถูกแก๊งคนต่างชาติชาวผิวสีหลอกให้ลงทุนซื้อขายทองคำ แล้วถูกแอบสลับเงินนำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมมาแทน สูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท  

    ได้ประสานขอข้อมูลจากผู้เสียหายทราบว่าคดีนี้เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.67 ผู้เสียหายและเพื่อนได้มีการติดต่อซื้อขายทองคำกับ ชายชาวผิวสี ทราบชื่อคือนายเควินและนายซีเซ่ โดยนายซีเซ่ แจ้งว่ามีทองคำเม็ดเล็ก ๆ ต้องการจะขายให้กับ ผู้เสียหาย ต่อมาวันที่ 18 มกราคม 2567 ผู้เสียหายพร้อมด้วยสามีผู้เสียหาย และเพื่อนหญิงชาวไทย ได้ขอเม็ดทองไปตรวจสอบ โดยนายเควิน นายซีเซ่ และนายคานู (ทราบชื่อภายหลัง) ร่วมไปด้วย

    โดยนายคานูได้ให้เม็ดทองมา 15 เม็ด นำไปตรวจสอบที่โรงหลอมทอง ผลเป็นทองคำจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงร่วมลงทุนซื้อขายกันที่ กก. ละ 34,700 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้เสียหายจึงได้ไปแลกเงินเพื่อเตรียมซื้อขาย

    ต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2567  นัดกันไปส่งมอบเม็ดทองที่โรงแรมย่านสุขุมวิท 11 โดยได้แบ่งเงินไว้ที่ผู้เสียหาย 3,500 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นค่านายหน้าให้กับผู้แนะนำ ส่วนสามีผู้เสียหายได้นำเงิน 31,200 ดอลลาร์ สหรัฐ ไปให้นายคานูตรวจนับในห้องที่เกิดเหตุผู้เสียหายขอให้นำเม็ดทองทั้งหมดไปตรวจสอบก่อน จึงจะมอบเงินให้

    นายเควิน และนายคานู ทำท่าทีไม่พอใจพูดจาโต้เถียงกับสามีผู้เสียหาย จนกระทั่งสามีผู้เสียหายเผลอ  แอบสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐปลอมที่เตรียมมากับเงินดอลลาร์สหรัฐจริงของผู้เสียหาย จากนั้นทำทียอมไปตรวจสอบเม็ดทองที่โรงหลอม  สามีผู้เสียหายจึงได้เก็บเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยน ไปแล้วใส่กระเป๋าสะพาย แล้วพากันไปขึ้นรถผู้เสียหาย

    เมื่อขับรถออกไปได้สักระยะ นายเควิน และนายคานู ออกอุบายลงจากรถไปซื้อกาแฟแล้วได้หายตัวไป กลุ่มผู้เสียหายจึงเริ่มสงสัยและได้นาเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยนแล้ว ไปแลกที่ซุปเปอร์ริช จึงทราบว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินปลอม จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ต่อมา

    ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วม กระทาความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป จานวน 2 ราย กก.1 บก.สส.สตม.จึงได้สืบสวนจับกุมนายคานู และนายซีเซ่  นำตัวส่ง .สน.ลุมพินี และ เพิกถอนวีซ่าดังกล่าว ส่วนนายเควิน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว

    จากการสอบถามนายคานูยอมรับว่า ได้ร่วมกันกับ นายซีเซ่ และนายเควิน เพื่อนชาวผิวสี ชักชวน หลอกลวงให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อขายทองคำจริง หลังจากได้เงินดอลลาร์จากผู้เสียหายแล้ว ได้นาเงินมาแบ่งเท่าๆกัน

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments