สตม.ตามรวบหนุ่มฟิลิปปินส์ ชีวิตติดหรูวางอุบายแสบตระเวนชักดาบโรงแรม 5 ดาวกลางกรุงหลายแห่งเสียหายหลายแสน
วันที่1พ.ค.68 มีรายงานเมื่อวันที่25 เม.ย.68ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม, พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผู้บังคับการ ตรวจคนเข้าเมือง 1 พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รองผู้บังคับการฯ รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กทม.
สั่งการ ว่าที่ พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รองผู้กำกับการสืบสวนฯ พร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ และ พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมกำลัง
จับกุมนายเลโอนาร์โด เฮอร์นันเดซ (นามสมมติ) ชาว ฟิลิปปินส์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ฐาน “โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ”จับได้ที่มหาวิทยาชัยแห่งหนึ่งย่านรังสิต
ก่อนนี้ช่วงเดือนธันวาคม 2567 ผู้จัดการโรงแรมชื่อดังระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน ถูกชายชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งก่อเหตุหลอกพนักงานโรงแรมเข้าพักโดยไม่ชำระค่าที่พักและอาหาร
แผนประทุษกรรมคนร้ายมีความแยบยล จองห้องพักผ่านช่องทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มชื่อดัง 4 – 5 คืน ขั้นตอนการจองจะกรอกเลขบัตรเครดิตไว้ ระบบจะหักเงินจริงเมื่อมีการนำบัตรมารูดชำระที่โรงแรม
ทุกครั้งที่จอง คนร้ายจะเลือกจองห้องพักพร้อมรถลิมูซีนรับจากสนามบิน 2 คัน แจ้งว่าจะพักอาศัยกับบิดา โดยรายละเอียดการจอง จะให้รถลิมูซีนคันแรกมารับตัวคนร้ายก่อน ส่วนรถอีกคันจะระบุให้มารับบิดาของคนร้ายในอีกวันหนึ่ง
จากนั้นคนร้าย ซึ่งสืบสวนภายหลังทราบว่ามิได้เดินทางลงจากเครื่องบินเข้ามาในประเทศ เนื่องจากพักอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วแต่แสร้งโดยสารรถสาธารณะไปขึ้นรถลิมูซีนจากสนามบิน เพื่อมาเช็คอินตามที่จองไว้
เมื่อถึงโรงแรมได้ลงทะเบียนเข้าพักออกอุบายว่าเอกสารหนังสือเดินทางและเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่คนเป็นพ่อ อยู่รถคันที่ 2 ที่จะตามมา ขอให้โรงแรมอนุญาตให้พักและกินใช้ก่อนส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนเป็นพ่อจะเป็นคนชำระเอง
ทั้งนี้คนร้ายฉวยโอกาสจากมาตรฐานการบริการลูกค้าของโรงแรมระดับชั้นนำ เมื่อโรงแรมตรวจสอบในระบบพบว่ามีการจองรถคันที่ 2 ไว้อีกวันหนึ่ง จะต้องไปรับแขกอีกท่านมาที่โรงแรมจริง จึงหลงเชื่อยอมให้เข้าพัก
เมื่อคนร้ายได้รับอนุญาตให้เข้าพัก จะสั่งอาหาร และใช้บริการ room service ต่างๆของโรงแรมอย่างเต็มที่ ระบุให้ลงบิลค่าใช้จ่ายรวมเข้ากับค่าห้องพัก
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าในการก่อเหตุบางแห่ง จะมีการชักชวนเพื่อน 2-3 คน มาร่วมรับประทานอาหารและสังสรรค์ในห้องพักด้วย กระทั่งถึงกำหนดวันและเวลาที่แจ้งว่ารถลิมูซีนคันที่ 2 ต้องมารอรับบิดาของคนร้ายจากสนามบิน ก็ไม่ปรากฏพบบิดาตามที่แจ้ง ในเช้าวันถัดมา
เมื่อทางโรงแรมเข้าทำความสะอาดก็ไม่พบทรัพย์สินของมีค่าของคนร้าย และไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ในทุกช่องทาง โรงแรมได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์
ต่อมาช่วงต้นปี 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองชุดสืบสวน รับรายงานพบเหตุลักษณะเดิมอีกครั้งที่โรงแรมย่านการค้าธุรกิจ กรุงเทพมหานครชั้นใน
ล่าสุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบความผิดลักษณะดังกล่าวที่โรงแรมหรูในย่านชิดลม เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นแผนการและกลอุบายของคนร้ายคนเดียวกัน ที่ตั้งใจก่อเหตุซ้ำๆ หลายท้องที่ หลายช่วงเวลา แต่มีแผนประทุษกรรมคล้ายกันทั้งหมดจึงวางแผนสืบสวนจนจับกุมคนร้ายซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยดังกล่าวไว้ได้ จากนั้นนำตัวส่ง สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป