หลังจากผู้ชมได้สนุกสนานกับภาพยนตร์ไลฟ์ แอ็คชั่น ที่ทำต่อเนื่องมาหลายภาคกับเรื่อง “Transformers”
งานกำกับของ ไมเคิล เบย์ ที่ต้องย้อนความว่าเปิดฉากภาคแรกคือ “Transformers” (2550), “Transformers: Revenge of the Fallen” (2552), “Transformers : Dark of the Moon”(2554), “Transformers : Age of Extinction” (2557) และ “Transformers: The Last Knight” (2560)
ส่วน “Bumblebee” (2561) ซึ่งเป็นตอนแยกออกมา ไมเคิล เบย์ ขยับขึ้นเป็นผู้อำนวยการสร้างและมอบหน้าที่กำกับให้ ทราวิส ไนท์ ต่อมาในปี 2566 ก็มี “Transformers : Rise of the Beasts” งานกำกับของ สตีเว่น เคเพิล เจอาร์ ออกมาให้ชม
และตอนนี้งานแอนิเมชั่นที่เป็นภาคแยกของ “Transformers” ก็ปรากฏสู่สายตาผู้ชมแล้วในชื่อ “Transformers One” กำกับโดย จอช คูลีย์ ที่เคยกำกับ “ทอย สตอรี 4” (Toy Story 4)
ภาคแยก “Transformers One” นี้สำคัญยังไง
ก็ต้องบอกว่านี่คือการย้อนกลับไปรู้เรื่องราวแต่หนหลังของการเป็น “ศัตรูคู่แค้น” ระหว่างฝ่ายของ“ออพติมัส ไพรม์” และกลุ่มของ “เมกะตรอน”
https://www.youtube.com/watch?v=Krye8feb7gE&t=69s
เรื่องราวใน “Transformers One” นำพาแฟนานุแฟนของเหล่าหุ่นยนต์ต่างดาว กลับไปพบจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ก่อนจะการเดินไปสู่จุดแตกหัก ของหุ่นยนต์ทำเหมือง นามว่า “โอไรออน แพ็กซ์” รับบทโดย “คริส เฮมสเวิร์ธ” ซึ่งกลายมาเป็น “ออพติมัส ไพรม์” และ “ดี-16” รับบทโดย “ไบรอัน ไทรี เฮนรี” ที่ในเวลาต่อมากลายเป็น “เมกะตรอน”
“โอไรออน” และ “ดี–16” เป็นหุ่นยนต์ที่แปลงร่างไม่ได้ เพราะไม่มีฟันเฟืองสำหรับใช้ในการแปลงร่าง
พวกเขาอาศัยอยู่บนดาวไซเบอร์ตรอน ดาวบ้านเกิดของเหล่า “ออโตบอท” ทั้งคู่ผูกสมัครรักใคร่เป็นเพื่อนซี้เพื่อนตาย ทำงานเป็นแรงงานในเหมืองเพื่อขุดหา “อีเนอร์กอน” พลังงานที่เป็นขุมพลังสำหรับทุกชีวิตบนดาว
แต่พลังงานนี้เหือดแห้งไปพร้อมกับเหล่า“ไพรม์” รุ่นแรกๆ ที่สิ้นชีพดับสูญไปกับการทำสงครามกับพวกควินเทสสันสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่เข้ามาคุกคามดาวไซเบอร์ตรอน
“โอไรออน” และ “ดี–16” บูชาและเทิดทูน “เซนติเนล ไพร์ม” รับบทโดย “จอน แฮม” ผู้ปกครองไซเบอร์ตรอน ที่แสดงให้ชาวเมืองเห็นว่าเขาทำงานอย่างหนักเพียงไรในการเพียรตามหา “เมทริกซ์แห่งจิตพลังความเป็นผู้นำ” ที่หายสาบสูญไปนานพร้อมกับการดับสูญของ “ไพรม์” รุ่นแรก แต่จนแล้วจนรอด “เซนติเนล ไพร์ม” ก็ไม่เคยพบกับสิ่งสำคัญที่ตามหาบนพื้นผิวดาว
ทว่าด้วยนิสัยห่ามล้น ทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสียของ “โอไรออน” ก็ทำพาให้หุ่นยนต์ 4 ตัวต้องจับพลัดจับผลูโผล่มาสู่พื้นผิวดาว ซึ่งนอกจาก “โอไรออน” แล้วก็มี “ดี-16” และ “บี-127” รับบทโดย “คีแกน ไมเคิล คีย์”ร่วมด้วย “เอลิตา-1” สวมบทโดย “สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน”
การขึ้นมาสู่พื้นผิวดาวครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญหลายอย่าง ทั้งในแง่ของกายภาพและจิตใจ ได้พบกับความลับหลายสิ่งที่ซ่อนอยู่ การกระจ่างแจ้งกับความจริงบางอย่างที่ส่งผลกับจิตใจอย่างใหญ่หลวง
ผู้ชมสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในเบื้องลึกภายในหัวใจยิ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึง
“Transformers One” ไม่ใช่แค่งานแอนิเมชันที่นำเสนอตัวละครหุ่นยนต์สีสันสดใส หรือฉากสีอันฉูดฉาดตระการตา
แต่ผสมผสานอารมณ์ขันและเจือดราม่าแบบกลมกล่อม โดยเฉพาะเผยให้เห็นเส้นทางความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลัก ๆ ที่ผ่านความสุขสันต์
มีคืนวันที่สดใส เต็มไปด้วยมิตรภาพอันงดงาม ก่อนที่สถานการณ์บางอย่างจะนำพวกเขาไปสู่บทบาทที่ยิ่งใหญ่ แยกย้ายกันไปสู่หนทางแห่งธรรมะและอธรรมอย่างชัดเจน
ถือเป็น “จิ๊กซอว์” ที่เชื่อมกับเรื่องราวในไลฟ์-แอ็คชันที่มีมาก่อนหน้านี้ได้แบบได้รอยต่อ!
Blue Bird 28/9/67