เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 พ.ย.67 ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อเข้าเยี่ยมบอสพอล และพวก เพื่อมาพูดคุยแนวทางในการสู้คดีในอนาคต ว่าจะปรับรูปแบบแนวทางยังไงกันบ้าง ก่อนออกมาเปิดเผยว่า
จ่อพาพยานให้ดีเอสไอสอบวันละ200คน
วันนี้ได้คุยกันไม่นานมาก เนื่องจากมีคนเข้าเยี่ยมหลายคน ได้พูดคุยเพียงแค่ 3-4 ท่านเท่านั้น
สำหรับแนวทางในตอนนี้ตั้งใจว่าจะพาพยานที่เคยแจ้งความกับบริษัทที่ บช.ก.ไปพบดีเอสไอในฐานะพยาน เพื่อไปยื่นคำร้องในการให้การใหม่อีกครั้งตั้งใจจะเริ่มในวันที่25 พ.ย.เท่าที่คาดการณ์ไว้จะพาไปวันละ 200 คน
ยอดเหยื่อมั่วนิ่มจาก89เหลือ75
ส่วนประเด็นที่น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ พาผู้เสียหาย89 ราย ทำทีเป็นผู้เสียหายไปขอเงินค่าเยียวยา ที่บริษัทดิไอคอน ตามหลักฐานที่โอนเงินจ่ายตอนนี้ตัวเลขคือ 75 คน ในแต่ละคนได้จ่ายเงินในเรตต่างๆตั้งแต่ 50,000 – 150,000 บาท
กันเป็นพยาน6 ที่เหลือแจ้งร่วม“เจ๊พัช”ตบทรัพย์
สำหรับ 75 คน ตอนนี้ทีมทนายความได้กันเอาไว้ 6 คน เป็นพยานในฐานะที่เป็นบุคคล ได้เบิกของออกไปจากบริษัท แต่ยังมีสินค้าบางอย่างที่หลงเหลืออยู่
แต่ในจำนวน 69 คนที่เหลือ ได้เบิกสินค้าจากบริษัทไปหมดแล้ว อีกทั้งได้นำสินค้าไปจำหน่าย รวมถึงบริโภคเอง แต่กลับมีการเข้ามามั่วนิ่มในลักษณะเข้ามาขอเงิน ทำตัวเป็นผู้เสียหาย คนกลุ่มนี้ทางทีมทนายความได้เตรียมแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ หรือร่วมกันฉ้อโกง พร้อมกับน.ส.กฤษอนงค์
เหตุที่ยอมเพราะสารพัดคำขู่
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า หากย้อนกลับไปได้ ตอนที่ถูกน.ส.กฤษอนงค์ พากลุ่มที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหายมาร้องเรียน จะขอสู้ไม่ขอจ่ายเงินแบบนี้ แต่ที่ตอนนั้นต้องยอมจ่ายเงิน เนื่องจากสมาชิกบริษัทดิไอคอนมีหลายแสนคน กลัวว่าถ้าหากเป็นข่าวเสียๆหายๆไปแล้วบริษัทจะหมดความน่าเชื่อถือจะได้รับผลกระทบวงกว้าง
อีกทั้งฝั่งที่มาร้องเรียนได้อ้างถึงน.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าได้รับมอบหมายให้มาจัดการเรื่องนี้
นอกจากนี้ยังข่มขู่อีกด้วยว่าจะพาผู้เสียหายไปร้องกับสคบ.แล้วจะพานักข่าวมาทำข่าว น.ส.กฤษอนงค์ ยังอ้างอีกว่าเคยนำเงินไปให้กับดีเอสไอ10 ล้านบาท จึงทำให้บอสพอล หวาดกลัวจำยอมจ่ายเพื่อให้จบกันไป
ส่วนประเด็นคลิปเสียงที่ถูกนำมาเปิดเผยล่าสุด เป็นคลิปที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ที่ได้พูดคุยกับผู้จำหน่ายสินค้าของดิไอคอน ที่อยู่ในกลุ่ม “ครอบครัวดิไอคอน” เป็นการพูดคุยบันทึกที่จะส่งให้กับดีเอสไอ
เตรียมแจ้งกลับ“หนอนบ่อนไส้”แจ้งความเท็จ
ส่วนตัวทราบว่าในกลุ่มมีหนอนบ่อนไส้อยู่จะได้รู้ว่าในกลุ่ม 10,000 คน มีผู้เสียหายจริงๆเท่าไหร่ หากพบคนในกลุ่มที่ได้เบิกสินค้าไปแล้วจำหน่ายสินค้าไปแล้ว แต่มาแจ้งความอ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ก็จะแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ
ขู่่ดำเนินคดีไม่ผิด กม.-ไม่ได้ขู่ทำร้ายใคร
สำหรับพูดคุยที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีลักษณะเป็นการพูดคุยกันในลักษณะข่มขู่ ประเด็นนี้ชี้แจงว่า ที่ในคลิปเสียงตนบอกว่าจะขู่ดำเนินคดี ถือว่าไม่มีความผิดทางกฎหมาย เพราะไม่ได้ขู่ทำ ร้ายใคร ส่วนจะอ้างว่าหวาดกลัวนั้น ถ้าหากไม่ผิดจริงจะกลัวเรื่องการดำเนินคดีทำไม ยืนยันเป็นการใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย
ส่วนที่ยกตัวอย่างไปหาบุคคลที่สามที่ถูกดำเนินคดี และกำลังจะถูกดำเนินคดี แล้วทำให้เกิดความหวาดผวากับสมาชิกทำให้บางคนต้องกลับใจไปถอนแจ้งความ ถือว่าเป็นการวางแผนทีมทนายทนายในการต่อสู้คดีหรือไม่
ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่าต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ไม่อยากให้เป็นการใส่ร้ายใคร เพราะการที่บอสของดิไอคอน ถูกจับกุมก็ไม่ได้ถือว่ามีการกระทำความผิด หรือบริษัทมีการฉ้อโกง เนื่องจากศาลยังไม่ได้ตัดสิน คนกลุ่มนี้ตนไม่ได้ระบุเส้นตายว่าต้องออกมาวันไหน แต่ดีเอสไอกำหนดเวลาจนถึงแค่วันที่ 3 ธ.ค.เท่านั้น
ออกหมายจับ“เอกสายไหม”เป็นตามคาด
นายวิฑูรย์ กล่าว่า ส่วนประเด็น เอก สายไหม ที่ถูกออกหมายจับในวันนี้ เพิ่งทราบเรื่องจากสื่อมวลชน ไม่ได้รู้สึกตกใจเพราะเป็นไปตามพยากรณ์เอาไว้ ที่พยากรณ์แม่นถือว่าเป็นไปตามประสบการณ์
เนื่องจากว่า เอก สายไหม มีพฤติกรรมทำให้คดีธรรมดาๆ เป็นคดีที่โยงว่าจ่ายเงินให้หน่วยงานราชการ โยนไปถึงพล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ จนตอนนั้นบริษัทดิไอคอนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายเงินให้หน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงไปถึงจีนสีเทา
รอออเดอร์ดำเนินคดีหมิ่นฯเรียกหลัก100ล.
ได้ปรึกษากับบอสไอคอนแล้วว่าหลังจากนี้จะแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดหมิ่นประมาทกับ เอก สายไหม รวมถึงจะเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นเงินหลัก 100 ล้านบาท
กรีดยินดีด้วยถ้าได้ปล่อยตัวชั่วคราว
ส่วนหลังจากนี้ เอก สายไหม จะได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่ ก็มองว่าเป็นสิทธิ์ทางกฎหมาย ตนก็ยินดีด้วย แต่ลูกความตนเองไม่เคยได้รับโอกาสนี้เลย