เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 พ.ย. 67กรมสอบสวนคดีพิเศษ
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย ในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปง. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก
ปปง.ยึดอายัดยอดรวม320ล.
นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินในส่วนของ ปปง.ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไปแล้วรวม 320 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นพวกบัญชีเงินฝาก ที่เก็บเงินจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นการยึดและอายัดทรัพย์โดยอำนาจของเลขาธิการ ปปง. ที่เชื่อว่ามีเหตุในการจะถูกยักย้าย ถ่ายเท อาทิ การจะทำธุรกรรมถอนเงิน
ทำงานคู่ขนานกับดีเอสไอ
นายวิทยากล่าวต่อว่า แต่ถ้าการยึดและอายัดทรัพย์ตามปกติ จำเป็นที่จะต้องมีการรอสำนวนการสอบสวนทางคดีอาญาก่อน คาดว่าในสัปดาหหน้า์จะมีความชัดเจนเป็นลำดับ ขณะนี้ ปปง.อยู่ระหว่างการประสานงานกับดีเอสไอ เพราะการทำงานของ ปปง. ต้องคู่ขนานไปกับสำนวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน เพื่อเกิดความรอบคอบและนำไปต่อยอด โดยเฉพาะเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ปปง.ต้องดูจากสำนวนเป็นหลักเนื่องจากใช้เป็นฐานในการดำเนินการตามกฎหมายของ ปปง.
ไม่ได้ร่วมทำผิดแต่รับโอนก็ยึดได้
สำหรับบุคคลที่นอกเหนือจากผู้ต้องหา 18 ราย หากมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึง ตามกฎหมายฟอกเงิน เราสามารถติดตามยึดตัวทรัพย์สิน หากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด แม้ว่าคนที่รับโอนหรือครอบครอง ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดในคดี เราก็ตามไปอายัดได้
เพียงแต่ว่าการรับโอนของเขามันสุจริตหรือไม่ หากสุจริต มีการเสียค่าตอบแทนก็อาจจะได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าเขารู้ว่ามันคือทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ปปง.
ที่ผ่านมา ปปง.เฝ้าระวังการยักย้าย ถ่ายเท แปลงสภาพของทรัพย์สินในคดีดิไอคอนมาตั้งแต่แรก หากมีเหตุน่าเชื่อ เลขาธิการ ปปง. จะใช้อำนาจยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว
ยังไม่ได้ข้อยุติเงินเปลี่ยนสกุลหรือออกนอกปท.
สำหรับประเด็นพบกระแสเงินในคดีดิไอคอนไหลออกนอกราชอาณาจักรบ้างหรือไม่ หรือถูกเปลี่ยนให้อยู่ในสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี ขอเรียนว่ายังไม่มีข้อยุติในส่วนนี้ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 61-63 แต่ตอนนี้ปี 67 การทำธุรกรรมทางการเงินถือเป็นเรื่องปกติ
แต่การที่ ปปง. จะใช้อำนาจ ก็ต้องมีพื้นฐานในคดีอาญาให้มันชัดเจนด้วย และกระบวนการในการตรวจสอบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ก็ยิ่งต้องใช้หลักฐานเยอะ เพราะบางครั้งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มาร่วมกระทำความผิด แต่เราต้องมีความชัดเจนว่าทรัพย์สินดังกล่าวมันตั้งต้นมาจากเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ปปง.จะติดตามยึดและอายัดทรัพย์สินได้เทียบเท่ากับมูลค่าความเสียหายหรือไม่ เพราะ ปปง. ยึดไปแล้ว 320 ล้านบาท แต่มวลรวมความเสียหายในปัจจุบันมีกว่าพันล้านบาทนั้น
นายวิทยา กล่าวว่า ทรัพย์สินในคดีที่ยึดและอายัด นอกจาก ปปง. แล้วยังมีตำรวจและดีเอสไอที่ได้ไปยึดอสังหาริมทรัพย์ไว้ และท้ายสุดก็ต้องถูกส่งมาที่ ปปง.
ย้ำจะพยายามทำให้ดีที่สุด
ย้ำว่าพยายามทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ไม่อยากบอกว่าจะได้ครบหรือไม่ เพราะเวลามันทิ้งช่วงมาหลายปี ทรัพย์มีการจำหน่าย จ่าย โอน และมันมีความยากในเรื่องของการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย เป็นโจทย์ใหญ่ของ ปปง.
พยายามทำเรื่องทรัพย์สินให้นิ่งก่อน
เนื่องจากบางรายจ่ายเงิน 250,000 บาท ได้สินค้าไปเท่าไร หรือมีการขายจริงแล้วได้เงิน หรือนำไปบริจาค หรือนำไปให้สุนัขกิน จะคิดค่าเสียหายกันอย่างไร จึงพยายามเคลียร์เรื่องทรัพย์สินให้นิ่งก่อน แล้วจะขยับมาเรื่องคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย
ยึดก่อนแล้วค่อยคุ้มครองสิทธิเหยื่อ
ทั้งนี้ การประกาศคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจะต้องเกิดขึ้นภายหลังจากที่ดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้องต่ออัยการเท่านั้น เพราะกฎหมายของ ปปง. คือยึดทรัพย์ก่อนแล้วนำมาคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ดังนั้น การคุ้มครองสิทธิฯ จึงต้องอาศัยหลักฐานในคดีอาญาของพนักงานสอบสวนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นปีไหน แล้วใครมาเกี่ยวข้องสัมพันธ์ จะอยู่ในข่ายที่ ปปง. จะต้องเข้าไปดู
สรุปคือ การทำเรื่องทรัพย์สินของ ปปง. ต้องชัดเจน ไม่ใช่ไปฟอกขาวให้เขา แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วย
ส่วนเรื่องเงินทำบุญ หรือเส้นทางเงินที่อ้างว่าเป็นเงินโอนสำหรับทำบุญ กรณีเงินทำบุญ วัดที่รับทำบุญสามารถต่อสู้เรื่องของความสุจริตตามธรรมจรรยา กล่าวคือ ตอนที่วัดรับโอนเงิน วัดรู้หรือไม่ว่าเงินนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ถ้าไม่รู้คือจบ และตามศีลธรรมจรรยา
ปกติแล้ว วัดรับบริจาคลักษณะแบบนี้ใช่หรือไม่ ทั้งหลักสิบบาท หลักร้อยบาท หลักร้อยล้านบาท เคยรับไหม ต้องดูประกอบหลาย ๆ อย่าง
ส่วนถ้าเงินโอนเข้าแล้วอ้างว่าเป็นเงินทำบุญ แต่เงินกลับถูกโอนออกไปอีกบัญชีทันทีนั้น อันนี้ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริง แล้วแต่องค์ประกอบ ก็ต้องดูความสุจริตว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก่อนหรือไม่ รวมทั้งใบอนุโมทนาบุญก็ต้องดูประกอบเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เราต้องดูลึกมากกว่านั้น เพื่อพิสูจน์ความสุจริตของเขา
ที่ดิน”บอสกันต์“อยู่ระหว่างดำเนินการ
ส่วนกรณีที่ดินของนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ติดกับวัดคีรีเขต ทอดยาวไปถึงลำน้ำแม่ท่าช้าง ต.บ้านปง อ.หางดง มีทั้งหมด 7 ไร่ 70 ตารางวา อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
ดังนั้น เรื่องที่ดิน ไม่ค่อยห่วง แต่เพื่อความรอบคอบ ต้องมีชัดเจนเพียงพอว่าเป็นทรัพย์ที่เขาได้มาครอบครองในช่วงเวลาใด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย
ถามว่าสังคมสนใจห้วงไทม์ไลน์ปี 62-64 ที่ธุรกิจดิไอคอน ได้รับความนิยม มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ารายการทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เหล่า 18 บอสได้มาครอบครองนั้น จะเป็นการได้มาด้วยเงินที่มาจากการทำธุรกิจดิไอคอนฯ
นายวิทยา กล่าวว่า ปปง. มีความจำเป็นที่จะต้องรอดูสำนวนของพนักงานสอบสวน หรือคดีอาญา ก่อน ว่าพฤติการณ์การกระทำความผิดได้ถูกขีดเส้นตั้งแต่ช่วงใด เพื่อให้เป็นขอบเขตในการดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินด้วย ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานสักระยะ
สำหรับการประชุมของคณะกรรมการธุรกรรม ได้มีการประชุมในทุกเดือน แต่เราก็ไม่อยากไปกำหนดเวลาการทำงานของพนักงานสอบสวน เพราะพนักงานสอบสวนต้องมีความรอบคอบในการทำ ถ้าทัน ก็สามารถเสนอได้ อีกทั้งก็แล้วแต่ข้อเท็จจริงด้วย แต่ยืนยันว่าจะทำให้เร็วเพราะมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังรอความหวัง
ด้านพ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ขนะนี่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะเข้าไปแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา ส่วนจะทันวันที่ 8 พ.ย.หรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจเอกสารบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา หากพรุ่งนี้ทันก็จะดำเนินการในวันพรุ่งนี้เลย และจะต้องนัดพร้อมทนายความของผู้ต้องหาให้เรียบร้อยด้วย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงานสอบสวน แต่ให้ความมั่นใจว่าในเร็วๆ นี้
ส่วนกรณีผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ตนต้องย้ำว่าตอนนี้เราเร่งดำเนินการกับกลุ่มแรกก่อน เพราะมันมีระยะเวลาควบคุม เพราะในฐานความผิดแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้ คือ ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมฯ สามารถฝากขังได้ 48 วัน
แต่เมื่อดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ จะขยายเวลาควบคุมได้ถึง 84 วัน แต่หลักฐานเอกสารในสำนวนปัจจุบันนี้มีกว่า 200,000 แผ่น พนักงานสอบสวนจึงต้องเรียบเรียงและรวบรวมเพื่อจะสรุปสำนวนคดีให้ทัน ทั้งนี้ ในกรณีผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ที่ดีเอสไอจะต้องขยายผลต่อนั้น มันก็จะยังอยู่ในระยะเวลา ย้ำว่าจะเร่งทำให้รวดเร็ว
ส่วนกรณีที่ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล แจ้งว่าหากดีเอสไอไม่ทำการสอบปากคำพยานของบริษัท ดิไอคอนฯ ให้ครบ 2,000 ปาก หรือพยายามจะตัดจำนวนพยานนั้น จะมีการขอความเป็นธรรม และอาจถึงขั้นดำเนินคดี ม.157 ต่อพนักงานสอบสวนนั้น
ได้แจ้งให้ทางทนายความไปจัดทำบัญชีรายชื่อพยาน ระบุความเกี่ยวข้อง และประเด็นที่ทั้ง 2,000 รายประสงค์ให้ข้อมูล ซึ่งก็ต้องมาดูว่าเป็นประเด็นเดียวกัน ซ้ำกันหรือไม่ ทุกอย่างเป็นอำนาจและดุลพินิจของพนักงานสอบสวน หากพนักงานสอบสวนได้รับฟังประเด็นและการชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้ว ก็ต้องให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาเท่าที่จำเป็น