“บิ๊กตุ๊-สุรสิทธิ์ สังขพงศ์“ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธี MOU จัดตั้งและขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทยระหว่าง สมช. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกองทัพเรือ
วันที่ 11 เมษายน 68 ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธานในพิธีร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดตั้งและขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทยระหว่างสำนัก งานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกองทัพเรือ
มี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
นายฉัตรชัย บางชวด ท่านเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ผู้แทนส่วนราชการ ร่วมในพิธี
พล.ต.ต.สุรสิทธิ์กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนท่านรองนายกรัฐมนตใพิธีนเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดตั้งและขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทย ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งแห่งชาติและกองทัพเรือ ได้จัดขึ้น
ขอแสดงความชื่นชมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้ประเทศไทยมี “องค์กรจัดการความรู้ทางทะเล” ซึ่งทราบว่า
มีความพยายามจะจัดตั้งองค์กรในลักษณะนี้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2540
วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของประเทศไทย ที่จะมืองค์กรกลางจัดการความรู้ทางทะเลหรือคลังสมองทางทะเล (Mantine Think Tank)เพื่อรวบรวมศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านความมั่นคงทางทะเลแบบองค์รวม ตลอดจนมีบทบาทในการกำหนดยุทธศาสตร์ หรือแผนในระดับนโยบาย ทั้งในเชิงสมุททานุภาพ (Sea Power) และสมุทราภิบาล
ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า รัฐบาลไทยพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในทุกมิติ และให้ความสำคัญกับการกำหนดและขับเคลื่อนนโยบายทางทะเลโดยอาศัยองค์ความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญ
เชื่อว่าการเกิดขึ้นขององค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประ เทศไทย จะช่วยเสริมการดำเนินงานของภาครัฐในการบริหารจัดการผลประโยซน์แห่งชาติทางทะเล รวมถึงกิจกรรมเศรษฐกิจภาคทะเลของไทยให้เติบโตและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ตลอดจนสามารถพัฒนาและขยายเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันวิชาการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภาคประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญของทะเลในทุกมิติ
ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยึดถือปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน หากมีอุปสรรคหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานขอให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหน่วยงานกลางในการอำนวยการและประสานการปฏิบัติ ให้การดำเนินงานให้ลุล่วงตามเป้าหมาย