Sunday, June 23, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมทุ่งสงบแดนสงัด

    ทุ่งสงบแดนสงัด

    รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล่นปราดเปรียวเงียบเชียบไปตามถนนลาดยางขนาดกว้างสี่เลนที่เป็นเส้นทางคดโค้ง สภาพพื้นผิวถนนนั้นเรียบหนึบแน่นหนาตีเส้นแบ่งช่องและเครื่องหมายจราจรอย่างชัดเจนสวยงามจากทิวทัศน์ในระยะไกล

    สองข้างทางสีเขียวชะอุ่มผ่านเรือกสวนไร่นาสลับภาพตัดไปมามีบ้านเรือนชาวบ้านโผล่แทรกผ่านสายตาเป็นระยะ ๆ บางช่วงตอนผ่านป่าผ่านทิวเขาขึ้นลงเนินสูงชันบ้างพอเรียกสติไม่ให้เผลอง่วงงุนขณะกำลังขับรถทางไกลเป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งชั่วโมง

    เขาออกเดินทางจากบ้านพักตั้งแต่ตอนเช้ามืด จากเมืองใหญ่ที่มีคนแออัดหนาแน่นทุกตารางกิโลเมตร ความอึกทึกครึกโครมผู้คนจอแจพลุกพล่าน เมืองที่มีชีวิตเคลื่อนไหวตลอดเวลาและไม่เคยหลับใหล ไม่เหลือความเงียบสงบรื่นรมย์เรียบง่ายแบบในอดีต

    ด้วยความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งในเวลานี้ มุ่งหน้าไปตามเส้นทางถนนหลักสู่ดินแดนห่างไกลเมืองใหญ่อีกหลายร้อยกิโลเมตร เพียงแต่ไม่ได้รีบร้อนเร่งรัดหรือเวลาไล่กวดเคี่ยวเข็ญคุกคามให้ไปถึงจุดหมายปลายทางตามกำหนด

    เป็นการดีที่เขาจะได้ขับรถอย่างรู้สึกเบาสบายไม่เคร่งเครียดร้อนรนนในห้วงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าห้าหรือหกชั่วโมงอยู่หลังพวงมาลัย แต่ทว่าเบาะที่นั่งให้ความสบายทางสรีระได้อย่างลงตัวจากที่เคยนั่งกับรถคันเก่าของเขาที่เปลี่ยนมาแล้วหลายต่อหลายคัน

    ในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากหลุดพ้นดินแดนที่ไม่มีวันหยุดนิ่งตลอดยี่สิบชั่วโมง เขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายร่างกายขึ้นทีละน้อย ๆ

    ยิ่งระยะการเดินทางห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ความเพลิดเพลินในห้วงอารมณ์ความรู้สึกมันเริ่มทะยอยพรั่งพรูออกมาจนเผลอไผลร่ำร้องเปล่งเสียงและฮัมเพลงที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งสุดของจิตสำนึกที่ดูราวกับแทบไม่มีโอกาสแม้เพียงเสี้ยววินาทีจะได้แสดงออกมาอย่างแช่มชื่นและมีพลังอย่างน่ามหัศจรรย์

    เขากับวันเวลา เพื่อนสนิทที่แนบแน่นกันมาตั้งแต่ลมหายใจแรกบังเกิดขึ้น ได้ลุกตื่นขึ้นมาเต้นรำสนุกสนานอย่างที่โหยหามายาวนานหลายขวบปี เหมือนกัมปนาทระเบิดปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน ปลดปล่อยพลังงานและความรื่นรมย์สำราญอย่างไม่ฉุดรั้งให้พะวักพะวงลังเลเฉไฉอีกแล้ว

    เขาลืมสิ้นทิ้งทุกสิ่งที่ขัดข้องขุ่นมัวในจิตใจไว้ในเมืองที่เขาออกมาอย่างหมดจดสิ้นเชิง จุดหมายปลายทางข้างหน้าต่างหากที่เขาใจเต้นระรัวอยากเผชิญให้ประจักษ์โดยเร็วพลัน

    ในสมองโล่งโปร่งมิเหลือคราบแห่งความคิดที่สับสนวกวนนและเสียดแทงใจ รอเพียงแค่เติมความงามความสุขใจที่ใฝ่ฝันหามานานนับแรมเดือนแรมปีเท่านั้น ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้เอง

    รถแล่นฉิวผ่านหมู่บ้านใหญ่น้อยตามรายทางระเรื่อยไปตามถนนที่ทอดยาวไกลสุดลูกตา บ้านเรือนของชาวบ้านร้านถิ่นเริ่มจะไม่ค่อยเห็นบ้างแล้ว นาน ๆ จะผ่านสักหลังหนึ่ง

    แต่ทิวทัศน์สองข้างทางดูเหมือนภาพฝีมือของศิลปินมือฉมัง งามกริบอยู่ในคลองสายตาจนไม่อาจจะกะพริบตาแม้สักครั้ง ด้วยเกรงจะพลาดงานศิลปะแห่งธรรมชาติไปได้สักภาพสองภาพทีเดียว

    มันเป็นเครื่องคลายความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวต่อการเดินทางโดยลำพังในระยะเวลาหลายชั่วโมได้อย่างดีไม่น้อย

    ไม่คิดเลยมาก่อนสักแวบหนึ่ง เครื่องยนต์รถชักมีอาการแปลก ๆ จนในที่สุดก็ดับสนิทลงขณะอยู่ในเส้นทางพื้นที่ที่ห่างไกลผู้คน นาน ๆจะมีรถยนต์หรือจักรยานยนต์แล่นผ่านไปมาสักคันสองคัน เขาประคองพวงมาลัยบังคับรถให้เคลื่อนชิดขอบทางไหล่ถนนให้ได้มากที่สุด

    นึกในใจขึ้นมาอย่างหงุดหงิดในอารมณ์ที่สุด ไม่น่าพลาดลืมแวะสถานีจุดชาร์จแบตเตอรี่รถให้เต็มความจุของแบตเตอรี่เสียก่อน จะทำให้รถวิ่งได้ไกลมากกว่าห้าร้อยกิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ และความที่หวังว่าในสถานีข้างหน้าระหว่างการเดินทางจะมีสถานีเพื่อหยุดชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่บ้าง

    แต่ก็ผ่านเลยไปเรื่อยๆ เพราะความหลงใหลกับเส้นทางที่สวยงามและสีสันความสดใสแปลกตาทำให้หลงเพลินจนในทีสุดไม่ได้แวะจุดเติมพลังไฟฟ้าแม้แต่ที่ไหนสักแห่ง

    จนกระทั่งหลุดห่างไปในดินแดนที่ห่างไกลความเจริญ ความเจริญที่จะต้องมีสถานีมีปั๊มเติมประจุไฟฟ้าให้กับรถยนต์ของเขา

    ทำอย่างไรดีตอนนี้ แวบแรกที่เด้งขึ้นในหัวของเขา จะเข็นรถต่อไปหรือก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรือเหนือจริงมากกว่าแล้วล่ะไม่น่าเลยนะเรา ในลำดับถัดมาของความคิด มันไม่ช่วยอะไรเลยเพียงแค่คำสบถอย่างอัตโนมัติ  

    เอายังไงละทีนี้ คิดได้เพียงนี้เท่านั้น ก่อนจะเก็บสิ่งของที่คิดว่าจำเป็นที่สุดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างน้อยโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องและกระเป๋าเงินที่มีบัตรเครดิตบัตรสำคัญต่างๆไปกระทั่งนามบัตรที่ไม่รู้ว่าพกติดกระเป๋านั้นไว้ทำไมให้หนาเตอะอย่างไม่จำเป็น เพราะไม่เคยที่จะคลี่ออกมากดหมายเลขโทรไปหาเจ้าของชื่อในนั้นเลย นานจนแทบจำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้ว

    ปิดประตูรถให้เบาที่สุด ยังคิดว่าต้องใช้เจ้ารถคันนี้ไปอีกนาน เดินลงมายืนบิดลำตัวเหยียดแข้งขายืดแขนเอี้ยวตัวซ้ายขวาสลัดความเมื่อยขบปลุกภวังค์ให้ตื่นเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาที่พานพบให้ได้

    ในสมองตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรนอกจากว่าจะทำอย่างไรให้รถของเขาทำหน้าที่ของมันได้ตามปกติต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายเท่านั้น

    เขายืนสูดอากาศที่สดสะอาด มีกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าแวดล้อมกรุ่นอวลโชยแตะโสตประสาท มันพอเยียวยาความผิดหวังไม่สมดั่งใจได้บ้าง ขณะที่เงยหน้าปิดเปลือกตารับความรู้สึกจากธรรมชาติที่หยิบยื่นมาต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญอย่างเขา

    ชั่วกระแสนาทีเข็มนาฬิกาเดินวนเป็นวงกลมไม่กี่รอบ เขาแย้มเปิดเปลือกตามองเห็นท้องฟ้าเป็นประกายแสงระเรื่อสีฟ้าใส เมฆเกลื่อนบางๆ ลอยผ่านไปช้าๆ ค่อย ๆ หันมาทอดสายตาในระดับขนานกับพื้นดิน มันเป็นบริเวณป่าที่เขียวชะอุ่มขจี ต้นไม้ใหญ่น้อยไม่หนาตามากเท่าใด ยังพอมองเห็นไปได้อีกไกลหลายกิโลเมตร นอกจากนั้นเป็นท้องทุ่งนาไร่มีพืชผลที่ชาวบ้านละแวกนี้ปลูกพืชทำไร่สวนที่ดูเหมือนจะได้ผลผลิตที่ดีไม่น้อย ทั้งข้าว ข้าวโพด สวนผลไม้คละเคล้ากันไป

    ใจเขาเริ่มละล่องท่องเที่ยวตั้งแต่แรกเห็นไปแล้ว จากไหล่ถนนมีรอยทางเดินที่คดเคี้ยวลงไปตามทุ่งมีทางคล้ายรอยทางสัญจรด้วยล้อเกวียนอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาคิดไปเองหรือเปล่า หรือเป็นรอยทางของรถไถที่ชาวนาชาวไร่ใช้กันเป็นปกติตามหมู่บ้านในแถบชนบททั่วไปก็เป็นได้

    เขาลงเดินไปตามทางนั้นเรื่อย ๆ ห่างจากรถไปทีละน้อย ลืมไปเลยว่าจะจัดการกับรถอย่างไรให้มีพลังงานพอเดินทางต่อไปได้

    โป๊กเป๊ก ๆ ๆ ๆเป็นเสียงเคาะจังหวะที่ต่อเนื่องดังสม่ำเสมอคล้ายกับเสียงพวงกรุ๋งกริ๋งที่ห้อยตามกิ่งไม้ชายคาบ้านเรือน แต่น้ำหนักเสียงหนักแน่นกว่า


    เป็นเสียงสั่นกระดึงที่ผูกห้อยคอของวัวสองตัวที่เทียมเกวียนกำลังเดินเข้ามาตามเส้นทางที่เขาคิดว่าเป็นทางวิ่งของรถไถนาหรือรถแทรกเตอร์ ขณะที่แดดเริ่มแรงจ้าจนเห็นเปลวระยิบระยับมองไกลบนทางเกวียนคล้ายกับมีน้ำเจิ่งนอง หยุดยืนรอจนเกวียนเทียมวัวนั้นค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาหา

    เสียงกระดึงดังขึ้นฟังเพราะดีในบรรยากาศที่ลมสงบเงียบงัน มีชายวัยราวสี่สิบยึดสายคล้องจมูกวัวสองตัวนั้นข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือไม้เรียวยาวคอยตีบังคับให้วัวเดินเร็วหรือช้าพร้อมเสียงตะโกนไม่ดังนัก ฮี่ย ๆ ๆ พอให้วัวของเขารู้จังหวะควรจะเร็วหรือช้า

    พอมาถึงตัวเขาที่ยืนหลบอยู่ริมทางเป็นเนินหญ้าทางคันดิน เขายิ้มให้ชายคนนั้น เขาร้องถามว่าไปไหนกัน ชายคนนั้นตอบว่า โน่นทางโน้น พร้อมกับชี้ไปข้างหน้าที่ไกลลิบ

    เขาร้องขอติดเกวียนไปด้วยได้ไหม ชายขับเกวียนพยักเพยิดทำนองเชิ้อเชิญให้ขึ้นเกวียน เขาปีนป่ายล้อเกวียนขึ้นด้านท้ายเป็นคอก มีสัมภาระของเจ้าของเกวียนหม้อดินห่อผ้าขาวม้ามีผักปลา ข้าวโพดดิบอีกหลายฝัก ที่เขาหามาอยู่ในคุถังสองสามใบ

    เขาถามว่าแถวนี้เรียกว่าหมู่บ้านอะไร ชายคนนั้นตอบเบาๆ ว่าบ้านหนองไฮ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

    เขาไม่ได้ซอกแซกอยากจะถามไถ่ซักไซ้อะไรมาก ด้วยเกรงใจเจ้าของเกวียนที่สู้อุตส่าห์โดยสารมาด้วย ทำได้แต่เพียงนั่งกับพื้นเกวียนมือยึดซี่ไม้ราวข้างไว้ให้มั่นคง

    ระหว่างที่เกวียนหมุนล้อเดินทางโยกเยกแกว่งไปมาพอได้สะเทือน เตือนให้นึกถึงล้อยางนุ่มนวลที่เขารู้สึกเป็นธรรมดาชาชินจนลืมสิ้นความสำคัญในวิถีชนบทที่ท่องจำในสมัยเด็ก ๆ ว่าชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ ที่ถูกละเลยทอดทิ้งอย่างนั้น

    เขานั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะที่เกวียนแล่นไปเรื่อย ๆ ตามทางอยากจะไปสัมผัสชีวิตที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านในชนบทที่ว่าไกลปืนเที่ยงในสมัยนี้บ้างสักหน่อยเท่านั้น เพราะไม่คาดคิดว่ายังมีวัวเทียมเกวียนหลงเหลืออยู่อย่างน้อยก็หนึ่งเล่มที่เขานั่งอยู่ตรงนี้

    ถ้าจะลองเข้าไปให้ถึงในใจกลางหมู่บ้านของชายคนนี้เลยจะได้เห็นได้รู้ถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร มีอะไรแตกต่างจากในอดีตสี่สิบห้าสิบปีก่อนบ้าง

    วัวลากล้อเกวียนโขยกเขยกไปนานเกือบหนึ่งชั่วโมง ผ่านแนวป่าไผ่สูงแหวกเป็นช่องทางที่เป็นดินร่วนปนทรายนุ่มเนียนไม่กระเดกกระเดกให้ปวดหลังปวดเอวนัก

    สภาพครึ้มร่มเย็นอย่างประหลาดจากที่ชีวิตเคยสัมผัสแต่ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เขาคุ้นเคยตลอดมา พอผ่านพ้นแนวไผ่สูงสองข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่โตกิ่งก้านแผ่ขยายโน้มเข้าหากันสองฟากฝั่งแลดูเหมือนหลังคาโดมสูงตระหง่าน ทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างบอกไม่ถูก

    นี่กำลังเข้ามาถึงบริเวณเขตแนวหมู่บ้านที่ผู้คนอาศัยอยู่อย่างถาวรแล้วหรือนี่ มันช่างสงบเงียบและมีมิตรไมตรีอย่างที่เขาจะเปรียบเทียบกับสถานที่แห่งไหนในประเทศนี้ได้หนอ สองข้างทางมีบ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกยกเสาสูงมีไม้ขั้นบันไดพาด ชักขึ้นลงได้ ใต้เรือนเป็นคอกวัวควายและเล้าหมูเล้าไก่ เงียบสงบอย่างมากจนวิเวกเหมือนกับสำนักปฏิบัติธรรมหรือวัดป่าทีเดียว

    แต่นี่คือเรือนพำนักพักนอนอยู่อาศัยของชาวบ้านที่วิถีชีวิตคลุกคลีอยู่กับท้องทุ่งเรือกสวนไร่นา สายน้ำลำคลองหนองบึงตลอดทั้งหมู่บ้าน เหมือนดังเดิมในอดีตไม่ต่ำกว่าห้าสิบปีที่ผ่านมา

    เขาฉงนฉงายใจอย่างสุดที่สุด ไม่คาดคิดว่าดินแดนที่คิดว่าเป็นอดีตไปหมดไม่เหลือแล้วในวันนี้ จะยังคงสัมผัสได้จริงตรงเบื้องหน้า ดุจดินแดนแห่งเทพนิยายของใครหลายคนอย่างแน่นอนถ้ามาได้พบเห็นเหมือนอย่างเขา

    แต่ความรู้สึกอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่งเขาก็เกิดความรู้สึกแปลกแปร่งเหมือนกับหมู่บ้านแห่งนี้ บ้านหนองไฮแห่งนี้ทำไมช่างเงียบสงบขนาดนี้ แม้จะมีเสียงกระแอมกระไอหรือเสียงทารกร้องแว่วมาไกล ๆ ให้ได้ยินบ้าง แต่ไม่มีผู้คนเดินสัญจรให้เห็นเลย

    ทุกสิ่งเงียบเชียบเกินกว่าจะเข้าใจได้ นอกจากเสียงกระดึงผูกคอวัวแล้วเท่านั้นที่ดังกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาผ่านไป ส่วนชายคนบังคับเกวียนยังคงเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเหมือนเดิมตลอดทางที่เกวียนแล่นไป

    สักพักใหญ่ความสงบเงียบงันถูกทำลายลงด้วยเสียงแผดคำรามจากท่อไอเสียรถเครื่องคันหนึ่ง กับคนขี่นั่งควบบนเบาะที่อายุอานามไม่น่าจะเกินสิบแปดปี แล่นห้อตะบึงสวนมาเสียงแผดสนั่นสะเทือนลั่นรูหู วัวสองตัวสะบัดหัวเอี้ยว ดวงตาตื่นตกใจกลัวกับเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งสวนมาอย่างรวดเร็ว

    ชายคนขับเกวียนตะโกนเสียงดังฮี่ย ๆ ๆ  ๆ ฟาดไม้เรียวซ้ายขวาสลับไปมาให้วัวคลายความตื่นตระหนกเดินลากต่อไปอย่างสงบได้ นั่นคงเป็นวัยรุ่นหนึ่งเดียวประจำหมู่บ้านกระมัง เขาคิดเอาเองโดยไม่จำเป็นต้องถามคนขับเกวียน

    ระหว่างที่เกวียนดำเนินต่อไปโดยที่ชายคนขับเกวียนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตรงจุดไหนหรือไปที่ไหน เขาสังเกตสองข้างทางมองสอดส่องเข้าไปลึกถึงเรือนชานของบ้านเรือนชาวบ้าน ยังเห็นผู้คนอยู่กันนี่นา เขาคิด ส่วนมากเป็นผู้หญิงสูงอายุหรือวัยสามสิบขึ้น นอนเอกเขนกกับแคร่ไม้ใต้ถุนบ้านหรือบนชานเรือนบ้าง บ้างนั่งถือโทรศัพท์มือถือจดจ่อก้มดูปัดหน้าจอเลื่อนขึ้นลง มีรอยยิ้มบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก้มดูโทรศัพท์มือถืออย่างเงียบ ๆ

    อย่างนี้เองที่หมู่บ้านแห่งนี้เงียบอย่างกับสำนักสงฆ๋กลางป่า และเขาก็นึกขึ้นได้เมื่อเงยมองขึ้นไปเห็นสายโยงระยางทั้งสายไฟฟ้าสายสัญญาณสื่อสารระบบอินเตอร์เน็ตที่วางพาดผ่านไปตามเสาไม้และต้นไม้ แต่ใบไม้หนาปกคลุมจนถูกกลืนหายไปจากสายตามนุษย์

    เออนะนี่ยังไม่นับว่าเป็นดินแดนห่างไกลไร้การพัฒนาเสียทีเดียว ถ้ายังมีไฟฟ้ามีระบบเครือข่ายสื่อสารทางไกลเข้าถึงอย่างนี้

    แต่เขาก็รู้สึกว่ายังเป็นดินแดนในฝันของเขาอยู่ดี มันสงบใจสบายความรู้สึกอย่างมากเกินกว่าที่ใดจะเทียบเทียม ทั้งที่ไม่ได้มีการจัดการประดิษฐ์คิดตกแต่งออกแบบจากสถาปนิกหรือวิศวกรระดับยอดฝีมือใด ๆ มันเป็นวิถีที่บังเกิดขึ้นจากจิตวิญญาณตัวตนของคนในหมู่บ้านเท่านั้นที่รังสรรค์ขึ้นมาเอง ไม่มีสถาปนิกยอดฝีมือที่ไหนจะบันดาลให้เกิดขึ้นได้อย่างเสมอเหมือน

    เสียงกราดเกรี้ยวผรุสวาทดังแปร๊ดขึ้นมาท่ามกลางความรู้สึกที่กำลังดำดิ่งสู่ความสงบสุข

    “แกนังมารร้าย แกนั่นแหละที่ไม่รู้จักอิ่มเอม แกถึอดียังไงหือมาแย่งผัวชาวบ้าน มานี ๆ ๆ ฉันจะไม่เป็นแม่พระถือศีลถือธรรมะอีกต่อไป มาให้ฉันตกซักฉาดสองฉาด อีนังตัวดี”

    เสียงนั้นดังมาจากบ้านหลังหนึ่งที่เกวียนแล่นผ่านพอดี เขาตกใจขนลุกขนพองทันที คงมีคนทะเลาะวิวาทกันในบ้านหลังนี้ เขาเพ่งมองหาต้นเสียงอย่างตระหนกตกใจ ยังคงมีเสียงร้องวี้ดว้ายติดตามมาพร้อมเสียงโครมครามของวัตถุอะไรบางอย่างตามมาติด ๆ เขาจ้องดูก็ไม่เห็นภาพที่คิดว่าจะเกิดขึ้นต่อหน้าเขา

    หากแต่เป็นเพียงหญิงกลางคนนั่งจุมปุกก้มดูมือถือตัวเกร็งและตื่นเต้นเร้าใจกับละครในโทรศัพท์ที่ถึงฉากปะทะบู๊ตบตีกันนั่นเอง

    เขาค่อยโล่งอกที่แดนสงบในฝันไม่ได้ถูกทำลายลงพลันในคราเดียว

    ขอเหลือดินแดนแห่งเทพนิยายที่มีอยู่จริงอย่างนี้อีกต่อไปบ้างเถิด เขาคิดก่อนจะขอบอกขอบใจเจ้าของเกวียน แล้วลงจากเกวียนก้าวเดินทอดน่องไปอย่างไร้ความกังวลใจว่าต่อไปจากนี้จะมีประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ บ้างในวันข้างหน้า ถ้าเขาจะเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางข้างหน้า

    เขาไม่ลืมหรอกว่ารถของเขามันยังคงจอดสงบนิ่งอยู่ขอบแดนแห่งความฝันของเขา.

    เดชา ภู่พิชิต

    15/6/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments