ตำรวจบุรีรัมย์ ตามเจอแล้วสาวเบี้ยวยืดผมพันห้า อ้างกดเงินไม่ได้ เลยเอาเงินแม่เพื่อนสนิทที่เพิ่งไปขายวัวได้กำไรมาให้ ส่วนเจ้าของร้านสาวยกโทษ
ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ตามถึงบ้านสาววัย 17 ปี ที่ไปยืดผมร้านเสริมสวยแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปต่อหน้า เจ้าตัวอ้างไม่ได้ตั้งใจหนี แต่กดเงินไม่ได้จึงรีบกลับบ้านจะไป ขายวัวมาจ่ายค่ายืดผม ขณะที่เจ้าของร้านยกโทษให้พร้อมสอนอย่าทำอีก
วันที่ 19 ก.พ.68 กรณี นางสาวสุนทรี ศรีวัฒน์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย “ก้อย” อยู่เลขที่ 4/103 ถนนหน้าสถานี (ตรงข้ามประตู 2 โรงพยาบาลบุรีรัมย์) ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนผ่านเพจศูนย์แจ้งข่าวบุรีรัมย์ ว่าถูกลูกค้าเบี้ยวค่ายืดผมเป็นเงิน 1,500บาท และอยากจะเตือนร้านค้าทุกกิจการให้ระวังคนประเภทนี้
ทั้งนี้มีการโพสต์ตามหาสาววัยรุ่นให้กลับมาเอาเงินมาชำระค่ายืดผมที่เข้าไปใช้บริการของทางร้านแล้วขรารถจักรยานยนต์หลบหนี หลังอ้างว่าจะไปกดเงินกับตู้ ATM ที่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ห่างจากร้านเสริมสวยไปประมาณ 50 เมตร
ต่อมา พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ , พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ สั่งการให้มีการเร่งติดตาม กระทั่ง พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวน ภ.จว.บุรีรัมย์ , พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมชุดสืบสวนได้ไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทาง จนทราบว่าเป็น นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาวเมืองบุรีรัมย์
เบื้องต้นนางสาวเอยอมรับว่าเป็นบุคคลในภาพวงจรปิดและได้ไปใช้บริการกับร้านเสริมสวยดังกล่าวจริง ส่วนที่ตนไปยึดผมเนื่องจากทางโรงเรียนจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ นักเรียนที่จะจบการศึกษา ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ไปชำระเงินค่ายืดผมเพราะไปกดเงินจากตู้ ATM แล้วไม่ได้จึงขี่รถกลับบ้าน
จากนั้นได้พยายามจะหาเงินมาให้โดยแม่เพื่อนสนิทเพิ่งขายวัวได้เงินกำไรมาจำนวนหนึ่ง แต่ติดภารกิจอยู่ที่ต่างจังหวัดจึงไม่ได้มาจ่ายค่ายืดผม และต้องขอโทษเจ้าของร้านเสริมสวยด้วยเพราะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
ด้านนางสาวสุนทรี เจ้าของร้านเสริมสวยบอกว่าดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามตัวหญิงสาวคนนี้มาได้อย่างรวดเร็ว ยอมรับว่าอาชีพเสริมสวยหาเงินยากไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คนอื่นๆคิด แต่ก็ยกโทษให้น้องหลังจากจ่ายค่ายึดผมที่ค้างอยู่ 1,500 บาทและตักเตือนว่าหลังจากนี้อย่าไปทำในลักษณะแบบนี้อีก เดิม