“ บิ๊กก้อง“ แถลงข่าวรวบดาวกองร้อยปอยเปต ตัวการสำคัญหลอกเงิน ชาล็อต-แอนชิลี อ้างจำใจทำเพราะถูกบังคับ หากขัดขืนจะถูกบอสชาวจีนสั่งคนทำร้าย เผยถูกจับเพราะแฟนสาวโพสต์ภาพเที่ยวหาดบางแสน
บ่ายวันที่ 3 ก.พ.68 ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 (บก.ป.) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท.ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการจับกุม “ดาวกองร้อย นายร้อยปอยเปต แก๊งคอลข้ามชาติ”
เจ้าหน้าที่จับกุมนายรามิล อายุ 31 ปี ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”จับกุมได้ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และนายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยหลอกลวง
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยการตกลกกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้ที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ”
จับได้ที่บ้านเลขที่ xx ม.1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สำหรับการแถลงข่าวครั้งนี้นายธนาวุฒิ ยินยอมขอเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ กับสื่อมวลชนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนด้วย
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า เมื่อก.ค.67 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.1 บก.ปอท. ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า มีคนร้ายแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลมาข่มขู่ผู้เสียหาย แจ้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และคดียาเสพติด พร้อมส่งเอกสารปลอมต่างๆ มาให้ผู้เสียหายดูจนทำให้เกิดความกลัวจนหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง
ต่อมาคนร้ายหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายรวมเป็นเงินมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลจากระบบแจ้งความออนไลน์และฐานข้อมูลพบว่า มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันนี้มากถึง 163 เคส เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดสืบสวนสอบสวนจนระบุตัวคนร้ายที่แต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลมาหลอกลวงผู้เสียหาย ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายตามหมายจับดังกล่าว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เคสนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการขยายผล พบว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปอยู่ในอาคาร 18 ชั้น ปอยเปต แก๊งนี้พักอยู่ที่ชั้น 13 มีคนไทยอยู่ 50 คน ผู้ต้องหาอ้างถูกชักจูงผ่านโซเชียลโดยคิดว่าจะถูกให้ไปทำงานเป็นแอดมินชักชวนให้เล่นพนันเพื่อหารายได้ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์ และถูกให้มาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยบริเวณอาคารจะมีคนคุมและเฝ้าที่หน้าตึกและชั้น 3 โดยชั้น 1 จะเป็นสถานที่ซื้อสินค้า ที่ผ่านมาจากข่าวที่ปรากฏพบอาคารแห่งนี้ว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากการกระโดดตึกลงมา 2 ราย
“ที่ผ่านมารัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศจะต้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องมีการเจรจาพูดคุยกัน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ก็มีขีดจำกัดในการทำงาน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างตำรวจและรัฐบาลในการแก้ไขเรื่องนี้ ยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกข้อกล่าวหาแยกตามพฤติการณ์กระทำความผิดของผู้เสียหายที่เกิดขึ้นแต่ละราย“
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ทราบว่ามีใช้AI ปลอมแปลงใบหน้าทำให้ยากต่อการจับกุม ส่วนเรื่องของเงิน จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า เงินที่หลอกมาได้มีการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนจะฟอกเงินเป็นสกุลเงินต่างๆในหลายประเทศ เช่น ไทย เวียดนาม ก่อนจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมขบวนการหลังจากนี้ตำรวจจะเร่งขยายผลติดตามตัวผู้บงการที่รับผลประโยชน์สูงสุด
จากการสอบปากคำ นายรามิลรับสารภาพว่า ทำหน้าที่เป็นสาย 1 ติดต่อเหยื่อจากระบบซิมบ็อกที่เซ็ตระบบไว้ โดยจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ เมื่อพูดชักจูงเหยื่อจนเหยื่อจนเริ่มหลงเชื่อแล้ว ก็จะส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ
ด้าน พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 30 ม.ค.2568 ตำรวจกก.1.บก.ปอท.ตามจับกุม นายรามิล เอาไว้ได้ ให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่เป็นสาย 1 ในการติดต่อเหยื่อจากระบบ Sim Box ที่มีการเซ็ตระบบไว้โดยผู้ตัองหาจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปที่บอสชาวจีน และคนคุมงานเป็นคนไทยส่งมาให้ผู้ต้องหาพูดชักจูงเหยื่อจนเริ่มหลงเชื่อแล้ว
จากนั้นจะมีการส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการต่อ สำหรับผู้ต้องหารายนี้ได้ถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีไปแล้ว
ต่อมาในวันที่ 2 ก.พ.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1.บก.ปอท.ตามจับนายธนาวุฒิ ได้ที่บ้านพัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีจากการสอบถามผู้ต้องหารับสารภาพ ให้การว่าตนเองเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง
นอกจากนี้ผู้ต้องหายังยอมรับอีกว่า ได้แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิดีโอคอลไปหลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การว่า ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะมีหน้าที่วิดีโอคอลเพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ และทำหน้าที่ควบคุมเหยื่อผ่านการวิดีโอคอลในระหว่างการหลอกลวง
เมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะมีคนร้ายที่เรียกว่าสาย 3 ทำหน้าที่ปิดดีล หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ในระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นคนควบคุม และคิดสคริปในการหลอกลวงเหยื่อเพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้ หากไม่ปฏิบัติตาม หรือต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย
หากสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ได้ตนจะได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็น ตั้งแต่ 2-5-10 เปอร์เซ็นต์ จากมูลค่าที่หลอกลวงเหยื่อ
ด้านนายธนาวุฒิ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง
เริ่มแรกที่เข้าไปที่ตึก 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต เมื่อปี 66 หลังจากได้คำแนะนำจากแฟนสาว ให้ข้ามไปทำงานเพราะคิดว่าเป็นแค่แอดมินเว็บพนันออนไลน์ คอยเติมเงินใส่บัญชีพนันเท่านั้น แต่หลังจากเข้าไปแล้วกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือ ถูกนำตัวไปอยู่ที่ชั้น 13 มีคนไทยอยู่ประมาณ 50 คน กินนอนอยู่ภายในขั้นน้้นอย่างเดียว
จากนั้นเข้ารับการเทรนพูดหลอกเหยื่อประมาณ 1 อาทิตย์ ก่อนจะถูกให้อยู่ในสาย 2 แต่งตัวเป็นตำรวจคอยปลอบเหยื่อ ที่ผ่านมาก่อเหตุหลอกลวงคนมาแล้วหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ทั้งน.ส.ชาล็อต ออสติน และ แอนชิลี ด้วย
นายธนาวุฒิ ยังให้การอีกว่าในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตัวเองจะมีหน้าที่วิดีโอคอลเพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ ทำหน้าที่ควบคุมเหยื่อผ่านการวิดีโอคอลในระหว่างการหลอกลวง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะมีคนร้ายที่เรียกว่าสาย 3 ทำหน้าที่ปิดดีล หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้
ในระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นคนควบคุม และคิดสคริปในการหลอกลวงเหยื่อเพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้ หากไม่ปฏิบัติตามหรือต่อต้านจะถูกไม้เบสบอลทุบตีทำร้ายร่างกาย หากสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ได้จะได้รับส่วนแบ่งจากมูลค่าที่หลอกลวงเหยื่อ
นายธนาวุฒิ กล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ยังคอยทำหน้าที่เป็นคนปลอบใจผู้เสียหาย ส่วนกรณีน.ส.ชาล็อต ออสติน ยอมรับว่า ตอนแรกไม่ทราบว่าเหยื่อที่พูดด้วยคือ ชาล็อต เพิ่งมาทราบตอนที่ได้พูดคุยกันแล้ว โดยชาล็อตจะร้องไห้เพราะกลัวว่าจะกระทบการทำงาน จึงได้พูดให้เขาสบายใจที่สุดและให้เขาพักผ่อน มีการพูดคุยกันตลอดทั้งคืนจนเช้า
กำชับไม่ให้ผู้เสียหายวางสายโทรศัพท์ ส่วนชื่อที่เอามาใช้หลอกมีอยู่ในอินเตอร์เน็ต ยอมรับว่าเริ่มทำงานสาย 1 เมื่อปี 2566 ต่อมาในปี 2567 ได้ขยับเลื่อนมารับสาย 2
“ที่ผ่านมาเคยพยายามหนี ออกจากขบวนการแต่ถูกจับได้ โดนทุบตีด้วยไม้เบสบอล 5 ครั้ง ที่หลุดออกมาจากวงจรโคจรได้เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยขบวนการได้ปล่อยให้เดินทางกลับพร้อมให้เงินติดตัวมา 40,000 บาท เนื่องจากให้เหตุผลว่าตัวเองไม่มีประโยชน์กับขบวนการแล้ว ก่อนจะกลับมาไทยได้เพียง 2 สัปดาห์ จนถูกจับกุม
นายธนาวุฒิ ยังเล่าอีกว่า เมื่อไปถึงที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทุกคนจะโดนจับอบรม 7 วัน โดยต้องไปฟังสคริปว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร และมีการฝึก วิธีการพูด การโทรและการหลอกคนว่าจะต้องทำอย่างไร โดยคนจีนเป็นคนเขียนสคริปให้และมีล่ามเป็นผู้แปลให้ส่วนเงินส่วนแบ่งที่ได้รับตนนำไปใช้เล่นพนันสล็อตบนมือถือจนหมดแล้ว
เมื่อถามว่าเคยพบเจอกับบอสขาวจีนหรือไม่ นายธนาวุฒิ ยอมรับว่า เคยพบแต่ไม่บ่อย ส่วนการพูดคุยจะมีล่ามเป็นผู้แปลให้ ส่วนตัวไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่ ที่ผ่านมามีตำรวจกัมพูชามาตรวจตรวจสอบอยู่บ่อยครั้งเมื่อมาถึงพวกตนจะพยายามหลบซ่อนตัวล็อคห้องเหมือนไม่มีคนอยู่ หนึ่งปีจะมาตรวจ 4-5 ครั้ง
สำหรับชั้น 13 ที่พักจะเป็นห้องยาวแล้วมีห้องแบ่งเหมือนโรงแรมทั่วไป มีผู้ร่วมขบวนการอยู่ 30-40 คน ที่ผ่านมาพบว่ามีคนจีน อินโดนีเซีย อินเดีย และมาเลเซีย อยู่ในอาคารนั้นด้วยแต่อยู่คนละขั้น ส่วนคนคุมระบบหลังบ้านจะเป็นชาวจีน ส่วนที่ไม่ขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่มาตรวจเพราะไม่มั่นใจว่าตำรวจเหล่านี้จะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้หรือไม่ จึงไม่กล้าขอความช่วยเหลือ
“ ที่ผ่านมาเคยพยายามหลบหนีแล้วหนึ่งครั้ง เคยขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตไทยแต่ถูกจับได้ก็ถูกทุบตี จนไม่กล้าทำอะไรที่เสี่ยงให้ตัวเองถูกทำร้ายอีก พร้อมขอโทษผู้เสียหายทุกราย หากไม่ทำตนจะถูกทำร้าย ที่ทำเพราะมีปัญหาหนี้สินที่ต้องเคลียร์ จึงสมัครไปเป็นแอดมินเว็บพนันเพื่อรับเงินและโอนเงินเข้าระบบให้ลูกค้าแต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์”
นายธนาวุฒิ บอกเล่าถึงรูปแบบแผนประทุษกรรมของขบวนการดังกล่าวอีกด้วยว่า มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 สาย สายแรกจะเป็นคนโทรข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีความผิดฐานฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 2 เพื่อพูดคุยโน้มน้าวปลอบให้เหยื่ออยู่ในสาย โดยตนทำหน้าที่นี้อยู่หากโอนเงินมาให้ตรวจสอบจะปลอบเหยื่อว่าได้เงินคืนอย่างแน่นอน
ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 3 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ บทบาทที่มีการแอบอ้างจะอ้างตัวเป็นตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
โดยกองร้อยปอยเปตที่ทำหน้าที่พูดคุยกับผู้เสียหายรู้จักกันทุกคน ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่าคนอื่นๆ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ นอกจากนี้ยังยอมรับว่ารู้สึกกลัว หลังทราบข่าวว่าตำรวจสอบสวนกลางกำลังไล่ล่าจับกุมตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกุญแจสำคัญที่นำมาสู่การตามจับกุมตัว นายธนาวุฒิ ผู้กองกำมะลอกองร้อบปอยเปตรายนี้ได้ เริ่มจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมนายรามิล ผู้ต้องหารายแรกได้ก่อนเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ก่อนจะซัดทอดพร้อมยืนยันตัวบุคคลว่า นายธนาวุฒิ คือหนึ่งในแก๊งตำรวจกองร้อยปอยเปต จริง ปัจจุบันเพิ่งจะหลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทย จึงเร่งรวบพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิด
กระทั่งพบเบาะแสสำคัญจากแฟนสาวนายธนาวุฒิ ที่โพสต์รูปภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพขณะกำลังตระเวนเที่ยวทะเลพักผ่อนอยู่ที่หาดบางแสน อ.เมือง และชายหาดในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งในรูปภาพดังกล่าวปรากฎให้เห็นแผ่นหลังของชายลักษณะคล้ายกับนายธนาวุฒิ เจ้าหน้าที่จึงเร่งสักดรอบเฝ้าติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำในขั้นจับกุม เจ้าหน้าท