ตำรวจ ปคบ.ร่วมอย.บุกทลายโรงงานลักลอบผลิตยาสเตียรอยด์ย่านหลักสี่ ยึดของกลางเกือบ 2 ล้านเม็ด พร้อมเปิดปฏิบัติการลุยตรวจสอบร้านยาทั่วเมืองกรุง จับเภสัชกรเถื่อน 12 ราย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 ม.ค.68 ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รรท.ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมด้วยนพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
ร่วมกันแถลงผลจับกุมคดีสำคัญ 2 คดี ประกอบด้วย จับกุมโรงงานผลิตยาสเตียรอยด์รายใหญ่ ตรวจยึดยา Dexamethasone กว่า 1,930,000 เม็ด ต่อด้วยคดีจับกุมคดีเภสัชกรเถื่อนประจำร้านขายยา 12 ราย
พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า คดีแรก ที่ผ่านมาบก.ปคบ.รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการลักลอบนำยาสเตียรอยด์ เป็นยาควบคุมพิเศษมาวางจำหน่ายในรูปแบบยาชุด หรือใช้ผสมผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องดื่ม และ เครื่องสำอาง เพื่อหวังผลในการรักษาอาการต่างๆ ให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
“หลังทราบเรื่องร่วมกับ อย. สืบหาข้อมูลจนทราบแหล่งที่ผลิตตั้งอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 6 ย่านหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ก่อนนำกำลังเข้าตรวจสอบพบสถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน มี น.ส.ปณิธี อายุ 47 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของพร้อมนำใบอนุญาตมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
แต่เมื่อตรวจสอบภายในโรงงานกลับพบยาสเตียรอยด์ ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา 1,930,000 เม็ด แพ๊คบรรจุใส่กล่องลังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใช้แล้ว เพื่อเตรียมส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า จึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง
การกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ผลิตยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากนี้จะส่งตัวยาสเตียรอยด์ไปตรวจพิสูจน์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถ้าพบความผิดจะเรียกตัวเจ้าของมารัยทรายข้อกล่าวหาต่อไป “ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายแพทย์วิทิต กล่าวว่า “ยาสเตียรอยด์”เป็น“ยาควบคุมพิเศษ” มีทั้งข้อดีืและข้อเสีย คนที่จะใช้ ต้องมีใบสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น และจัดทำบัญชีการขายยารายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ส่วนข้อเสีย เมื่อใข้ไปนานๆ จะทำให้อาการเจ็บป่วยดีขึ้น แต่ถ้าหยุดใช้อาจะเกิดอาการช็อกได้ กรณีที่ร้านขายยาจะจ่ายยาให้คนไข้ได้ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น
พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์กล่าวต่อว่า คดีที่สองเป็นการระดมกำลังตรวจค้นร้านขายยาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อปราบปรามร้านยาลักลอบใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร จำหน่ายยาให้ประชาชนทั่วไป จนจับกุมผู้กระทำผิดหรือเภสัชกรเถื่อนที่ไม่มีความรู้ด้านเภสัชกรรมในเขต กทม. 12 ราย
1. ร้านยาแอลเอฟาร์มาซี, 2. ร้านยายิ่งเจริญฟาร์มาซี, 3. ร้านขายยา P Drug Store, 4. ร้านขายยารุ่งโรจน์ฟาร์มาซี, 5. ร้านยาฟาร์มาเพลซ, 6.ร้านยาร้อยแปดพันเก้า, 7. ร้านขายยารุ่งเรืองโอสถ, 8. ร้านขายยาพีเมดพลัส, 9. ร้านยาโกสุมรวมใจ, 10. ร้านพลรักษ์ฟาร์มาซี, 11. ร้านขายยา ปภาวรินทร์, 12. ร้านขายยาทิวาภรณ์
ตรวจยึดยาอันตราย ยาขึ้นทะเบียนตำรับยา และพยานหลักฐานอื่นๆ 26 รายการ ยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง 26 รายการ
“ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบผู้ต้องหาทั้ง 12 ราย มี 5 ราย จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และ มี 2 ราย จบการศึกษาระดับ ปวส. ส่วนอีก 5 รายที่เหลือจบการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเภสัชกรรม
จากการสอบถามทั้งหมดยอมรับว่า “รับจ้างเป็นพนักงานขายยาให้กับร้านยาต่างๆจริง โดยจะทำงานอยู่ประจำที่ร้านทุกวัน ได้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 -30,000 บาท ส่วนเภสัชกรตัวจริงจะเข้ามาดูแลร้านเพียงเดือนละ 1-4 ครั้ง
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” โดยหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านยาแต่ละแห่งตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป” รรท.ผบก.ปคบ. กล่าว
