นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำพิทักษ์ปกป้องสถาบัน สร้างกลไกรับมือกับอาชญากรรมทุกรูปแบบ
วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องแจ้งยอดสุข ชั้น 3 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ให้การต้อนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในโอกาสเดินทางมามอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ข้าราชการตำรวจที่ร่วมโครงการสัมมนาผู้บริหารระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569
มี รอง ผบ.ตร., จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.), ผู้ช่วย ผบ.ตร., รอง จตช. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า 44 นาย และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า 294 นาย รวม 338 นาย ร่วมให้การต้อนรับและรับฟังนโยบาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภารกิจหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือต้องเทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญคือการดูแลทรัพยากรบุคคล ให้ได้รับความเป็นธรรม และการดูแลสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจทุกนาย
เพราะสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานที่จะทำให้ข้าราชการตำรวจมีความพร้อมในการดูแลประชาชน และเน้นย้ำเรื่องการอัปเดต และอัปเกรด วิธีการทำงาน เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เท่าทัน ให้มีความพร้อมรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งควรปรับระบบระเบียบให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จในการปราบปรามอาชญากรรม
ในระยะเวลา 4 เดือนต่อไปนี้ ขอให้ยกระดับการจัดการปัญหายาเสพติด การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงประชาชนและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นภัยคุกคาม ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนในวงกว้าง และเป็นผลลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทุกประเภท เพื่อเป็นรูปแบบในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลพร้อมสนับสนุนสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกด้าน
โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาอาชญากรรม และแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศในการร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และยาเสพติด ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาชีพตำรวจเป็นงานที่หนักที่สุดงานหนึ่งในโลกก็ว่าได้ เพราะต้องทำงานภายใต้ความกดดันตลอดเวลา บริหารจัดการเวลาส่วนตัวได้ยาก และอยู่กับความเสี่ยงภัย รวมถึงความคาดหวังที่สูงจากสังคม อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุคนี้ที่มีผู้นำที่เข้มแข็ง จะเป็นที่พึ่งของประชาชน
เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา การสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการพัฒนาการทำงานในอนาคต เป็นการเตรียมความพร้อมให้ตำรวจทั่วประเทศสามารถรับมือกับอาชญากรรม และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พร้อมกันนี้ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกท่านยึดมั่นในหลักนิติธรรม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่ดำรงความเป็นนิติรัฐให้แก่ประเทศ และเป็นที่พึ่งของประชาชน ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์