ผบช.น. แถลงจับ 2 จีนเทาระดับตัวสั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โยงแก๊งตึก 20 ชั้น ประเทศเพื่อนบ้าน หลังพบเช่าบ้านหรูย่านเสนาฯ เป็นเซฟเฮ้าส์ เอาไว้พักและเก็บทรัพย์สิน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่คอยติดตามทรัพย์สินคืนเหยื่อที่ถูกหลอก จนเกิดหลงเชื่อสุดท้ายโดนหลอกซ้ำอีกครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ก.พ.68 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รรท.รอง ผบช.น. รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รรท.ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อาทร ชิ้นทอง รรท.ผบก.ศูนย์ฝึกอบรมกลาง ศปอส.ตร.
พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิลผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. จนท.วิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.
นำกำลังเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น. จับกุมตัว นายยี วานโยว อายุ 29 ปี ชาวจีน และนายลี่ เว่ยเจีย อายุ 30 ปี ชาวจีน
ข้อหา “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆเพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
จับรายแรกได้ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านพาทิโอ รัชโยธิน ซ.พหลโย ธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 จับได้ที่บ้านเลขที่ 594/29 ซ.พหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร จ.กรุงเทพฯ
พร้อมของกลาง 4 รายการ เงินสด ไทยและต่างประเทศ รวมประมาณ 417,546.67 บาทของแบรนด์เนมจำนวนมาก มูลค่ากว่า 4,305,846บาท รถ Benz Maybach S580e ราคาประมาณ 11,000,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นจำนวนมาก รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดมูลค่าประมาณ 15,305,846บาท
พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า เมื่อเดือน ก.ค.67 มีผู้เสียหาย แจ้งความที่ สน.หัวหมาก ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมากและสืบนครบาล สืบสวนขยายผลสอบปากคำพยานปากสำคัญที่ชายแดนได้หลายปาก ยืนยันตัวว่า ผู้ต้องหาชาวจีน ทั้ง 2 คนที่ถูกจับได้ คือตัวการใหญ่ ถือเป็นระดับหัวหน้าขบวนการคอยควบคุมสั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้ลูกน้องในเครือข่ายเปิดเพจ Facebook
ส่วนแผนประทุษกรรม จะเปิดเพจหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. พร้อมคีย์เวิร์ด ว่า “ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน” และ” ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมต่างๆ พร้อมทั้งยิงแอดโฆษณาปั่นยอดไลค์ รวมถึงนำรูปโปรไฟล์เป็นรูป ผบ.ตร. ไปใช้กับเหยื่อที่ถูกหลอกหรือเหยื่อที่แจ้งความแล้วเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ
เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกรอกข้อมูลเข้าไปจะเหมือนเป็นการหลอกซ้ำ แต่เมื่อเหยื่อติดต่อกลับไป จะพาเข้ากลุ่มไลน์ที่จะมี ทนาย ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าฝ่ายไอที ต่างๆ ทำทีสร้างชาร์จเส้นทางการเงินให้เหยื่อดู ก่อนอ้างว่าเงินที่ถูกหลอกไหลไปสู่เว็บพนันในต่างประเทศ จะต้องให้ฝ่ายไอทียิงระบบนำเงินคืนมา
พล.ต.ท.สยาม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้งสองได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสั่งงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เสร็จแล้วจะข้ามกลับมาพักที่บ้านเช่าภายในซอยพหลโยธิน 32 เปรียบเสมือนเป็น safe house บ้านหลังดังกล่าวมีราคากว่า 15 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสองเช่าอยู่เดือนละ 100,000 กว่าบาท จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้พร้อมของกลาง
นอกจากนี้ยังพบว่า ในโทรศัพท์มือถือน มีข้อมูลเป็นรูปภาพ QR Code และรูปภาพเครื่อง SIM box ,ซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่เปิดใช้งานจำนวนมาก หลังจากนี้จะนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้เสียหายอย่างไร
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใด ๆ กับตำรวจ นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สน.หัวหมาก ดำเนินคดีพร้อมขยายผลในเรื่องของการฟอกเงินกับตัวการหรือลูกทีมในขบวนการอื่นเพิ่มเติม เพราะพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งขบวนการ Call Center ขนาดใหญ่ที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจยึดอายัดได้ จะเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์สินเพื่อเยียวยาคืนแก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ที่สำคัญ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมาแล้วว่า ให้ทุกสถานีตำรวจในท้องที่ไม่ว่าจะเป็นนครบาลหรือภูธร ตรวจสอบชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนท้องที่นครบาลได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจขยายผลทุกคดีที่มีการแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมด
ผบช.น. ฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่า หากพบพฤติการณ์ของชาวจีนหรือชาวต่างชาติรายใดที่ใช้ชีวิตหรูอยู่สบายหรือหรือเข้าข่ายว่าจะประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสให้กับทางตำรวจได้ทุกท้องที่
เน้นย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อเพจแจ้งความออนไลน์ที่อ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ โดยเฉพาะหลายเพจที่มักจะนำภาพของผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาเพื่อชวนเชื่อ โปรดอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ให้แจ้งความกับทางตำรวจที่สถานีตำรวจหรือช่องทางของตำรวจโดยตรงเท่านั้น อีกทั้งบรรดาผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเข้ามอบตัวและให้ข้อมูลกับทางตำรวจ เพื่อขยายผลกวาดล้างแก๊งค์ Call Center ให้หมดไปจากประเทศไป