วันที่ 26 พ.ค. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษกิจ (ผบก.ปอศ.)
สั่งการพ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ธนิต กรปรีชา รอง ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.กริช วรทัต รอง ผกก.5 บก.ปอศ.
นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วย US Secret Service สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
ร่วมตรวจสอบและจับกุมธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐและดอลล่าร์สิงคโปร์ปลอม
จับกุมตัว นางอนัญญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี พร้อมของกลางธนบัตรดอลลาร์สิงคโปร์ ฉบับละ 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ปลอม จำนวน 74 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยมีมูลค่า 17,473,680 บาท
บรรจุอยู่ในซองกระดาษสีน้ำตาลที่ นางอนัญญา ถืออยู่จับกุมได้ที่ร้านแลกเงินบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านสีลม
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มมิจฉาชีพขนธนบัตรดอลล่าร์สิงคโปร์ปลอมจำนวนมากไปขายให้กับร้านแลกเงินบริเวณห้างสรรพสินค้าดังกล่าว
ได้เรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนประชุมวางแผนเพื่อจับกุม ต่อมาสังเกตพบมีหญิงวัยกลางคนแต่งกายลักษณะภูมิฐานทราบชื่อภายหลังคือ นางอนัญญา เดินถือซองกระดาษสีน้ำตาล
ตรวจสอบข้อมูลกับสายลับยืนยันว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นคนที่จะนำธนบัตรดอลล่าร์สิงคโปร์ปลอมจำนวนมากมาหลอกขายให้กับร้านแลกเงิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวและขอตรวจค้นหญิงคนดังกล่าว
จากการสอบถาม นางอนัญญาทราบว่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ทั้งหมดเป็นของตนเองที่จะเอามาขายให้กับร้านแลกเงิน
จากนั้นได้ขยายผลไปตรวจสอบรถยนต์ของนางอนัญญานำไปจอดไว้ที่อาคารจอดรถอีกแห่งหนึ่งย่านสีลม
ผลตรวจค้นพบของกลางธนบัตรดอลลาร์สหรัฐต้องสงสัย ฉบับละ 100 ดอลลาร์ อีกจำนวน 95 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยมีมูลค่า 279,537 บาท
ได้เชิญตัว นางอนัญญา พร้อมธนบัตรต้องสงสัยดังกล่าวมาตรวจสอบที่ กก.5 บก.ปอศ.
ผลตรวจสอบจาก เจ้าหน้าที่หน่วย US Secret Service ประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสืบสวนปกป้องระบบทางการเงินของสหรัฐอเมริกาจากอาชญากรรมทางการเงินและอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ยืนยันว่าธนบัตรดอลลาร์สิงคโปร์ของกลาง และธนบัตรดอลลาร์สหรัฐของกลางดังกล่าวทั้งหมดเป็นธนบัตรปลอม
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุม นางอนัญญาฯ ในฐานความผิด “มีไว้เพื่อนำออกใช้ธนบัตรรัฐบาลต่างประเทศ (ดอลลาร์สิงคโปร์ และดอลลาร์สหรัฐ) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมหรือแปลง”
ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวต่อว่า ธนบัตรปลอมทั้งหมด หากคนร้ายสามารถนำไปแลกกับร้านค้าหรือบุคคลอื่นที่ตกเป็นเหยื่อก็จะทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก
เนื่องจากธนบัตรปลอมดังกล่าวหากคิดเป็นเงินไทยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 17 ล้านกว่าบาท
ถือเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการร้านค้าธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินและธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในห้วงวิกฤติโควิดอยู่แล้ว
เชื่อว่า นางอนัญญา ผู้ถูกจับไม่ได้กระทำผิดเพียงคนเดียว น่าเชื่อว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลังร่วมกันเป็นขบวนการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป
