ปอศ.รวบหนุ่มหัวใส ตั้งขบวนการโกงเงินประกัน จัดฉากขับรถตกน้ำ เดือนเดียว 4 คันรวด เสียหายร่วมล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.68 พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม นายอนุชา อายุ 26 ปี ข้อหา “พยายามฉ้อโกงทรัพย์, เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง” จับได้ที่บ้านพักริม ถ.แสงชูโต ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2567 มีตัวแทนบริษัทประกันภัย เข้าร้องขอให้ตำรวจ กก.4.บก.ปอศ. ตรวจสอบความผิดปกติของผู้ยื่นขอเอาประกันคือ นายอนุชา ที่อ้างว่าประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำในพื้นที่ จ.นครปฐม
แต่จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอนุชา ได้ครอบครองรถยนต์ 4 คัน เช่าซื้อในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เลือกทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยหลายแห่งแตกต่างกันไป ในห้วงเวลาเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 ถึงเดือนพ.ย. 2566 ต่อมาพบว่ารถยนต์ทั้ง 4 คันดังกล่าว เกิดอุบัติเหตุลักษณะคล้ายคลึงกัน
จากการตรวจสอบผู้ขับรถทั้ง 3 ราย มีรูปแบบของการขับรถเสียหลักตกลงไปในน้ำทั้งหมด ก่อนจะมีผู้ไปยื่นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัยต่างๆ ทำให้บริษัทประกันภัยบางรายหลงเชื่อ จ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วกว่า 9 แสนบาท และยังมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาสินไหมอีกหลายกรณี คาดว่าความเสียหายทั้งหมดอาจสูงกว่า 1 ล้านบาท จาก
พฤติการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทประกันเชื่อว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการตั้งใจหรือจงใจทำให้เกิดขึ้นอย่างมีนัยยะ เพื่อมุ่งหวังเงินชดเชย
หลังรับเรื่องตำรวจ กก.4.บก.ปอศ. จัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนทราบว่า เรื่องนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ มีผู้เกี่ยวข้อง4 ราย แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่ การเช่าซื้อรถยนต์ทั้ง 4 คัน ภายใน 1 เดือน ผ่อนชำระเพียง 1 งวด
จากนั้นจะสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุโดยใช้ผู้ขับรถ 3 ราย เลือกเส้นทางที่เป็นถนนเลียบคลองชลประทานห่างไกลเขตชุมชน ในพื้นที่ จ.นครปฐม, จ.ราชบุรี และจ.กาญจนบุรี เพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย ทั้งในรูปแบบเรียกร้องคืนทุนประกันภัยเต็มวงเงินตามกรมธรรม์เนื่องจากซ่อมไม่ได้ และรูปแบบยื่นรายการแจ้งซ่อมแต่ไม่มีการนำรถเข้าซ่อมจริง
เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันภัยจ่ายให้นายอนุชา พบว่าถูกโอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่เป็นญาติอีกที เมื่อพนักงานสอบสวนเรียกให้นำรถยนต์คันที่ตกน้ำมาตรวจพิสูจน์ แต่นายอนุชากลับเพิกเฉย พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นขออำนาจศาลจนนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวนนายอนุชา ให้การภาคเสธ รับเพียงว่าเป็นผู้ไปทำสัญญาซื้อรถยนต์ทั้ง 4 คันจริง รวมทั้งทำประกันภัยกับหลายบริษัท แต่เซ็นโอนลอยขายต่อให้บุคคลอื่น ก่อนที่จะทราบว่า รถยนต์ดังกล่าวประสบอุบัติเหตุตกน้ำ เมื่อมีการโอนเงินค่าสินไหมเข้าบัญชีตน จึงได้ถอนเงินมาใช้จ่าย โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดแต่อย่างไร
นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาตัวผู้เกี่ยวข้องรายอื่นต่อไป