“สารพัดโกง” ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ ที่โดนแก๊งมิจฉาชีพพวกนี้แฝงตัวมาหลอกล่อเสนอผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหยื่อตายใจ ก่อนจะปลอดลอกทรัพย์สินของมีค่าไปจนหมดตัว ขบวนการเหล่านี้ขยายวงกว้างจนยากเกินจะควบคุมได้
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เกิดแนวคิดกวาดล้าง “แก๊งโกง” พวกนี้อย่างจริงจัง จึงเริ่มลงมือทำภายใต้ชื่อ “โครงการสารพัดโกง” และได้ลงมือทำไปแล้ว โดยมีบช.ก.เป็นแม่งาน กองปราบปรามเป็นหัวหอก คอยกระชาก กระตุก มีกี่แก๊ง กี่ประเภท จับให้หมด เพื่อให้พวกมิจฉาชีพพวกนี้ไม่สามารถมาก่อเหตุกับประชาชนทั่วไปได้อีก เรียกได้ว่าทำกันเป็นสตอรี่ เหมือนหนังบู้ล้างผลาญเรื่องยาว
เปิดตำนานรูปแบบ “สารพัดโกง” เรื่องแรก “แก๊งตกทอง” เป็นชื่อที่คุ้นหูของผู้คนในสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันระบาดมาหลายทศวรรษแล้ว แต่ต่อไปนี้มันต้องลดลงหรือหายไปหมดจากสังคมไทย โดยที่กองปราบปรามเมื่อวันที่ 29 ก.ค. พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ สว.กก.1 บก.ป. จับกุม น.ส.กนกพร ใจการุณ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 5 ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งจับกุมได้ที่องค์การเภสัชกรรม ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.
คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.กนกพร ได้ร่วมกับพวกรวม 4 คน มี นางพิศ (ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล) เป็นหัวหน้าแก๊ง ก่อเหตุหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายโดยอาศัย “ความโลภ” ของเหยื่อในลักษณะของ “แก๊งตกทอง” จะออกตะเวนหาเหยื่อตามตลาดนัดหรือสถานที่คนพลุกพล่าน เลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงใส่ของประดับมีค่า เดินทางมาคนเดียว จากนั้นจะเข้าถามเหยื่อว่า…
“เห็นกระเป๋าสตางค์หล่นบริเวณนั้นหรือไม่?” เป็นการสร้างจุดสนใจให้เหยื่อ ก่อนจะเดินหายไป ต่อมาคนร้ายอีกรายจะเข้าไปคุยกับเหยื่อ ว่า “เห็นกระเป๋าอยู่กับคนร้ายรายที่ 3 แล้วชักชวนกันไปหาคนร้ายรายที่ 3 และทำทีเป็นเจอกระเป๋าสตางค์พร้อมกัน เพื่อสร้างความอยากได้ ก่อนจะตกลงกันว่าจะเปิดกระเป๋าดูทรัพย์สินมีค่าภายใน”
ระหว่างที่เปิดดูทรัพย์สินในกระเป๋า คนร้ายรายที่ 3 เสนอให้นำทรัพย์สินมาแบ่งกัน แต่จะอ้างว่าต้องนำบัตรเอทีอ็มที่เจอไปกดเงินสด ครั้นจะทิ้งกระเป๋าดังกล่าวไว้ก็กลัวจะถูกโกง จึงขอให้เหยื่อและคนร้ายอีก 2 คน ที่เป็นหน้าม้า นำของมีค่ามาวางไว้เป็นประกันกับคนร้ายรายที่ 3 เมื่อเหยื่อหลงเชื่อถอดสร้อยคอทองคำให้แล้ว ทั้งหมดจะหาอุบายแยกย้ายหลบหนีไป โดยมีคนร้ายรายที่ 4 รับหน้าที่ขับรถพาหนี ทั้งหมดก่อเหตุมาแล้วในหลายท้องที่ ได้แก่ สน.บางนา, สน.มีนบุรี, สน.พระโขนง และ สน.หลักสอง ทำมานานเกือบ 10 ปี
น.ส.กนกพร รับสารภาพว่า ร่วมกับพวกก่อเหตุจริงแต่นานมาแล้ว มี นางพิศ หัวหน้าแก๊ง รู้จักกันขณะขายของที่ตลาดนัดย่านบางนา ชักชวนร่วมแก๊งมีหน้าที่พูดจาหลอกลวงเหยื่อ แต่ปัจจุบันได้กลับตัวกลับใจแล้ว หลังถูกจับกุมและพ้นโทษออกมาได้ 3 ปี ก่อนจะมาทำงานสุจริตเป็นลูกจ้างร้านขายขนมปังในองค์เภสัชกรรม
ทิ้งท้าย น
“รองออ”