นักข่าวสาวสุพรรณฯ แซ่บยิ่งกว่าตำปูปลาร้าใส่พริก 20 เม็ด “น.ส.สุพัฒนา บุญธรรม” หรือ น้ำสีฟ้า สื่อมวลชนคนดังเวอร์วังทั้งนครบาล 88 สน. กับ อีก 9 บก.น. ยาวไปถึง กองปราบ จรด สตช. ถ้าตำรวจหรือสื่อฯท่านใดไม่รู้จัก “น้ำสีฟ้า” ต้องรีบถามหาแล้วทำความรู้จักโดยด่วน ผู้ประกาศหน้าหวาน นักข่าวภาคสนาม“สุดเวอ – วายส์ -เว็บ” สายแข็งกว่านี้หาได้ยากส์!
ปัจจุบันเธอยึดหัวหาดปักหลักเป็นผู้ประกาศข่าวสาวผิวสีน้ำผึ้ง นั่งจ้อข่าวหน้าจอโทรทัศน์ช่อง INN ว่างเว้นจากงานในสตูดิโอ ออกมาวิ่งตระเวนข่าว 88 สน.ทั่วทั่งนครบาล ขนานนามสถาปณาตัวเองเป็น เจ้าแม่กองปราบฯ “ทั้งเก่งและสวยอยู่คนเดียวทั้งกองปราบฯ”
เพราะเธอเป็นหญิงสาวที่ตีสนิทชิดวงใน เปรียบเหมือน “ดอกไม้ที่หอมที่สุด” ในหมู่มวลตำรวจ – สื่อมวลชนหนุ่มๆ ดอมดมโดดเด่น อยู่ดอกเดียว…
ตำรวจหลายคนรู้จักเธอดีถึงความแซ่บ ซ่าส์ ประกอบกับฝีมือการทำงานอันดับต้นๆของวงการข่าว …ในขณะที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว … วันนี้แหละค่ะ ทีมงาน Police News Varieties จะพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักเธอไปพร้อมๆกัน .. ….
และถึงแม้วันนี้องศาเดือด ความแซ่บสดใสของเธอจะลดน้อยถอยลงไปกว่ายุคแรกๆ แต่ใช่ว่าความแสบสันมันหยดจะลดน้อยถอยตามลง โดยเฉพาะความคิด ไฟฝันในวันที่อายุก้าวมาถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต …บอกได้เลยว่า “น้ำสีฟ้า ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆแน่นอน”
P :: เล่าประวัติส่วนตัว ชื่อนามสกุล ความเป็นมาในวงการข่าวตั้งแต่เริ่มจนถึงวันนี้ให้ฟังหน่อยคะ
N :: ชื่อ น.ส.สุพัฒนา บุญธรรม (แต่งงานแล้ว ก็ยังเป็นนางสาวอยู่) ชื่อเล่น น้ำ เพื่อนๆในวงการจะรู้จักในนาม “น้ำสีฟ้า” เหมือนฉายาประจำตัว เข้ามาทำงานในวงการสื่อ เพราะ จบนิเทศศาสตร์ จากจันทรเกษม ก็ ไปสมัครงาน และได้ทำงานที จส.100 เป็นที่แรก ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2546 ยุคนั่นเพื่อน ในรุ่นเดียวกัน ก็ โอ –ปรียาลักษณ์ บุญมั่น สาวงามจากเมืองยโสธร ทำงาน ควบคู่กันมา ได้ 2 ปีกว่า ก็แยกย้ายกันไป เราก็ ย้ายมาอยู่ สำนักข่าว inn เมื่อเดือน ตุลาคม 2548 แล้วก็อยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้
P :: ทำไมถึงเลือกมาทำงานเป็นนักข่าวที่นี่ เจาะจงมั้ยค่ะว่าต้องมาทำสายตำรวจมั้ยคะ
N :: ก่อนหน้าที่จะมาทำงานสายตำรวจ แอบ มีความฝันว่า อยากเป็นดีเจ เปิดเพลง และชอบข่าวสายบันเทิง ชอบติดตามข่าว ดารา นักแสดง นักร้อง ตามประสาของเด็กบ้านนอกชอบเพ้อฝัน แต่ด้วยความที่ ได้เริ่มงานที่ จส.100 ก็คิดว่า เออ! ทำๆไปก่อน เดี๋ยวค่อยหาทางขยับขยายไปสานงานที่เราชอบ แต่พอได้มาทำงานที่ จส.100 ได้เห็นการประสานเหตุ เขาได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน อุบัติเหตุ รถชน มีคนเจ็บ คนตาย ช่วยใครได้หลายคน และต้องติดต่อประสานงานกับตำรวจ อยู่ทุกวัน เราเลยรู้สึกว่า งานข่าวด้านนี้ มันช่วยเหลือคนอื่นได้มาก
เราชอบ มันเป็นเสน่ห์ หลงรักเลย และคิด มาตั้งแต่นั้นว่า คนๆหนึ่ง ควรทำอะไร เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เพื่อให้สังคมน่าอยู่ และ วิชาชีพนี้แหละ ที่เราจะช่วยให้คนที่เดือดร้อนได้รับความช่วยเหลือ ได้รับความเป็นธรรม จึงทำให้เรา ยึดถือเป็นคติในการทำงาน มาตลอด
P :: ทัศนะคติที่มีต่อวงการสื่อสารมวลชนไทยในยุคปัจจุบัน
N :: หลายคนคงมองว่า วงการสื่อไทย อยู่ในยุคขาลง เพราะ เดี๋ยวนี้ การสื่อสารมันพัฒนาไปไกลและรวดเร็วมาก ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ และสามารถเป็นนักข่าวพลเมืองได้ ด้วยช่องทางโซเชียลของตัวเอง ทำให้นักข่าว หรือ สื่อมวลชน สามารถนำข้อมูลข่าวสาร ที่เสพจากสื่อโซเชียล มาต่อยอด นำเสนอ ในแบบของเรา แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ทิ้งเรื่องของ การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและต้องรอบด้าน
เราเติบโตมา จากยุคที่สื่อใช้ปากกาเขียนข่าวในสมุดจดข่าว และมาจนถึงยุคที่นักข่าว พิมพ์ข่าวจากมือถือ โดยไม่ค่อยใช้ปากกา กับกระดาษ สักเท่าไหร่ คือ เรายืนอยู่ช่วงรอยต่อ ระหว่างความเปลี่ยนแปลงของสื่อ แบบก้าวกระโดดในช่วง 14 ปี ของการทำงาน นักข่าวรุ่นก่อนหน้า เราบางคน อาจจะคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเปิดรับเทคโนโลยี ทำข่าวแบบเก่า ดีแล้ว นักข่าวสายสืบ สนิทกับ ตำรวจ ก็ได้ข้อมูลเชิงลึก แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยน เราก็ต้องหมุนตามให้ทัน เพราะสื่อโซเชียล ยังมีหลายแง่มุมให้เราหยิบยหมานำเสนอ ในแบบของเราเอง และไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ ที่ต้องเน้นช่วยเหลือผู้อื่น
P :: ขอบเขตของหน้าที่สื่อมวลชนในคำจำกัดความของคุณน้ำ
N :: แน่นอนว่า สื่อมวลชน คือการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนคนที่เดือดร้อน ดังเช่นเพลงของนักสื่อสารมวลชน ที่เชื่อว่าทุกคนต้องร้องได้ “เพื่อมวลชน”
ชีวา ยอมพลีให้ เพื่อมวลชน ผู้ทุกข์ทน ขอพลีตนไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง “ … เมื่อก่อน ตอนเป็นนักศึกษา เราก็ฟังแค่ว่ามันเพราะ ดี แต่ไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงความหมาย แต่พอก้าวมาทำงานด้านการทำข่าวแบบจริงจัง ฟังเพลงนี้อีกครั้ง คือ มันใช่อ่ะ
ซึ่งอาจจะไม่ต้องถึงกับอุทิศตนจนชีพวายขนาดนั้น แต่เราก็ช่วยคนอื่นในแบบของเรา ประสานคนที่มีพาวเวอร์พอ หรือ ประสานคนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ที่ผ่านมา คน หมา แมว ได้ช่วยมาหมดแล้ว ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ถือว่าเป็นความภูมิใจในหน้าที่การทำงานมาก
P :: มีคนข่าวในดวงใจมั้ยค่ะ // ใครค่ะ
N :: คนข่าวในดวงใจ มีหลายคนมาก ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง อย่าง ครูคนแรกในวงการนักข่าว คือ พี่จิ๋ม –ศิวพร ญาณวิทยากุล ผู้ดำเนินรายการ จส.100 ที่สอนเรื่องของการรายงานข่าว เทคนิควิธีรายงานข่าว การอ่านออกเสียง และพี่จิ๋ม ยังเป็นไอดอลของเรา เสมอมา
อีกคน คือ คุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง พิธีกรผู้ประกาศข่าวคนเก่ง ชื่นชอบพี่เขาเพราะ น้ำเสียงในการบรรยายงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ พี่เขาบรรยายได้น่าฟัง เรียกได้ว่า เป็นตัวแม่ข่าวราชสำนัก เลยก็ว่าได้
ผู้หญิงเก่งอีกคน พี่นา–กรุณา บัวคำศรี พี่เขาเป็นไอดอลข่าวต่างประเทศ บุคลิกคล่องแคล่ว พูดภาษาอังกฤษไฟแล่บ เปิดมุมมองข่าวในโลกกว้าง ให้เราเข้าใจง่าย คือ อยากทำงานให้เก่งแบบพี่นา (ซึ่งก็พยายามอยู่ 5555) เพราะหวังว่า อนาคต อยากจะเดินทางไปหลากหลายประเทศ หาประสบการณ์ ชีวิตให้กับตัวเอง
P :: รู้สึกอย่างไรกับงานที่ทำอยู่ มีความสุขกับสายนี้มั้ยคะคุณน้ำ
N :: ความสุขของการทำงาน คือ ได้ออกไปเจอผู้คน เจอเพื่อน พูดคุยแลกเปลี่ยนสุขทุกข์ การได้ทำงานเป็นนักข่าว ถือเป็นสิ่งที่รักไปแล้ว ได้ทำในสิ่งที่รัก ก็ไม่ถือว่า เป็นภาระ อะไร หากอนาคต ยังมีโอกาส ทำงานในวงการสื่อมวลชน งานข่าว โดยเฉพาะสายอาชญากรรม–สังคม เราก็คงจะยึดอาชีพนี้ต่อไป
ส่วนการขยับขยายอาชีพในอนาคต ก็กำลังมองหาธุรกิจเล็กๆ ที่พอจะช่วยให้เราอยู่ได้แบบพอเพียง ทั้ง รีสอร์ทแบบโฮมสเตย์ เล็กๆ ที่คิดวางแผนกับพี่ชาย จะทำร่วมกันที่บ้าน ที่จ.สุพรรณบุรี เพราะชีวิตในอนาคตก็คงจะกลับไปอยู่บ้าน สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับตัวเองให้มีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต
P :: คุณน้ำมองสังคมเด็กนักข่าวยุคใหม่เป็นอย่างไร
N :: นักข่าวรุ่นใหม่ มีหลายอย่างที่นักข่าวยุคเก่าไม่ค่อยมี คือ การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ความคิดและมุมมองการนำเสนอข่าว ที่แปลกใหมี บางคน เราก็อึ้งนะ เออน้องเขาเก่ง นำเสนอได้ดี แต่สิ่งที่จะขาดไปมากสำหรับเด็กใหม่ๆ คือ สัมมาคารวะ อันนี้ สำคัญนะ ทั้งกับรุ่นพี่ และกับแหล่งข่าว เพราะ นักข่าวที่ดี นอกเหนือจากเก่งแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สัมมาคารวะ การวางตัว เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง และแหล่งข่าวด้วย ให้เกียรติ และเคารพกันและกัน หากน้องๆ ที่เก่ง และกล้าอยู่แล้ว เสริมในส่วน ของความเคารพซึ่งกันและกันเข้าไป รับรองว่า อนาคตรุ่งแน่เลย
ไม่ต้องดูใครอื่นไกล “พี่มนตรี อุดมพงษ์” ผู้สื่อข่าว ของข่าวสามมิติ พี่เขาเป็นคนอัธยาศัยดีมาก รุ่นน้องเจอก็เคารพ เพราะ พี่เขาทำให้เห็นว่า เจอใคร 2 มือพนม ยกไหว้ ไว้ก่อน การวางตัวกับแหล่งข่าว การยิงคำถาม ให้เกียรติ ไม่ดุดัน แต่ก็แฝงไปด้วยความคม นี่คือตัวอย่างที่ดี ที่น้องๆควรยึดถือเป็นแบบอย่างได้
P :: ตำรวจที่คุณน้ำเคารพรักและมองว่าเค้าทำงานดี มีคุณภาพ
N :: โห! เยอะมากอ่ะ อธิบายไม่หมดจริงๆ เพราะทำงานกับตำรวจ มานาน ตั้งแต่ยุค พล.ต.ท.ดำรงค์ศักดิ์ นิลคูหา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยุคแรกของเรา ที่เข้ามาทำงาน ท่านใจดีมาก และทำงานเก่ง
พอได้มาประจำ ที่กองปราบปราม ก็สนิทกับผู้การกองปราบ หลายคนมาก เรียกได้ว่า ยกสายโทรศัพท์ หาใคร เป็นต้องได้ข้อมูลเชิงลึก ทั้ง พล.ต.ต.สุภิศาล ภักดีนฤนาท อดีต ผบก.ป. , และที่ เรียกได้ว่า พี่รักเต็มปากคือ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี (พี่อ้อ) ผบก.ศฝร.ภ.7 ทุกวันนี้ก็ยังเป็นพี่ที่รักและเคารพ กันอยู่
พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ. บก.ป หรือ พี่ต่อ ของน้องๆ ใจดี มีคุณธรรม และมีธรรมะในการครองตน และทำงานเก่ง รักลูกน้อง จึงเป็นที่รักของผู้ใต้บังคับบัญชา
และท่านที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของ สโลแกน “รุกรบจบเร็ว” และเจ้าของฉายา “น.1 บึ่งทุกที่” ท่านทำงานเก่ง เอาใจใส่ทุกรายละเอียดงาน ครองใจประชาชน นักข่าว ได้เป็นอย่างดี รวมถึงหลายๆท่าน ที่ไม่ได้กล่าวถึง ก็ต้องบอกว่า ยังอยู่ในใจเสมอนะคะ ตำรวจที่รักทุกๆท่าน
P :: คุณน้ำมีแฟนรียังค่ะ
(แต่งงานแล้ว ใช้ชีวิตคู่มา 2 ปีกว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปกปิด ค่ะ ..ยิ้ม)
P :: คุณน้ำฝากอะไรถึงพี่น้องตำรวจ แล้วก็เพื่อนๆนักข่าวหน่อยค่ะ
N :: ตำรวจ กับ นักข่าวสายตำรวจ ทำงานแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า มาหลายยุค หลายสมัย การทำงานที่ดี และมิตรภาพ ที่ยั่งยืน ต้องเกื้อหนุนกันในทางที่ดีที่เหมาะ ที่ควร หากมีอะไร ที่ผิด หรือ ไม่เหมาะ ไม่ควร ก็ติติง ด้วยความรัก ได้ ไม่ใช่ใช่อคติ และอยากให้ ลองเปิดใจดูนะคะ
ตำรวจน่ารัก นิสัยดี ทำงานเก่ง ก็มีมาก เช่นเดียวกับนักข่าวเก่งๆ ที่ทำงานเพื่อมวลชน ก็มีมากมาย เช่น ทั้งนี้ทั้งนั้น หากต้องการให้ งานออกมาดี ต้องฝึกฝน และวางตัวเป็น แค่นี้ก็รักษาพื้นที่ความเป็นคนข่าวตัวจริง ได้แล้ว