ตำรวจทางหลวงอุบลจับหนุ่มหัวใส ใช้ป้ายทะเบียนแดงปลอมวิ่งตบตาเจ้าหน้าที่ ทั้งๆที่มีป้ายจริงซุกซ่อนในตัวรถ เจ้าตัวอ้างทำเพื่อความเท่ห์ แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ คาดหลบเลี่ยงใบสั่ง หรือทำผิดอย่างอื่น พร้อมฝากเตือนประชาชนใช้เอกสารราชการปลอมมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี
วันที่20 ก.ย.2566) เวลาประมาณ 17.10 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป รรท.ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิยะบุตร รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.(ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผบก.ทล.), พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป ผกก.6 บก.ทล., พ.ต.ท.จิรพันธุ์ รุจิระกุล รอง ผกก.6 บก.ทล., พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง รอง ผกก.6 บก.ทล. รรท.สว.ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล.
สั่งการให้ ร.ต.อ.ณรงค์ สมเสนาะ รอง สว.ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล. พร้อมเจ้าพนักงานตำรวจ ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล. ตั้งจุดตรวจ บริเวณ ทล.24 กม.352 ต.ทุ่งเทิง อ.เดชอุดม จว.อุบลราชธานี เพื่อจับกุมคดีอาญาในพื้นที่รับผิดชอบ
พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ยี่ห้อเชพโลเลต รุ่นโคโรลาโด สีเทา (วิ่งจาก อ.กันทร ลักษ์ จว.ศรีสะเกษ มุ่งหน้า อ.เดชอุดม จว.อุบลราชธานี) ต้องสงสัย ลักษณะคล้ายรถแต่ง ใช้มานาน แต่กลับติดป้ายแดง
ตำรวจเรียกตรวจสอบพบ นายเอกชัย เป็นผู้ขับรถคันกล่าว ตรวจสอบข้อมูลพบว่าจดรายการเป็น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ เชพโลเลต รุ่นโคโรลาโด สีเทาทะเบียน งต 2937 นคราชสีมา ไม่ตรงกับการติดแผ่นป้ายทะเบียนสีแดงหมายเลข ร-2115 กรุงเทพมหานคร
ส่วนแผ่นป้ายทะเบียน(ป้ายแดง) ทะเบียน ร-2115 กรุงเทพ เป็นแผ่นป้ายปลอม น่าเชื่อว่านาย เอกชัย ฯ มีเจตนาทำให้ประชาชนคนอื่นหลงเชื่อว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถใหม่ที่ยังใช้กับเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดง)
สอบถามนาย เอกชัย ฯให้การว่าเป็นคนนำป้ายทะเบียน(ป้ายแดง)มาติดรถคันดังกล่าว ซึ่งได้มาจากรถอีกหนึ่งที่นายเอกชัยฯ ครอบครองและใช้งานอยู่ ได้นำป้ายทะเบียน(ป้ายแดง) มาใช้ประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ทำไปเพื่อความเท่ห์ เป็นรถใหม่
แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคาดว่าเจ้าตัวต้องการหลบเหลี่ยงใบสั่ง หรือ ความผิดอย่างอื่นจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นาย เอกชัย ฯ ทราบว่ามีความผิดฐาน “ใช้เอกสารทางราชการปลอม ตามมาตรา 268” นำตัวส่ง พงส.สภ.เดชอุดม เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ตำรวจทางหลวงอุบลราชธานี ฝากเตือนประชาชนใช้ป้ายทะเบียนปลอม เป็นความผิดอาญามีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี ซึ่งตำรวจทางหลวงได้ทำการกวดขันจับกุมต่อเนื่องตามนโยบาย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป รรท.ผบก.ทล.