Thursday, February 20, 2025
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันบช.ก.ทลายแก๊งฟอกเงิน”มังกรเทา“สาวไทยผตห.รับ2ปีถอนเงินไทย2.9พันล.

    บช.ก.ทลายแก๊งฟอกเงิน”มังกรเทา“สาวไทยผตห.รับ2ปีถอนเงินไทย2.9พันล.

    “ผบช.ก. แถลงตำรวจ ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา รวบ10ผู้ต้องหาทั้งไทย-จีน คอยรับงานแปลงทรัพย์ให้แก๊งคอลฯ ตะลึงหลักฐานทรัพย์สิน-เงินสด มากกว่า 2,900 ล้าน “

    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ก.พ.68 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)

    พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.กก.2 บก.ปอท.

    ร่วมกันแถลงทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา จับกุมน.ส.อัจฉรา อายุ 27 ปี ตัวการฟอกเงินในประเทศ พร้อมผู้ร่วมขบวนการชาวจีน 4 ราย และคนไทยอีก 5 ราย

    ทั้งหมดถูกจับกุมตามหมายศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่”ได้ในพื้นที่ กทม.,เชียงใหม่ ,สมุทรปราการ,สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม,ปราจีนบุรี,สระแก้ว และนครศรีธรรมราช

    พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีหลอกลวงเหยื่อ ด้วยการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น ซื้อขายของออนไลน์ การเช่าที่พัก รวมถึงการหางาน หรือรายได้พิเศษ อาศัยการทำงานที่ง่ายและได้เงินได้ทันที จนมีเหยื่อหลงเชื่อ ก่อนหลอกให้โอนเงินมาให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ

    คดีนี้เริ่มจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีผู้เสียหายที่ต้องการหารายได้พิเศษประกาศหางานในสื่อโซเชียล แจ้งผู้อยากหารายได้พิเศษรับสินค้าไปแพ็กที่บ้าน ช่วงแรกชักชวนให้ทำงานรูปแบบออนไลน์ เป็นงานกดไลค์-กดเพิ่มยอดติดตามต่างๆ

    เมื่อผู้เสียหายทดลองทำปรากฎว่าได้รับเงินจริงหลายครั้ง
    จากนั้นคนร้ายเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ จะต้องนำเงินมาลงทุนก่อนได้รับผลตอบแทนประมาณ 30%-50%

    ช่วงแรก มีการให้ผลตอบแทนจริง จากนั้นคนร้ายหลอกให้นำเงินมาลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ คนร้ายอ้างว่าเป็นความผิดของผู้เสียหายที่ไม่ยอมทำตามขั้นตอน เมื่อผู้เสียหายรู้ว่าถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความบก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

    พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ต่อมาตำรวจ บก.ปอท.สืบสวนจนพบว่าคนร้ายทำกันเป็น ขบวนการ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ ก่อนแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดถอนออกจากบัญชี พบเหยื่อที่ถูกหลอกลักษณะเดียวกันประมาณ 60 ราย ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

    ก่อนจะออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 32 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้าคนไทย 10 ราย, แก๊งคอลฯ ชาวจีน 2 ราย, กลุ่มฟอกเงิน จำนวน 20 ราย เป็นชาวไทย 1 ราย, ชาวจีน 14 ราย, เกาหลี 5 ราย

    ด้าน พล.ต.ต.อธิป กล่าวอีกว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ,บก.ปคบ., บก.ปคม. และ บก.ทล. ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ “ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา” เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 20 จุดใน 8 จังหวัดทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย ทั้งหมดเป็นสมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 ราย เจ้าของบัญชีม้า 5 ราย

    ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชี, รถยนต์ , เงินสด, โฉนดที่ดินบ้าน/คอนโด, นาฬิกาหรู, กระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

    จากการสอบสวน น.ส.อัจฉรา ตัวการฟอกเงินในประเทศ ให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า เมื่อปี 62 เคยทำหน้าที่เป็นล่ามและไกด์พาเที่ยวให้กับชาวจีน

    จนมาเมื่อปี 66 รู้จักกับแฟนหนุ่มชาวจีน และร่วมกันรับแลกเหรียญดิจิทัลจากลูกค้ากลุ่มจีนเทาต่างๆ ที่ต้องการใช้เงินในประเทศไทย นำเหรียญดิจิทัลมาขาย และแลกเปลี่ยน นำส่งให้กลุ่มจีนเทาตามคำสั่ง ได้ค่าบริการ 0.03 % ถึง 0.05% ของยอดเงิน

    น.ส.อัจฉรา ให้การอีกว่า ส่วนขั้นตอนการทำงาน แฟนหนุ่มชาวจีน จะคอยติดต่อกับกลุ่มจีนเทาต่างๆ จากนั้นตนและสมาชิกในแก๊ง ที่ได้รับเงินดิจิทัล จะนำเหรียญดิจิทัลมาขายในรูปแบบ p2p ผ่านแพลตฟอร์ม Exchange ส่งเงินตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา หักยอดเงินจำนวนไม่มาก

    ตนและแฟนหนุ่มจะใช้วิธีการโอนเงินผ่านบัญชีของตนไปให้ลูกค้า แต่หากเป็นเงินจำนวนมากจะเบิกเงินสดนำไปส่งมอบให้ลูกค้า หรือ นำเข้าบัญชีต่างๆ ตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทาที่ต้องการใช้เงินในประเทศไทย

    น.ส.อัจฉรา ให้การอีกด้วยว่า ทำหน้าที่ฟอกเงินตั้งแต่ปี 66 จนถึงปัจจุบัน รับเป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุล USDT 187 ล้านเหรียญ USDT คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท และถอนเงินสดเป็นเงินไทยไปแล้วประมาณ 2,900 ล้านบาท และยังนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆด้วย

    พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนทั้ง 4 รายนั้นให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า มีส่วนร่วมกับน.ส.อัจฉรา  รับเหรียญดิจิทัลมาจากกลุ่มจีนเทามาเทขาย ก่อนนำเงินสดส่งมอบให้ลูกค้า

    นอกจากพบความเกี่ยวข้องของเส้นทางการเงินที่มีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆแล้วยังพบว่าขบวนการนี้มีพฤติการณ์ตั้งบริษัทให้คนไทยเป็นนอมินีคอยรับโอนกรรมสิทธิ์บ้านหรือที่ดิน

    บริษัทที่จัดตั้งขึ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจจริง โดยพบมียอดเงินไหลเข้าไปยังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10 แห่ง ย่านบางนา เอกมัย และฝั่งธน ซึ่งใช้นอมินีสัญชาติไทย แต่กรรมการเป็นคนจีน ซึ่งตรงนี้ก็จะมีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนตัวผู้ต้องหาทั้งหมดก็จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.ดำเนินคด่ต่อไป

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments